ฝ่ายเดือนชมพูหรือพู่ ที่อยู่ในตึกคณะ เดือนชมพูมีกิจกรรมร่วมกับเพื่อนฝูงนิสิตแพทย์ด้วยกันกำลังปรึกษากันในเรื่องทำรายงานเพื่อส่งอาจารย์..มีความรู้สึกว่าการเรียนก็หนักพอสมควรแล้วยังเพิ่มรายการอีก กิจกรรมพิเศษที่รุ่นพี่เลือกสรรให้มาอีก เดือนชมพูกับเพื่อนรุ่นเดียวกันหัวหมุนไปตามกันทำให้ต้องเลิกเย็น แต่ก็โทร.ไปบอกน้าสาวไว้เรียบร้อยแล้ว..ยังไงเสียเข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตามนั่นล่ะ นิสิตสาวคิดอย่างนี้
เย็นแล้วของวันนี้นิสิตแพทย์สาวที่เรียนเก่งลูกสาวชาวนามายืนคอยรถเมล์ที่ป้ายเพื่อกลับบ้าน..ทำให้ได้มาพบกับพี่ชายซึ่งเพิ่งเดินมาที่ป้าย..ซึ่งไม่บ่อยครั้งนักที่เดือนชมพูจะได้พบเจอ..เพราะส่วนมากเตลานรีบเร่งที่จะไปสอนพิเศษมากกว่า เมื่อเห็นพี่ชายก่อนเด็กสาวจึงเอ่ยทักขึ้นก่อน
“พี่เตน..แหม พู่นึกว่ากลับไปแล้ว” เมื่อพบน้องสาวฝ่ายพี่ชายเลยยิ้มให้
“เธอก็เหมือนกัน..ทำไมกลับช้าจัง”
“ก็ที่คณะน่ะสิคะ..มีกิจกรรมพิเศษพู่ต้องอยู่ร่วมกับเพื่อนเพิ่งมาปล่อยนี่แหละค่ะ.. หิวด้วย”
น้องสาวเอ่ยบอกเหตุผลพร้อมกับบ่นหิว
“งั้นพู่รอพี่นะ จะเข้าไปซื้อซาลาเปากับขนมจีบแก้หิว น้ำคนละขวด เธอคอยพี่แป๊บที่ป้ายรถเมล์นี่แหละ”
เมื่อพี่ชายอาสาเช่นนี้.. เดือนชมพูเอ่ยคำขอบคุณ ก่อนที่เตนหรือเตลานจะวิ่งตื๋อไปข้างหน้าซึ่งมีร้านค้าสะดวกซื้อสักประมาณห้านาทีพี่ชายจึง
เดินออกมาอีกครั้งด้วยถุงขนมสองถุงและน้ำสะอาดสองขวด..ยื่นส่งให้น้องสาวถุงหนึ่ง
“ไป..กันเถอะ พู่รถมาพอดี โชคดีเบาะมีที่นั่งว่าง..เร็วพู่รีบขึ้นรถไปกับพี่ หาที่นั่งไว้.. พี่เองก็มีเรื่องอยากจะคุยกับพู่เหมือนกัน”
เตลานเอ่ยบอกน้องสาวทั้งคู่รีบกระวีกระวาดขึ้นไปได้ที่นั่งแถวคู่สำหรับพี่น้อง..แล้วรถเมล์คันนี้โล่งนานๆถึงจะเจอแบบนี้ที..คงเป็นเพราะว่าตัดระยะสั้น..จึงสามารถย้อนกลับมารับผู้โดยสารได้อีกปกติรถเมล์สายนี้ไกลที่สุดก็ถึงย่านฝั่งธนบางแคทีเดียว
เดือนชมพูแวะลงพร้อมกับพี่ชายแถวสุขุมวิท.. เพราะเธออยากจะไปดูห้องของพี่ชาย.. คิดว่าจะใช้เวลาไม่นานนัก และขอกลับโดยการโดยสารบีทีเอสไปลงที่ปลายทางคือแถวอ่อนนุช และจะโทรบอกผู้เป็นน้าสาวไว้ก่อนว่าคงจะกลับถึงบ้านไม่เกินหนึ่งทุ่ม
