หวานหว่านเห็นว่าสถานการณ์ตรงหน้าไม่สู้ดี อีกทั้งเจ้านายตนมีสติปัญญาบกพร่องในยามนี้ ทางออกเดียวที่นางคิดได้ ควรปกป้องอีกฝ่ายแล้วพาไปจากอารมณ์ฉุนเฉียวของฟ่านรั่วจื่อ หากนางดึงดันจะให้คนที่มีอำนาจมากกว่าตนรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างที่ตั้งใจในตอนแรก คงไม่เกิดผลดีแน่
“คุณหนูจื่อรั่ว บ่าวสมควรถูกโบย และรับลงโทษอย่างหนัก ตอนนี้คุณหนูของบ่าว หิวมากแล้ว ขอตัวก่อน”
ฟ่านจื่อรั่วพ่นลมหายใจร้อนๆ แล้วกล่าวเสียงไม่สบอารมณ์ “รีบพานางไปที่โรงครัว และหาของให้กินเสีย ดีที่สุดก็กลับจวนแม่ทัพไป”
ฟ่านจื่อรั่วแสดงความฉุนเฉียว ฝ่ายฟ่านหรันซีปิดปากเงียบ ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด ทั้งในใจยามนั้นนางคิดหลายสิ่ง ประหลาดใจ ผิดหวัง มีความเศร้าอยู่ลึกๆ ชีวิตใหม่ที่ได้มีลมหายใจกลับมาอีกครั้ง เป็นเรื่องที่ว่ามีทั้งดีและร้าย และฟ่านจื่อรั่วที่เคยรู้จักก็เหมือนได้หายไปจากความทรง คนเบื้องหน้าคือสตรีร้ายกาจที่ไม่น่าเข้าใกล้
กระทั่งมาถึงโถงด้านนอก หวานหว่านก็โล่งใจ คุณหนูของนางไม่ได้งอแง หรือแสดงท่าทางแปลกๆ ให้ผู้อื่นขบขัน
“หวานหว่าน...”
เสียงใสๆ ของฟ่านหรันซีเรียกสาวใช้ และหวานหว่านมองเจ้านายตน นานแล้วที่ไม่ได้ยินเช่นนี้ ตั้งแต่ฟื้นกลับคืน ฟ่านหรันซี แค่ชี้นิ้วสั่ง แล้วร้องว่า “นี่ๆ มานี่ๆ กินๆ ๆ”
“เรียกบ่าวหรือเจ้าคะ”
ฟ่านหรันซียิ้มให้หวานหว่าน พลางนึกถึงชะตากรรมอีกฝ่ายในชาติภพก่อน หวานหว่านคนนี้ เสียสละชีวิตตนเพื่อปกป้องนาง และตายอย่างไร้ดินฝังกลบ มาชาตินี้ก็ยังจงรักภักดีไม่เปลี่ยน
“หิวไหม”แม้จะไม่อย่างแสดงละครเป็นคนปัญญานิ่ม แต่เพื่อเอาตัวรอดในช่วงนี้ นางคงต้องทำเช่นนี้ไปสักระยะเสียก่อน
“กลับไปกินที่จวนท่านแม่ทัพดีกว่าเจ้าค่ะ อีกอย่างในรถม้ามีของว่างมากมาย ลูกอม ผลไม้อบแห้ง แล้วก็แป้งทอดไส้งาดำ”
“ดี ๆ ๆ หวานหว่านเก่ง”
ได้รับคำชมเช่นนั้น หวานหว่านก็ยิ้มหน้าบาน และสาวใช้ส่งสัญญาณไปทางด้านนอก ให้คนเตรียมรถม้าพร้อมเดินทางกลับจวนแม่ทัพฟ่าน ทว่าอย่างไรก็ต้องแจ้งคุณชายรองเสียก่อน เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นคนพาหญิงสาวมางานเลี้ยงในวันนี้
ในขณะที่หวานหว่านมองหาคุณชายรอง หรือ ฟ่านอันเฟิง ก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันที่รังสีอำมหิตของคนผู้หนึ่งแผ่ขยายส่งมาถึงร่างบอบบางของฟ่านหรันซี และแม้กระทั่งหวานหว่าน ก็ต้องถอยไปหลายก้าวก่อนใช้ตัวบังเจ้านายของตนไว้
บุรุษผู้นั้นร่างสูงเกินคนทั่วไป และดวงตาเหยี่ยวคมกริบ ริมฝีปากบางเฉียบราวกับคมมีด
“ฮึ นี่ก็สตรีแซ่ฟ่านอีกคนหรือ”
น้ำเสียงทุ้มๆ ติดความแหบจัดเอ่ยถาม ยามนั้นมือเท้าฟ่านหรันซีเย็นจัด ใบหน้านางพลันขาวซีด โอ้ เขาควรอยู่เมืองหลวงแคว้นต้าอู่ แล้วเหตุใดถึงมาโผล่ที่ชิงซาน
เรื่องนี้ไม่ใช่ความบังเอิญ และนางไม่ควรพบเขาเร็วเกินไป
“บ่าวขอตัวพาคุณหนูหลบไปทางอื่นนะเจ้าคะ”
หวานหว่านถูกฝึกมาอย่างดี แม้ยังไม่รู้ว่าคนที่ยืนเป็นภูเขาขนาดย่อมคือใคร แต่นางก็ฉุดแขนฟ่านหรันซีให้ถอยหนีทันที แต่ปลายกระบี่ที่อยู่ในฝักของผู้ติดตามชายคนนั้นยื่นออกมาก่อนจะใช้มันจี้จุดบนร่างกายหวานหว่าน สาวใช้จึงขยับร่างกายไม่ได้ มีเพียงดวงตาที่กลอกกลิ้งไปมา และริมฝีปากที่ส่งเสียงพูด
