“ขวัญเอ่ย ขวัญมานะทิพย์”แม่พูดพร้อมกับเอามือลูบหัวฉัน ฉันนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ซึ่งโรงพยาบาลที่ฉันรักษาตัว ดันอยู่ติดกับแม่น้ำสายใหญ่ซึ่งยิ่งมองออกไปฉันกลับคิดถึงแต่หน้าเขา ปานนี้เขาจะเป็นยังไงบ้าง หรือนารินทร์ทิพย์ตัวจริงกลับไปร่างของนางแล้วนะ
“ชลา ธาลา ข้าจะไม่อยู่ที่เมืองหลายเพลา พวกเจ้าคอยเฝ้าปฏิบัติดูแลร่างของท่านหญิงให้ดีนะ ข้าจะไปตามท่านหญิงกลับมา”องค์คีตะเอ่ยขึ้น พร้อมกับกำหมัด
“เจ้าค่ะ เดี๋ยวพวกหม่อมฉัน จะดูแลร่างท่านหญิงให้ดีเจ้าค่ะ”ชลาเอ่ยขึ้นพร้อมนั่งเฝ้าร่างของนารินทร์ทิพย์ที่มีธาลาคอยใช้น้ำหอมชโลมกายเพื่อป้องกันไม่ให้ดับสลายไปหากไร้ดวงจิต
“แม่คะ แม่เชื่อเรื่องพยานาคไหมคะ”ฉันเอ่ยถามแม่ เพราะอยากรู้ว่าคนอื่นคิดยังไงกับพยานาค
“เพล้งงงงง~~~~~~”เสียงมีดที่แม่กำลังปอกผลไม้ตกลงพื้น
“ทำไมอยู่ๆลูกถึงถามถึงเรื่องพยานาคล่ะ”แม่ถามฉันพร้อมกับสีหน้าที่ตกใจอย่างกะเห็นผี
“ไม่มีอะไรหรอกแม่ แค่ได้ยินเรื่องเล่ามาและเกิดสงสัยขึ้นมาคะ” ฉันตอบแม่ ทั้งๆที่จริง ฉันก็แค่อยากรู้ว่าแม่คิดยังไงกับเรื่องพยานาคถ้าเกิดฉันเล่าเรื่องที่ฉันไปพบเจอมาให้แม่ฟัง แม่จะได้ไม่หาว่าฉันเป็นบ้า เห้อพอยิ่งคิดถึงเรื่องนี้ฉันก็ยิ่งนึกถึงหน้าเขาขึ้นมา คิดถึงอ้อมกอดของเขา
“ทิพย์ ทิพย์ ลูก~~”แม่เรียกฉัน ตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมฉันไม่ได้ยิน
“ลูกเป็นอะไร แม่เรียกตั้งนาน ไม่ตอบแม่เลย ลูกเอาแต่เหม่อมองแม่น้ำตลอดเลยนะ ตั้งแต่ที่ลูกฟื้นมา และที่ลูกถามแม่เรื่องพยานาคแม่ก็เชื่อนะว่าพยานาคมีจริง ลูกของแม่ก็เป็นพยานาคตัวน้อยเหมือนกันนะ” แม่บอกฉันพร้อมกับส่งยิ้มแล้วนำมือมาลูบหัวฉันอย่างเอ็นดู
“นารินทร์ นารินทร์”เสียงที่คุ้นหู เหมือนเคยได้ยินมาก่อนส่งเสียงเรียกฉันให้ลืมตาตื่นขึ้นหลังจากที่ฉันเผลอหลับไป ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาตอนนี้เป็นเวลาประมาณ 4ทุ่มกว่า และมองไปรอบห้อง ก็ไม่เห็นใคร สงสัยแม่จะออกไปทำธุระข้างนอกตอนที่ฉันหลับ แต่กลับพบว่าหน้าต่างบานกระจกถูกเลื่อนเปิด พอมีสายลมพัดรอดเข้ามาในห้อง ความรู้สึกเย็นสบาย พร้อมมีแสงจันทร์ที่เต็มดวงรอดผ่านเข้ามา ฉันลุกขึ้นหวังจะไปรับลมที่หน้าตา แต่เมื่อกำลังลุกขึ้นก็มีมือๆหนึ่งจับมาที่แขนของฉัน ฉันรีบหันกลับไป นั้นก็คือเขา องค์คีตะ ชายที่ฉันเฝ้าคิดถึงมาโดยตลอด พอฉันได้เห็นหน้าเขา ฉันก็รีบโผล่เข้าไปกอดเขาทันทีพร้อมกับน้ำตาของฉันที่ไหลออกมาเอง
“โอ๋โอ๋ เจ้าไม่เป็นไรนะนารินทร์ของข้า เจ้ากลับไปกับข้านะ”เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับกอดฉันและใช้อีกมือหนึ่งลูบที่หัวฉัน การกระทำนี้ช่างอ่อนโยนจริงๆ