เป็นเรื่องดีเหมือนกันสำหรับเตลานที่ได้พาน้องสาวมาเห็นที่พักของพี่ทั้งสอง..อย่างน้อยคราวต่อไปน้องสาวจะได้มาเยี่ยมสะดวก เดือนชมพูไม่เคยมาที่นี่ก่อน พอขึ้นบนตึกพร้อมกับพี่ชายเอ่ยอุทานว่า
“ห้องไม่ค่อยกว้างค่ะ ถ้าพ่อกับแม่มาเยี่ยมจะเอาตรงไหนนอนค่ะ” เดือนชมพูเอ่ยพูดเผื่อ.. หลังจากเดินสำรวจดูในห้อง
“ก็เช่าเพื่ออยู่หลับนอนเรียนหนังสือเท่านั้น ที่ทางแถวนี้มันแพงแค่ไหนเธอก็รู้..ที่สำคัญใกล้มหาวิทยาลัยที่สุดแล้ว”
“ค่ะ พู่พอจะรู้” แสนจะดีใจอย่างมากสำหรับสาวน้อย เธอรู้ว่าวันนี้ได้ตัดสินใจขึ้นรถมากับพี่ชาย เพื่อจะได้มาเยี่ยมสถานที่พักของทั้งคู่.. ถ้ามีเวลาว่างเธอจะพาน้าสาวมาเยี่ยม และไม่ได้อยู่รอให้พี่ชายคนกลางกลับมา เท่าที่ทราบจากเสียงโทร.นั้น เตชิตพี่ชายคนนี้ยังอยู่บนรถเมล์ที่มีสภาพติดแหงก บนถนนสุขุมวิท..คาดว่าถ้ามาถึงที่นี่อีกก็ครึ่งชั่วโมง เลยไม่รอ เอ่ยปากบอกพี่ชายคนโตว่า
“พี่เตนคะ ฝากบอกพี่แต๊งค์ด้วยว่า พู่มาเยี่ยม..ไม่คิดจะอยู่รอพี่แต๊งค์กลับมาหรอกค่ะ คงอีกนาน พู่กลัวค่ำ เดี๋ยวจะขึ้นบีทีเอสกลับไป”
“จ้ะ เดี๋ยวพี่จะบอกแต๊งค์เอง แล้วนี่ออกไปพร้อมพี่เลย พี่จะแวะไปส่งเธอที่บีทีเอสก่อน แล้วพี่ก็จะไปสอนเด็กตามเคย”
บอกกับน้องสาวถึงอาชีพประจำที่เขารับผิดชอบอยู่ ไม่เกินสิบห้านาทีต่อมาทั้งสองพี่น้องจึงออกจากห้องก่อนออกมานั้นเตลานได้เตรียมแฟ้มสำหรับทำการสอนพิเศษของน้องๆที่เขารับผิดชอบซึ่งอยู่ในซอยใกล้บ้านพัก ซึ่งต้องนั่งรถมอเตอร์ไซค์เข้าไปถือว่าลึกมากทีเดียว แอแต่เขาก็คุ้นเคยถึงคฤหาสน์บ้านหลังนั้น รวมทั้งเตรียมพร้อมในการแต่งกายหลังจากที่อาบน้ำชะระกายจนรู้สึกสดชื่น ส่วนน้องสาวเพียงแค่ล้างหน้าล้างตาเท่านั้น
เธอคิดว่าจะขอไปอาบน้ำที่บ้าน ที่สุดทั้งสองพี่น้องนั่งรถเมล์อีกประมาณสามป้ายเท่านั้นก็พากันลงแล้วจากนั้นเดินขึ้นบันไดเลื่อนของบีทีเอส และเขาได้ไปส่งน้องสาวบริเวณที่จำหน่ายตั๋ว ตั้งใจจะป็นคนซื้อตั๋วให้น้องสาวโดยควักสตางค์ให้ แต่เดือนชมพูปฏิเสธบอกกับพี่ชายว่า
