“ฮ่า ฮ่า เจ้าล้อข้าเล่นหรือเปล่า เจ้าฝันเยี่ยงนั้นจริงรึ”องค์คีตะถาม ถึงจะหัวเราะแต่สีหน้าแววตาดูจริงจังมาก
“เจ้าค่ะ หมายความว่าอย่างไรเจ้าค่ะ”ฉันพูด
“ครั้งนี้ข้ายิงปืนนัดเดียวจักได้นกสองตัวเลยรึ”องค์คีตะพูด
“ทำไมได้นกสองตัวล่ะเจ้าค่ะ ท่านพี่พูดให้ข้าสงสัยยิ่งนัก”ฉันพูด
“เดี๋ยวเมื่อถึงเวลาเจ้าก็รู้เองดอก พี่จะเข้าไปพบท่านพ่อท่านแม่ของเจ้าและบอกเรื่องของสองเรา เจ้าจะไปพร้อมพี่หรือไม่”องค์คีตะพูด
“ไปพร้อมท่านพี่เจ้าค่ะ ข้าอยากกับวังของเราแล้ว”ฉันพูดพลางเอามือของเขามาจับออดอ้อนเหมือนเด็ก
“คราฟ คราฟ เมียของข้าช่างออดอ้อนเก่งจริงๆ คืนอภิเสกคงต้องจัดหนักๆเสียแล้ว”องค์คีตะพูดพร้อมทำหน้าทะเล้น
“ท่านพี่พูดอะไร ข้าเขินนะ”ฉันพูด และเราทั้งสองก็เดินจูงมือกันเพื่อไปเข้าพบท่านพ่อท่านแม่ของฉัน ระหว่างที่เดินเข้าไปในท้องพระโรงนาคทุกตนต่างมอบก้มลงถึงพื้นรวมถึงท่านพ่อท่านแม่ของฉันด้วย
“องค์คีตะท่านมาเยือนที่เมืองเล็กๆของข้า ท่านมีอะไรจะให้ข้ารับใช้หรือ”ท่านพ่อเอ่ยพร้อมน้ำเสียงที่ตะกุกตะกักเหมือนเกรงกลัวอะไรสักอย่างในขณะที่ก้มหัวมอบลงกับพื้น
“ท่านเจ้าเมือง ข้าไม่ได้มาเพื่อจะใช้ท่านแต่ข้ามาขอลูกสาวของท่าน นารินทร์ทิพย์ ซึ่งนางคือภรรยาของข้า นางคือคู่บารมีของข้า ท่านจะยกนางให้ข้าหรือไม่”องค์คีตะพูด
“ยกให้ขอรับ องค์ท่านคีตะ ข้ายินดีขอรับ”ท่านพ่อพูดด้วยน้ำเสียงที่ยินดีไม่ขัดข้องอะไร ฉันคิดในใจพ่อฉันจะใจง่ายเหมือนลูกสาวไม่ได้นะ
“ส่วนค่าสินสอดของนารินทร์ข้าขอมอบพรให้เจ้ากับตระกูลของเจ้าให้เป็นตระกูลที่ร่ำรวยบารมีทั้งโภคทรัพย์และทรัพย์สินเป็นเพลา 1 กัป”องค์คีตะพูด ทันใดนั้นก็เกิดปราสาททองผุดขึ้นกลางเมืองที่มีทองมีเงินไหลล้นออกมานอกปราสาทและเหล่านาคในตระกูลก็มีอายุยืนยาวขึ้นนาคที่ใกล้หมดบารีมีจะต้องกับไปเป็นมนุษย์ในอีกไม่ช้าก็มีอายุอยู่ต่อได้อีก1กัป
งานอภิเสกสมรสถูกจัดขึ้นอย่างรื่นเริง เหล่านาคตั้งแต่ชนชั้นธรรมดาถึงขนชั้นสูงศักดิ์ต่างมาร่วมยินดี ฉันในชุดแต่งงานสีขาวมุกที่เปล่งประกายที่ยืนในอ้อมกอดขององค์คีตะที่สวมชุดแต่งงานที่ประดับทองตามสีประจำพระองค์ เราทั้งสองยืนกอดกันบนปราสาทมองดูเหล่านาคที่มาร่วมยินดีช่างเป็นช่วงที่มีความสุขเหลือเกิน
