เวลาเดินมาเกือบบ่ายสาม วิลาวัลย์เธอขอตัวกลับ เนื่องจากเธอต้องไปเตรียมตัวกลับต่างจังหวัด หมอจิณณ์ งามวิไลและลูกๆ มาส่งทางที่หน้าบ้าน ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีคุณหมอใหญ่ใจดี เดินมาส่งด้วย
"น้ากลับแล้วนะ ไว้คราวหน้าน้าจะซื้อขนมมาเยอะๆเลย" เธอก้มลงบอกหลานทั้งสอง แต่ไม่วาย
"น้าวิ ครับ คราวหน้าเอาแฟนมาด้วยนะ" ม่านเมฆถึงจะวัยสามขวบกว่า แต่การพูดจาชั่งคล่องแคล่ว จนน้าวินั้น เขินไม่เป็นท่า
"ม่านเมฆ น้าวิยังไม่มีหรอก แม่พูดอะไรไม่ต้องฟังนะ เข้าใจไหม แม่เราไม่ค่อยปกติ" เด็กน้อยพยักหน้า เพราะความไร้เดียงสา จนกระทั้ง
"เรื่องที่อยากย้ายถ้าหาก ไม่ติดที่มันไกล ก็ติดต่อมาทางงามได้นะ โรงบาลที่ผมทำอยู่ เป็นเอกชน เขารับบุคลากรอยู่แล้ว เดี๋ยวผมช่วยจัดการให้"
ไม่รู้นึกยังไง ถึงพูดชวนออกไปแบบนั้น งามวิไลตัวดี รีบหันไปยิ้มทางพี่สามี พร้อมกับหันมาหาเพื่อน
"คุณหมอใหญ่เขาเสนอแบบนี้แกจะไม่ลองคิดดูหรอ น่าคิดนะ" บอกเพื่อนว่าให้คิด แต่ตัวเองกับคิดแทนเพื่อน แววตาท่าทางออกจนเห็นได้ชัด วิลาวัลย์ เธอก็เขินง่าย เดาใจเพื่อน ออก ถ้าหากยืนนานกว่านี้มีหวัง งามวิไล แอบจับคู่เป็นคู่จิ้นของหมอติณณ์แน่นอน แต่อย่างนั้น ก็ต้องขอบคุณคุณหมอ ที่อุตส่าห์ เสนอช่องทางดีๆให้
"ขอบคุณนะคะคุณหมอ ยังไงหนูจะเอาไปคิดดูค่ะ" เมื่อกล่าวขอบคุณแล้วเธอก็ขอตัวลากลับ ส่วนหมอติณณ์นั้นกลับพรุ่งนี้เช้า เพราะค้างที่บ้านน้องชายหนึ่งคืน
ค่ำคืนของวันนั้น หมอติณณ์ ที่นานๆมาที หลานๆจึงขอให้เล่านิทานก่อนนอนให้ฟัง
"คุณลุงครับ ม่านเมฆอยากฟังเรื่อง ลูกหมูสามตัว"
"ไม่ไม่ ม่านมุกอยากฟังเจ้าหญิง" คุณลุงผู้เอ็นดูหลานทั้งสองก็ยิ้มขึ้นพลางเอามือลูบหัวหลานน้อย
"เอ้างี้ เดี๋ยวลุงเล่าทั้งสองเรื่องเลยดีไหม เล่าลูกหมูก่อนค่อยเล่าเจ้าหญิง"
"ดีครับ ดีค่ะ" เด็กน้อยประสานเสียงกัน ส่วนคุณลุงหมอก็ยิ้ม หมอติณณ์ เล่านิทานให้เด็กๆฟัง จนกระทั้ง สองแสบหลับปุ๋ย แล้วตัวเองก็กลับออกมายังห้องรับรองที่น้องสะใภ้จัดเตรียมไว้ให้
หมอติณณ์ล้มตัวลงนอน แต่ก็นอนไม่หลับหยิบมือถือขึ้นมาดูนั่นนี่ตามประสา ส่วนหมอจิณณ์และน้องสะใภ้ออกไปดูคลินิก เพราะตอนนี้นั้น พึ่งจะสองทุ่ม คลินิกปิดก็คงพากันกลับ การดูแลหลานทั้งสองจึงเป็นหน้าที่
เวลาผ่านไปสักพัก รถยนต์ก็วิ่งเข้ามาในบ้าน หมอติณณ์ลุกขึ้นแล้วเดินลงมาที่ชั้นล่างของบ้าน ที่น้องชายและน้องสะใภ้กำลังเดินเข้ามา