“ไม่ต้องหรอกค่ะ พี่เตน ไหนว่าไม่ค่อยมีตังค์ล่ะ เก็บเอาไว้เถอะ พี่เตนอยู่กับพี่แต๊งค์ สองคนค่าใช้จ่ายเยอะเหมือนกัน พู่เองอยู่กับน้าเพ็ญ ขาดตกอะไรน้าเพ็ญก็ช่วย”เขาพยักหน้าเบากับน้องสาว ก่อนที่จะเห็นร่าวงระหงปราดเปรียวของเดือนชมพูถือบัตรแข็งสอดเข้าไปในช่องทางอัตโนมัติ จากนั้นก็ผลุบเข้าไปข้างในพร้อมดึงบัตรโดยสารไว้กับตัวเดินขึ้นบันไดเพื่อไปยืนรอขบวนรถบีทีเอส ที่มองดูแล้วว่าง ผู้คนไม่ค่อยออและยืนเบียดเสียดกันนักเช่นเดียวกับผู้โดยสารคนอื่นที่ต่างอาชีพ
บางคนเป็นนิสิตนักศึกษาเช่นเดียวกับหล่อน บางคนเป็นหนุ่มสาววัยทำงาน หลังจากที่เลิกงานก็อยากที่จะกลับบ้านสะดวกรวดเร็ว เพราะช่วงเวลานี้ทุกคนก็รู้ดีว่ารถติดอย่างมาก ยืนรอส่งน้องสาวจนลับสายตาไปแล้วจึงตัดสินใจเดินลงบันไดแล้วก้าวเดินย้อนกลับไปอีกซอย เพื่อหารถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ให้ไปส่งที่คฤหาสน์ชิษณุพงษ์
รับหน้าที่สอนหนังสือหรือเป็นติวเตอร์ให้เด็กชายและเด็กหญิง เจ้าของบ้านลุกออกมาต้อนรับเมื่อได้ยินเสียงกดออด พร้อมด้วยเด็กชายและเด็กหญิงชั้นประถมสี่กับประถมห้า ส่งเสียงทักให้แก่ติวเตอร์พิเศษที่รับหน้าที่สอนประจำ
“สวัสดีค่ะ พี่เตน”
“สวัสดีครับ พี่เตน”
“สวัสดีครับน้องมุก กับน้องเอก”
แฟ้มตำราที่ถือมาถูกกางเปิด มีอุปกรณ์เตรียมพร้อมให้เรียบร้อยกระดานดำไวท์บอร์ดกับปากกาเมจิก เด็กหญิงเด็กชายตั้งอกตั้งใจฟังครูพิเศษเป็นอย่างดี มีผู้ปกครองนั่งฟังอยู่ห่างๆด้วยท่าทีพึงพอใจ หยิบเรื่องเก่าที่สอนค้างคาเพื่อทบทวนความจำ เด็กทั้งคู่พอมีพื้นฐานวิชาคำนวณ เขาเพิ่มเติมอธิบายบอกสูตรลับให้เด็กทั้งคู่เข้าใจมากยิ่งขึ้น ที่เรียนอยู่ชั้น เข้าใจระดับหนึ่ง
แต่ได้ติวเตอร์รุ่นพี่ซึ่งถือว่าเก่งวิชาคณิตศาสตร์ เด็กทั้งคู่ก็เพิ่มความฉลาดมากกว่าเดิม เข้าใจเรียนรู้ได้ง่ายอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งติวเตอร์หนุ่มก็พึงพอใจที่สอนให้ทั้งคู่เก่งและเข้าใจได้
เป็นไงบ้างก้ไม่รู้ครัว พ่อที่บาดเจ็บ
พี่น้องร่วมทานข้าวด้วยกันายในครอบครัว..เรนื่องสนุกสนานของทางมหาวิทยาลัย
เดือนชมพูกลับเข้าไปถึงบ้านในช่วงเวลาหนึ่งทุ่มตรง คุณเพ็ญผ่องผู้เป็นน้าสาวกลับจากที่ทำงานและได้ยินเสียงกดออดหน้าบ้านจึงเดินไปเปิดประตูให้ ว่าพลางบ่นถึงเรื่องที่ได้กระทำ