“นารินทร์เจ้ารู้สึกเยี่ยงไร มีความสุขหรือไม่”องค์คีตะพูด
“มีความสุขมากถึงมากที่สุดเลยเจ้าค่ะท่านพี่ ข้าอยากอยู่กับท่านพี่ไปแบบนี้ตลอด”ฉันพูดพร้อมกับซบลงไปบนอกแก่นของเขา
“ข้าดีใจที่เจ้ามีความสุข รักที่ข้ามีให้เจ้าคือรักที่จะไม่มีทางเลื่อนหายไปตามเวลา ไม่ทางหายไปแม้เจออุปสรรคใด และจะมีเพียงแต่เจ้าผู้เดียวเท่านั้นที่จะได้รับรักนี้หากชาติใดที่ข้าเกิดและไม่มีเจ้าไปเกิดด้วยรักที่ข้ามีจักไม่เกิดกับผู้ใดอย่างแน่นอน เป็นดั่งรักนิรันดร์ที่มีเพียงเจ้าผู้เดียวเท่านั้นที่จะได้รับ”องค์คีตะพูดพร้อมพรมจูบลงที่หน้าผากของฉันก่อนจะเลื่อนลงมาจูบ..
“อึ อึ อ้วก จะอ้วก”ฉันพูด และต้องรีบวิ่งไปอ้วกทันที พร้อมท่าทางที่อิดโรย
“สงสัยนาคาน้อยคงลงมาจุติในครรภ์เจ้าแล้วเป็นแน่”องค์คีตะพูด
“ห่าา ข้าท้องแล้วรึท่านพี่ หรือที่ท่านพี่พูดยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวคือเรื่องนี้”ฉันพูด
“ใช่แล้ว ที่เจ้าฝันว่าได้รับดอกบัวสีขาวหมายถึงจักมีนาคราชผู้มากด้วยบารมีจะมาจุติเป็นลูกของเรา เป็นการจุติแบบชลาพุชะเกิดในครรภ์ของเจ้า”องค์คีตะพูด หลังจากที่เราแต่งงานกันได้เพียง7วันฉันก็ได้ให้กำเนิดนาคราชที่เขาเกิดมาได้เพียงสามวันก็โตเป็นนาคราชหนุ่มทันที
“ภาคินทร์ ลูกของแม่อย่ามั่วไปเล่นชนที่ไหนนะลูก”ฉันพูด
“ขอรับท่านแม่ ข้าโตแล้วข้าขอไปเที่ยวดูเมืองมนุษย์ได้หรือไม่”ภาคินทร์พูด
“รอท่านพ่ออนุญาตนะลูก แม่คงอนุญาตให้ไม่ได้เพราะโลกมนุษย์ไม่ใช่ที่เที่ยวเล่นนะลูก”ฉันพูด
องค์คีตะ นารินทร์ทิพย์ และพยานรักของทั้งสอง ภาคินทร์ ก็ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในเมืองนาคสืบเนื่องมาอย่างสงบสุข..จบบริบูรณ์
“ปูน ปูน สารจากไรท์เอง นิยายเรื่องนี้จบลงแล้ว ไรท์มีแพลนจะเขียนภาคสองต่อแต่ไม่รู้ นักอ่านทุกคนจะชอบนิยายแนวนี้ไหมหากผลตอบรับดีไรท์จะมาต่อภาคสองให้นะ และสุดท้ายท้ายสุด ไรท์ขอขอบคุณนักอ่านทุกคนที่สนับสนุนไรท์นะหากผิดพลาดอะไรไรท์ไม่ขออภัยนะเพราะถือว่านักอ่านที่น่ารักของไรท์ให้อภัยไรท์แล้ว..