"เด็กๆหลับกันแล้วหรือครับ" หมอจิณณ์เอ่ยถามพี่ชาย
"พึ่งหลับ แต่พี่นอนไม่หลับ" หมอใหญ่เดินมาแล้วตรงไปที่โซฟา
"พี่ติณณ์จะเอาโกโก้อุ่นไหม งามจะทำให้" เสียงหวานของน้องสะใภ้เอ่ยถาม หมอติณณ์พยักหน้า งามวิไลก็เดินเข้าครัวไม่นานเกินรอ ก็ถือแก้วโกโก้ออกมาสองแก้ว อีกหนึ่งแก้วเป็นของสามีเธอ
ทั้งสามนั่งที่โซฟาคุยปรึกษากันเรื่องงาน เรื่องคลินิก เรื่องทั่วไป จนกระทั้งงามวิไล อดไม่ได้ที่จะถาม
"พี่ติณณ์โรงบาลเอกชนที่พี่ทำอยู่เขารับ จริงหรือเปล่าค่ะ" หมอติณณ์หันมาทางงามวิไล พร้อมคำตอบ
"ก็มีตำแหน่งว่างนะ"
"ที่จริง งามสงสารวิมัน ใช้ทุนครบแล้วก็อยากให้มันได้เงินเดือนเยอะๆ ตอนเรียนงามโชคดี พ่อแม่มีตังเลยไม่ต้องขอทุน" หมอติณณ์นั่งฟังเงียบๆ จนกระทั่งหมอจิณณ์น้องชายต้องพูดบ้าง
"เสียดาย โรงบาลเราไม่มีตำแหน่งว่าง ยังไม่เปิดรับ ถ้าหากว่า วิลาวัลย์ได้ย้ายกลับมาที่บ้านก็คงดี อีกอย่างกะว่าจะชวนมาเป็นผู้ชวนที่คลินิกด้วย รายนั้นขยัน น่าจะไม่ปฏิเสธ"
หมอติณณ์นั่งฟังอย่างเงียบๆแต่ สมองก็คิดตาม ที่จริงคลินิกที่กรุงเทพนั้น คนก็เยอะแทบทุกวันถ้าหากจะจ้างเธอและเสนอไปนั้น ไม่รู้ว่าเพื่อนของน้องสะใภ้จะตกลงหรือเปล่า
"ที่จริง ถ้าเธออยากจะออกจากโรงบาลรัฐมาเอกชนก็ได้ หรือลองถามเธอดูสิว่า อยากมาประจำที่คลินิกไหม"
สองสามีภรรยาต่างมองหน้ากัน เพราะไม่คิดว่าพี่ติณณ์จะรีบเสนอให้วิลาวัลย์นั้น อยู่ประจำคลินิก แต่เป็นคลินิกที่กรุงเทพ
"ถ้าวิไปประจำที่คลินิก ก็ต้องลาออกสิ ใช่ไหมค่ะ"
"มันก็ใช่ อิสระดีนะ" ประโยคของหมอติณณ์ทำเอางามวิไลหันไปมองสามี
"แล้วถ้าเกิดว่า วิ มันตกลงไป เงินเดือนเท่าไหร่ค่ะ"
"อืม สองหมื่นพอได้ไหม แต่พี่มีค่าล่วงเวลาให้นะ คลินิกปิดสามทุ่มทุกวัน" ที่พี่ชายแฟนพูดและเสนอมานั้น มันก็น่าสน เพียงแต่วิลาวัลย์จะยอมไปหรือเปล่าเท่านั้น เพราะปัจุบันเพื่อนก็อยู่หอพักของโรงบาล ถ้าหากไปที่นั้น ก็ต้องเช่า เงินเดือนที่ได้มาอาจจะแบ่งจ่าย
"งั้นขอ งามถามมันดูก่อน ไม่รู้ว่าวิ จะอยากไปไกลๆหรือเปล่า ยิ่งเมืองกรุงด้วยแล้ว ยิ่งค่าใช้จ่ายเพิ่ม"
หมอติณณ์พยักหน้า ไม่รู้ว่าเสนอไปแบบนี้แล้ว สาวสวยคนนั้นเขาจะตกลงหรือเปล่า แต่ที่หมอเสนอไปก็สมเหตุสมผล แต่อย่างว่าถ้าเธอมีแฟนอาจไม่อยากอยู่ห่างจากแฟนก็เป็นได้
ทั้งสามคุยกันสักพักก็แยกย้ายตัวขึ้นไปนอน พรุ่งนี้เช้า หมอติณณ์ต้องเดินทางกลับ กรุงเทพ จะว่าไปตั้งแต่ร่วมกับน้องชายมาเปิดคลินิกที่นี่ มาต่างจังหวัดเว้นอาทิตย์ก็ว่าได้