หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป
วิลาวัลย์เธอเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัดอีกครั้ง และได้แวะมาหางามวิไลเพื่อจะคุยธุระเรื่องย้ายโรงบาล ทั้งคู่นัดกันที่ร้านคาเฟ่ เพราะเธอมีธุระที่ต้องไปต่อ
"สรุปแกเอาไง ที่เสนอไปเงียบเลยนะ"
ทันทีที่เห็นหน้าเพื่อน ถึงแม้ว่าจะยังไม่หย่อนก้นลงนั่งที่เก้าอี้ก็ตาม เธอก็รีบถามขึ้น
"นั่งก่อนไหม แกจะรีบถามไปไหน นิสัยไม่เปลี่ยนจริงๆ"
วิลาวัลย์อดว่าเพื่อนไม่ได้ ก็งามวิไล ก็ยังคงคอนเซปเดิมไม่เปลี่ยน ทันทีที่โดนเพื่อนว่าเธอก็นั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ
"สรุปเอาไง"
"ฉันลองปรึกษาทางบ้านดูแล้ว แม่ฉันก็บอกว่าดี จะได้เปิดโอกาสให้ตัวเอง เงินเดือนก็เพิ่ม มันก็น่าไป แต่แม็กนะสิ..."
"เดี๋ยวนะ เกี่ยวอะไรกะแม็ก.."
แม็กที่พูดถึง คือครูแม็กครูหนุ่มรูปหล่อสังกัดภาควิชาภาษาไทยที่ตอนนี้พึ่งสอบบรรจุได้หมาดๆที่จังหวัดเดียวกันที่วิลาวัลย์นั้นเป็นพยาบาลอยู่
"เราพึ่งคุยกันเองนะ ฉันก็จะหนีเขาแล้วหรอ ฉันยังไม่สานสัมพันธ์อะไรกับเขาเลย" พูดแล้วก็ทำหน้างอ
"อ๋อ..ที่แท้ก็กลัวว่าจะไม่ได้ผัวนี่เอง"
ประโยคของงามวิไลนั้นทำเอาคนนั่งข้างๆต้องหันมามอง จนวิลาวัลย์ต้องยกมือขึ้นไปทุบที่ไหล่เบาๆ
"ยัยงาม แกพูดอะไรเนี่ย คนมองกันหมด" งามวิไลทำหน้านิ่งหันมองซ้ายขวาก่อนจะพูดต่อ
"อายอะไรวะ เรื่องปกติ ของมนุษย์โลก ว่าแต่แกจะฟังคนที่พึ่งเริ่มคุย หรือฟังฉันที่เป็นเพื่อนแกมา"
วิลาวัลย์ถอนหายใจแรง พร้อมกับการตัดสินใจครั้งใหญ่ แต่จะว่าไปเพื่อนยังไม่อ้าปากพูดด้วยซ้ำงามวิไลก็จัดการพูดต่อ
"นี่ถ้าแกกลัวจะไม่ได้สานสัมพันธ์กับครูหนุ่มคนนั้นละก็ เอางี้สิ แกก็ไปสานสัมพันธ์กับพี่สามีฉันแทน รายนั้นยังโสด ฉันยังไม่เคยเห็นแม่บอกว่าพี่ติณณ์มีแฟน โอกาสดี แกจะได้มีผัวเป็นหมอแบบฉัน" แต่งเรื่องราวให้เพื่อนซะดิบดี พูดแล้วก็ยักคิ้วหลิ่วตา แต่คนฟังนี่สิ ขมวดคิ้วแทน
"แกพูดอะไรเนี่ย ไม่เอาหรอก ฉันไม่ชอบคนแก่ อีกอย่างวัยขนาดนั้นแล้วบางทีหมอติณณ์ลุงแกอาจจะมีเมียซ้อนอยู่ก็ได้ แกอย่ามาเป็นแม่สื่อซะให้ยาก"
งามวิไลถอนหายใจกอดอกพร้อมกับจ้องหน้าเพื่อน แล้วก็พูดประโยคต่อมาทันที
"ใครแก่ พี่ติณณ์อายุอาจจะเยอะ แต่หน้ายังเด็กอยู่ ดีซะอีกดูอบอุ่นดี แกไม่เห็นฉันกับผัวหรอ พี่จิณณ์ อบอุ่นจะตาย"
"นั้นมันผัวแก พี่น้องกันก็ใช่ว่าจะเหมือนกัน พอเลยพอเลย แกหยุดความคิดเดี๋ยวนี้"
คราวนี้วิลาวัลย์อดที่จะเอ็ดงามวิไลไม่ได้ เมื่อเพื่อนบอกแบบนั้นเธอก็ไม่อยากพูดต่อ
"แกโทรถามคุณหมอดูว่า โรงบาลที่หมอทำว่างจริงไหม"
"เค.."
