เมื่อเพลงสุดท้ายจบลง ชาลิตาก็ไม่รอช้ารีบก้าวลงจากเวที ใบหน้าสวยฉายชัดถึงความกังวล ขณะสองเท้าก้าวยาว ๆ อย่างเร่งรีบพาตัวเองเดินหนีไปด้านหลัง หญิงสาวไม่คิดหยุดทักทายเพื่อนร่วมวงเลยสักนิด แม้แต่คำถามของเพื่อนหนุ่มก็ไม่เสียเวลาตอบ ตอนนี้เธอต้องรีบหนีไปจากที่นี่ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่ลางสังหรณ์บอกว่าการได้พบเจอเขาในครั้งนี้ มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ เธอกลัวว่านอกจากจะเสียตัวให้เขาแล้ว อาจจะต้องเสียหัวใจให้เขาอีกด้วย
ร่างเพรียวเดินเลี้ยวเข้าไปยังห้องแต่งตัว ซึ่งเป็นห้องเดี่ยวชั้นเดียวด้านหลังสุด มีไว้สำหรับเธอโดยเฉพาะ เพราะทำงานมาหลายปี เจ้าของร้านเลยจัดการเปลี่ยนจากห้องเก็บของเป็นห้องแต่งตัวให้เธอ เวลามาทำงานเธอก็ต้องแวะมาห้องนี้ก่อน เพื่อมานั่งแต่งตัวแต่งหน้าก่อนออกไปร้องเพลง โดยปกติเธอจะไม่แต่งหน้า ยกเว้นในเวลางานและส่วนใหญ่ก็จะแต่งเข้มจัดตามแนวเพลงที่ร้องในผับ
เธอต้องเข้าทำงานที่นี่ทุกวัน ตั้งแต่เวลาสองทุ่มถึงเที่ยงคืน รายได้ต่อเดือนเทียบเป็นเงินไทยก็สองหมื่นห้า แต่ค่าครองชีพที่สูงและรายจ่ายอื่น ๆ ทำให้ในแต่ละเดือนเธอต้องใช้เงินอย่างประหยัด เพื่อเก็บไว้เป็นค่ารักษาพยาบาลของวาริสาอีก มันไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ เลย เธอที่ต้องรับหน้าที่ดูแลทุกอย่างในบ้าน จึงต้องทำงานหลายหน้า เพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว วาริสาเป็นโรคหัวใจมาตั้งแต่เด็ก ทำให้ทำงานหนักไม่ได้ เธอจึงให้น้องสาวพักอยู่ที่บ้านไม่ยอมให้ออกตะลอนไปทำงาน วาริสาเป็นน้องสาวที่น่ารักของเธอ ทุกวันจะปักผ้า ถักไหมพรม หารายได้อีกทางหนึ่งช่วยเธอ เธอไม่คิดว่านี่คือความยากลำบาก ขอแค่ได้เห็นน้องสาวมีความสุข ไม่ต้องเจ็บป่วยจากโรคภัยไข้เจ็บก็พอ
มือเรียวรีบดึงโซ่เส้นเล็ก ๆ ออกจากตัว ก่อนจะเดินลิ่วอย่างว่องไวไปหยิบเสื้อผ้าของตัวเองยัดใส่กระเป๋าเร็ว ๆ ตอนนี้เธอไม่มีเวลาแล้ว ไม่มีเวลาแล้วจริง ๆ แต่ในจังหวะที่ชาลิตาหันหลังกลับกำลังจะก้าวไปจากห้อง สองเท้าก็หยุดชะงักอยู่กับที่ ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างตกใจที่ตอนนี้มีใครอีกคนยืนขวางประตูอยู่ ด้วยสัญชาตญาณหญิงสาวรีบถอยหลังไปหลายก้าว ดวงตายังคงจับจ้องมองคนตรงหน้าอย่างไม่วางตา ผิดกับชายหนุ่มที่มาใหม่ เขาทำเพียงจ้องมองเธอนิ่ง ๆ พลางสาวเท้าเดินเข้าไปหา
ท่าทางนิ่งเรียบแต่แฝงแววอันตรายเต็มเปี่ยมของชายหนุ่ม ทำให้หญิงสาวที่ยังไม่หายตกใจยิ่งหวาดระแวงขึ้นไปอีก แม้จะคุมสีหน้าให้เป็นปกติได้แล้ว แต่แววตากลับสั่นระริกระแวดระวังภัยอยู่ตลอดเวลา ปากอิ่มเม้มแน่นพลางสอดส่องสายตาหาทางหนี ทั้งที่จริง ๆ เธอไม่มีความจำเป็นต้องหนีเลย ในเมื่อเธอไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ท่าทีคุกคามแบบนั้นมันทำให้เธอรู้สึกอึดอัดคล้ายกับคนหายใจไม่ออกเพราะกำลังจะจมน้ำตาย!