“ทำไม คุณถึงมาอยู่ที่นี้ได้ล่ะ”ฉันถามเขาพร้อมกับมองไปที่ใบหน้าของเขา แต่เขาใส่ชุดสูทสีเทา แต่งตัวทันสมัย ราวกับนักธุรกิจ ทำไมเขาถึงแต่งตัวแบบนี้น่ะ
“ก็ข้ามารับเจ้าไง นารินทร์ เรากลับกันเถอะ ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี้ก็ไม่ได้มีความสุขหรอกนะ ส่วนการแต่งตัวของข้ามันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่เวลาขึ้นมาเมืองมนุษย์ก็ต้องแปลงกายให้เหมือนมนุษย์เพื่อกลบกลิ่นอายของความเป็นนาค ”เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับจับของมือฉันสองข้างยกขึ้นไปหอม เหมือนเขาก็คิดถึงฉันเหมือนกัน
“ท่านเป็นนาคนะ และที่สำคัญฉันก็ไม่ใช่นารินทร์ทิพย์อะไรนั้นด้วย ชื่อฉันน่ะ คือทิพย์เป็นพนักงานออฟฟิศกระจอกๆคนหนึ่ง ไม่ใช่ท่านหญิงอะไรของคุณหรอกน่ะ ส่วนเรื่องเชื่อมสัมพันธ์อะไรนั้นน่ะ ฉันก็ไม่ติดใจอะไรกับคุณหรอก เพราะร่างนั้นก็เป็นร่างของภรรยาคุณ”ฉันบอกเขา พร้อมกันหันหน้าหนี เพราะฉันก็ต้องยอมรับว่าคนที่เขารักคือนารินทร์ทิพย์ไม่ใช่ฉัน
“ข้าก็ไม่รู้ว่า จะบอกเจ้ายังไงกับเรื่องนี้ ข้าทำได้แค่บอกให้เจ้ารู้ว่าไม่ว่าเจ้าจะเป็นทิพย์ หรือนารินทร์ทิพย์ข้าก็รักเจ้านะ”เขาบอกฉันพร้อมกับดึงฉันเขาไปกอด
“ทิพย์ แม่ซื้อข้าวต้มมาฝากลูกด้วยนะ ตื่นแล้วหรอ__”แม่บอกฉันพร้อมกับทำหน้าตกใจว่าฉันกำลังกอดกับใครอยู่
“นี้คุณเป็นใครน่ะ ทำไมเข้ามากอดลูกสาวฉัน ทิพย์เขาเป็นใครอธิบายให้แม่ฟังเดี๋ยวนี้”แม่พูดพร้อมกับทำสีหน้าที่รับรู้ได้เลยว่าแม่โกรธฉัน เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาฉันก็ไม่เคยมีแฟน และแม่ฉันก็เป็นคนที่หัวโบราณเอามากๆเลย
“สวัสดีครับ ผมคีตะครับ เป็นสามีของทิพย์และเป็นลูกเขยของแม่ครับ ”เขาพูดขึ้นพร้อมกับยกมือไหว้ ทำไมเขาพูดภาษาเมืองมนุษย์และยังทำท่าทางเหมือนคนยุคปัจจุบันเลยนะ
“ทิพย์ ลูกมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมไม่บอกแม่ เล่ามาให้หมดน่ะเรื่องเป็นมายังไง”แม่พูดขึ้น พร้อมกับเข้ามาจับที่แขนฉัน
“เอ่อ..คือว่า คุณกลับไปก่อนได้ไหม”ฉันบอกเขาพร้อมส่งสายตาอ้อนวอนว่าให้กลับไปก่อน เพราะฉันอยากจะเคลียร์กับแม่ก่อน เขาก็พยักหน้าแล้วเดินออกไปจากห้องทันที
“อือ แม่คะ คือผู้ชายคนเมื่อกี้เขาเป็นคนรู้จักที่หนูบังเอิญไปรู้จัก แล้วก็สนิทกันในระดับหนึ่งค่ะ ส่วนที่เขาบอกแบบนั้นเพราะเขาเป็นคนที่ชอบพูดตลก พูดล้อเล่นไปงั้นล่ะค่ะและตอนนี้หนูก็รู้สึกปวดหัวมาก หนูอยากพักผ่อนแล้ว แม่ปิดไฟให้หนูหน่อยนะคะ ”ฉันบอกแม่พร้อมกับรีบห่มผ้าและรีบล้มตัวลงนอนเพราะฉันยังไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้ ไม่รู้จะบอกแม่ยังไงดี
“เห็นที่คงปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้แล้วล่ะ”พ่อเลี้ยงของทิพย์ที่เฝ้ามองการกระทำของทิพย์อยู่นอกห้องผ่านประตูที่ปิดไม่สนิทเอ่ยขึ้น