ประโยคสั้นๆของงามวิไล พูดแล้วก็นั่งชิว ดูดน้ำที่เพื่อนสั่งมาไว้รอ จนสักพักก็ต้องแยกย้ายกันกลับ
"ฝากความคิดถึงไปถึงสองแสบด้วย ถ้าไม่รีบก็ว่าจะเข้าไปหาที่บ้าน"
"ไม่เป็นไร ไว้คราวหน้าค่อยมา"
งามวิไลเข้าบ้านในช่วงค่ำ เพราะพี่เลี้ยงลูกทั้งสองนั้นก็ต้องกลับบ้านเช่นกัน ตั้งแต่เธอคลอดลูกแฝดมานั้น แม่แก้วแม่ของเธอก็มาช่วยเลี้ยงช่วงที่เด็กแฝดยังแบเบาะ แต่เธอก็ไม่อยากให้แม่ต้องลำบากในการช่วยเลี้ยงดูเลยจ้างพี่เลี้ยงเด็กแทน
"เย้ๆแม่กลับมาแล้ว"
สองแฝดกระโดดโลดเต้นที่เห็นแม่ของตัวเองกลับมาจากที่ทำงาน งามวิไลสาวเท้าเข้าบ้านพร้อมหอบหิวอาหารที่ต้องเตรียมทำกับข้าวไว้รอสามี
"ไงจ๊ะตัวแสบของแม่ วันนี้คุณครูมีการบ้านให้ทำไหม"
เธอเอ่ยถามลูกทั้งสอง เด็กๆพยักหน้าพร้อมบอกว่า พี่เลี้ยงสอนทำจนเสร็จ ดังนั้น งานสอนการบ้านลูกเลยสบายตัวไปวันนี้
หลังจากที่เข้ามาที่บ้านและได้จัดเตรียมอาหารรอสามี อีกทั้งดูแลลูกๆทั้งสองและพาเข้านอน นั่นเป็นหน้าที่หลักๆของเธอ เมื่อหมอจิณณ์กลับมาแล้ว เธอก็ปรึกษาเรื่องที่ได้คุยกับวิลาวัลย์เพื่อนรัก เรื่องการไปทำงานที่เอกชนกับหมอติณณ์
"งามคุยกับวิแล้ว มันบอกว่าอยากไป พี่ช่วยโทรบอกพี่ติณณ์หน่อยสิ"
"แล้วบอกเรื่องที่พี่ติณณ์เสนอเรื่องคลินิกหรือเปล่า"
"บอกค่ะแต่วิมันยังไม่พูดเรื่องคลินิก งั้นเอาเบอร์วิให้พี่ติณณ์คุยเองดีไหม"
สองสามีคุยกัน ก็ได้ข้อสรุปว่า ต้องให้เจ้าตัวที่เสนอนั้นเป็นคนคุยรายละเอียด มันก็น่าจะง่ายกว่า งามวิไลเธอก็ไม่รอช้า เอาเบอร์วิลาวัลย์ให้สามีของเธอ เพื่อที่จะโทรบอกพี่หมอติณณ์ให้ติดต่อกับวิลาวัลย์เอง
หลังจากทานข้าวอิ่มหมอจิณณ์ก็โทรบอกพี่ชายที่อยู่กรุงเทพ อีกทั้งสอบถามเรื่องโรงบาลที่นั้นให้ด้วย เป็นธุระให้เพื่อนภรรยาซะดิบดี
"งามคุยกับเพื่อนแล้ว วิลาวัลย์เธอพร้อมไป ว่าแต่โรงบาลของพี่ เปฺิดรับจริงใช่ไหม"
(ก็รับนะ แต่ เสนอเรื่องที่พี่เสนอให้หรือเปล่า)
ปลายสายย้อนถามอีกครั้ง
"งามบอกว่า อยากให้พี่โทรคุยกับเธอเอง เพราะว่างามบอกว่าเธอถามแค่เรื่องโรงบาลเท่านั้น"
(หรอ งั้นเอาเบอร์ให้พี่แล้วกัน พี่อยากจะคุยรายละเอียดกับเธอสักหน่อย เผื่อเธอจะสนใจ)
ประโยคยาวๆของหมอติณณ์ที่บอกน้องชาย ไม่นานเบอร์ติดต่อของวิลาวัลย์ก็ไปอยู่ที่หมอติณณ์ทันที สองหมอคุยกันจนได้ขอสรุป หลังจากนั้นก็วางสาย งามวิไลที่รอข้างๆก็ถามขึ้น
"พี่ติณณ์ว่ายังไงบ้างค่ะ"
"พี่ติณณ์คงอยากให้วิลาวัลย์ ไปทำที่คลินิกมากกว่า คงอยากให้อยู่ประจำ จะได้เปฺิดตลอดทั้งวันละมั้ง"
งามวิไลที่นั่งฟังก็พยักหน้า ในใจก็คิดว่าถ้าหากเพื่อนรับงานนี้ก็คงดี พี่ติณณ์ไม่ได้เป็นคนดุร้ายอะไร แถมใจดี เงินพิเศษก็คงจะมีให้ อีกอย่างเงินเดือน รวมค่าล่วงเวลา ร่วมค่าพิเศษที่พี่ติณณ์จะให้คงได้เยอะกว่าโรงบาลรัฐเป็นแน่
**แล้วคุณหมอจะคุยกับเธอว่ายังไวละทีนี่ อิอิ เป็นกำลังใจให้หมอติณณ์เราหน่อยนะคะ