“วันนี้ พู่แวะเลยไปเยี่ยมบ้านพี่เตนมาค่ะ เลยกลับเอาป่านนี้”
“ไม่เป็นไรจ๊ะน้าเองก็เพิ่งมาถึงเมื่อไม่นาน ขึ้นไปข้างบน ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสีย”
เพ็ญผ่องในชุดอยู่กับบ้านเป็นเสื้อแขนสั้นสีบานเย็นกับซิ่นยกดอกสีเขียวก้านมะลิ ในชุดที่เรียบง่ายอยู่กับบ้าน เดือนชมพูค้อมกายลงเล็กน้อย ขณะเดินผ่านผู้เป็นน้าสาว ใช้เวลาเพียงแค่สิบห้านาทีจึงได้ลงมา
“อ้าว ไม่มีรายงานหรือยังไงวันนี้”เพ็ญผ่องกำลังง่วนอยู่หน้าเตาในห้องครัว เอ่ยถามขณะที่อีกมือใช้ทัพพีพลิกกลับไปมาบนกระทะขณะกำลังผัดกะเพราะไก่ซึ่งเป็นอาหารมื้อเย็นของครอบครัว ตั้งใจว่าจะทำแกงจืดวุ้นเส้นกับน้ำพริกกะปิเพิ่ม เพราะหลานสาวบ่นหลายวันแล้วว่าอยากกินน้ำพริกกะปิ
“ไม่มีค่ะ วันนี้เมนูมื้อเย็นมีอะไรคะน้าเพ็ญ” น้าสาวเงยหน้าขึ้นมองวางทัพพีลงใกล้ตัว
“ก็น้ำพริกกะปิที่เราถามหาหลายวันก่อนนี้สิ น้าแวะผ่านตลาดสด เลยนึกขึ้นมาได้ เสร็จแล้วจะทอดผัดกับไข่ใส่ใบชะอมด้วย มาพอดี งั้นช่วยน้าล้างครก สาก เตรียมพริกขี้หนูสวนเด็ดขั้ว”
นี่เป็นอาหารที่เธอเรียกร้องผู้เป็นน้ามาแล้วไม่ต่ำกว่าสี่วัน เข้าใจดีว่าน้าสาวมีภาระหน้าที่การงานหนักหน่วง แต่ก็ยังใจดีเข้าครัวทำอาหารอร่อยให้ทาน เดือนชมพูเป็นลูกมือของน้าสาวเช่นเคย ผ่านไปถึงชั่วโมงอาหารจึงถูกยกมาวางที่โต๊ะกลม มีสองน้าหลานนั่งทานอย่างเงียบ สามีของเพ็ญผ่องต้องขึ้นเครื่องไปที่สิงคโปร์เมื่อเช้านี้ กว่าจะกลับอีกทีก็สามสี่วัน
อาชีพแอร์โฮสเตสทำให้เธอเคยชินอยู่กับการอยู่คนเดียว สามีก็เช่นกัน ช่วยกันเก็บจานชามไปไว้ที่หน้าอ่างล้างจานแบบซิงค์ ปัดกวาดเศษอาหารจนหมดเกลี้ยงแล้วลงมือล้างคว่ำเก็บจนเรียบร้อย ส่วนน้าสาวก็ช่วยเช็ดโต๊ะถูพื้นอีกครั้ง เธอเป็นคนที่รักความสะอาด
อยู่กับหลานสาวก็แบ่งเบาภาระกันทั้งโดยไม่เกี่ยงงอนว่าใครจะต้องทำ แบบนี้เดือนชมพูจึงอยู่มีความสุขไม่อึดอัด เพราะความหมายคำว่าญาติทำให้เธอมีความสุขสามารถพึ่งพิงได้
สองทุ่มต่อมา เด็กสาวนั่งเล่นอยู่ริมระเบียงบ้านชั้นสอง นั่งมองโน่นนี่ดูดาวเพลิน ในช่วงที่ยังไม่รู้สึกง่วง ส่วนน้าสาวนั่งดูละครโทรทัศน์ที่ชื่นชอบ