“นายท่าน คุณหนูของบ่าว ต้องได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ที่สำคัญนางกำลังหิว อย่าทรมานผู้อื่นเลยเจ้าค่ะ”
ฝ่ายฟ่านหรันซีพยักหน้าหงึกหงักตาม และนางไม่ได้อยากอ่อนแอ แต่ภาพในอดีตชาติก่อนถาโถมเข้าใส่ รวมถึงความเจ็บแค้นที่มากล้น ยามนั้นขอบตานางร้อนผ่าว แล้วสุดท้ายก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้
การเผชิญหน้าคนผู้นี้ มิใช่เรื่องง่ายเลย
“ข้าถาม... สตรีนางนี้แซ่ฟ่านใช่หรือไม่”
เสียงคนตัวโตดังเหี้ยม และเขาสืบเท้าไปชิดร่างฟ่านหรันซี ก่อนจับปลายคางของนาง และบีบเล็กน้อย แล้วเชิดมันขึ้นเพื่อที่เขาจะดูให้ชัดๆ
ฮึ หลี่สิงหยางมาช้าเกินไป สตรีนางหนึ่งทำตัวร่านสวาท คิดจับบุรุษแทนการแต่งเข้าตำหนักเขา ส่วนอีกคนกลับสมองทึบ อับปัญญา แต่เอาเถิด... อย่างไรเขาก็ต้องเลือกสักคนเพื่อแผนการที่วางไว้
ยามนั้น ดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยน้ำตาอุ่นๆ จ้องเขม็งมองชายหนุ่ม
ซึ่งทั้งเขาและนางต่างตกอยู่ในห้วงความคิดของตน ราวกับทั้งคู่มีเรื่องให้สานต่อจากชาติภพก่อน!
“ขะ ข้าเจ็บ!”
เสียงเล็กๆ ดังขึ้น พร้อมการกระทืบเท้าของฟ่านหรันซี ในตอนนั้นเองที่หลี่สิงหยางรู้ว่าเขาได้กระทำรุนแรงต่อหญิงสาว
ชายหนุ่มปล่อยมือ แต่ไม่วายคว้าแขนนางไว้ เมื่อสังเกตเห็นว่าบริเวณปลายคางที่เขาบีบไปเมื่อครู่เป็นรอยช้ำ ส่วนใบหน้านางข้างหนึ่งมีร่องรอยการถูกทำร้าย
“เจ้าคือฟ่านหรันซีสินะ... เฮ้อ เป็นถึงลูกสาวท่านแม่ทัพใหญ่ เหตุใดถึงอ่อนแอ ถูกผู้อื่นทำร้ายได้”
ฟ่านหรันซีถลึงตาใส่เขา ใครทำนางเจ็บก่อนหน้านี้ ดูเหมือนน้อยไปเมื่อเทียบกับหลี่สิงหยาง บุรุษผู้นี้ต้องชดใช้สิ่งที่สูญเสียไปแก่นาง
“คุณชายเจ้าคะ บ่าวขอพาคุณหนูกลับจวนตอนนี้เลย”
หวานหว่านที่ได้รับการคลายจุดรีบยอบตัว และเตรียมพร้อมพาเจ้านายตนไปจากสถานการณ์ชวนอึดอัด
“บังอาจ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเบื้องหน้าเจ้าคือผู้ใด” เสียงตวาดนั้นดังมาจากผู้ติดตามหลี่สิงหยาง และเขาหันไปมองแวบหนึ่ง ก่อนโบกมือไล่ไปให้พ้นๆ หน้า
หวานหว่านยิ่งเห็น และได้ยินเช่นนั้น นางจึงไม่รอช้า ใช้ตัวกันฟ่านหรันซีแล้วพยายามพาเดินเลี่ยงหลบ แต่คนตัวสูงสืบเท้าติดตาม ก่อนใช้เท้าขัดขาสาวใช้ จนนางล้มคว่ำ
“ข้ายังพูดไม่จบ อย่าคิดพาผู้อื่นหนี”
ฟ่านหรันซีกำหมัดแน่น โกรธที่เขากล้าทำร้ายคนของตน นางกวาดตามองหาอาวุธที่พอจะใช้ต่อกรกับปีศาจผู้นี้ ทว่าสุดท้ายกับไม่มีสิ่งใดเลย
“ดูเหมือนคุณหนูสามฟ่าน...มีความหลังกับข้า และนั่นยิ่งทำให้รู้ว่า ระหว่างข้ากับเจ้า ต้องมีเวลาปรึกษาเรื่องอื่นๆ กันอย่างลับๆ เพียงลำพังสองคน”
ฟ่านหรันซีส่ายหน้าปฏิเสธ จากนั้นนางก็จ้องเขาราวกับอยากรู้ว่าอีกฝ่ายคือบุรุษบัดซบที่ภายหน้าจะกลายเป็นราชันย์อำมหิตหรือไม่
“บอกตามตรง ข้าไม่ติดใจที่ในยามนี้หากเจ้ามีสมองเล็กเท่าเม็ดถั่ว ขอเพียงปากเจ้า เต้าหู้สองก้อน และส่วนหวานฉ่ำ ตอบรับสัมผัสแข็งแกร่งของข้าได้ สตรีตระกูลฟ่านย่อมให้กำเนิดทายาทที่ดี”
หลี่สิงหยางทำให้ฟ่านหรันซีนิ่งค้าง เขากล้าพูดเรื่องต่ำช้าเช่นนี้ได้อย่างไร
หญิงสาวสูดลมหายใจลึก และกล่าวช้าชัดทีละคำ
“ทะ ท่าน ไม่คู่ควรกับซีซี”