จมลึกลงไปใต้ท้องสมุทรอันเวิ้งว้างที่แสนจะหนาวเหน็บ ผู้ชายคนนี้มีความสามารถถึงขนาดนี้เลยหรือ แค่สบกับดวงตาสีฟ้าเข้มลึกล้ำของเขาก็ทำเอาอ่อนระทวย สติเลือนหายไปในพริบตา แต่เดี๋ยวก่อน หญิงสาวหาใช่คนที่จะมาเลอะเลือนเพียงเพราะผู้ชายคนเดียวที่ไหน เธอไม่ปฏิเสธว่าเขาหล่อเหลา ทรงเสน่ห์ไม่เหมือนใคร เธอก็แค่หวั่นไหวไปชั่วขณะเท่านั้นเอง
“คุณเข้ามาในนี้ได้อย่างไร ที่นี่ไม่ใช่ที่ ๆ ใครนึกอยากจะเข้าก็เข้ามาได้นะ คุณกลับไปออกไปเสียเถอะ ไม่อย่างนั้นฉันจะร้องเรียกให้คนมาช่วย” น้ำเสียงแหบห้าวออกปากไล่อย่างไม่เกรงใจ กระแสเสียงยังคงราบเรียบไร้ความรู้สึก จะมีก็แต่นัยน์ตาสีนิลที่ฉายแววหวาดหวั่นให้ได้เห็นเท่านั้น
“หึ งั้นก็ร้องเลยสิ ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะมีใครกล้าเสนอหน้าเข้ามาได้ ถ้าฉันไม่อนุญาต เชิญ” ฟองซัวล์เอ่ยเสียงเรียบ สีหน้าบอกชัดถึงความท้าทายส่งไปให้อีกคน ชาลิตารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดียังไงแปลก ๆ ฟันขาวราวไข่มุกขบเข้าที่ริมฝีปากล่างพยายามบังคับไม่ให้สั่นระริก ขณะที่สมองกำลังประมวลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขามาหาเธอที่นี่อีกทำไมกัน เธออุตส่าห์หนีออกมาแล้ว ไม่คิดเรียกร้องความรับผิดชอบ เขาก็น่าจะพึงพอใจแล้วนี่
ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ แม้สีหน้าของชาลิตาจะยังปกติ แต่แววตากลับสั่นไหวคิดหาทางออก ห้องนี้ถูกทาด้วยสีขาวนวล เป็นห้องเล็ก ๆ ซึ่งมีทางออกเพียงทางเดียว ก็ทางที่มนุษย์น้ำแข็งขวางเธอเอาไว้นั่นแหละ คนอะไรกันทำสีหน้าเป็นอยู่อย่างเดียวหรือไง นิ่งแล้วก็นิ่ง สมกับสีตาเลย เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกเขาดูดลงไปใต้มหาสมุทรอย่างไรอย่างนั้น
รังสีไอเย็นที่แผ่ออกมารอบตัวชายหนุ่ม ทำให้ร่างเพรียวรู้สึกหนาวเหน็บ ความกลัวทวีคูณขึ้นมา ความเงียบทำให้พวกเขาได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน ก่อนที่ชาลิตาจะเอ่ยทำลายความเงียบ เพราะทนไม่ไหวกับบรรยากาศชวนอึดอัดนี้จริง ๆ
“คุณมาที่นี่ทำไม ต้องการอะไรอีก มีอะไรก็ออกไปคุยกันข้างนอกสิ ในนี้ฉันคุยไม่สะดวก”
“แต่ฉันชอบคุยในนี้มากกว่า ทำไมล่ะ ห้องนี้ก็ออกจะกว้าง หรือว่าเธอกลัวอะไร กลัวฉันเหรอ” ฟองซัวล์ก้าวเท้าไปข้างหน้าทีละนิดอย่างไม่ต้องการให้เหยื่อแตกตื่น ในขณะที่ชาลิตาเอาแต่คิดหนักว่าจะหาทางหนีออกไปจากที่นี่อย่างไร ชายหนุ่มก็ขยับใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ โดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างสูงก็พุ่งเข้าชาร์จตัวร่างเพรียวตวัดวงแขนเกี่ยวเอวบางของอีกคนกระชากเข้าหาลำตัวอย่างแรง
หมับ!
“โอ๊ย! นี่คุณ! ปล่อยฉันนะ!” ชาลิตาหลุดร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ เมื่อร่างทั้งร่างถูกกระชากเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของชายหนุ่ม เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาคมคายที่สามารถสะกดใจสาว ๆ ให้หลอมละลายได้ ดวงหน้าสวยแดงก่ำทั้งรู้สึกเขินอายและกรุ่นโกรธในเวลาเดียวกัน เธอไม่ชอบใจเลยที่ถูกเขากระทำแบบนี้
“ฉันอยากรู้ว่าเธอจำฉันได้หรือเปล่า ตกลงว่าจำฉันได้ใช่ไหม” เสียงทุ้มต่ำที่จงใจกระซิบชิดริมขอบหู ทำเอาร่างเพรียวสะดุ้งเฮือก หัวใจเต้นรัวเร็วไม่เป็นส่ำ ฟองซัวล์กระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ แม้ว่าสีหน้าอีกฝ่ายจะยังคงเรียบนิ่งไร้อารมณ์เช่นเดิม แต่เขารับรู้ได้ถึงแรงสั่นเทาน้อย ๆ ของอีกคน มันยิ่งทำให้สัญชาตญาณนักล่านายพรานอย่างเขายิ่งอยากล่าเหยื่อ
“คุณ...ถอยออกไป ปล่อยฉัน”
“แล้วถ้าไม่ปล่อยล่ะ เธอจะทำอะไรฉัน หืม?” เสียงทุ้มหยอกเย้ากลับไปพลางกระชับวงแขนแน่นขึ้นอีก เขามีความสุขจริง ๆ ที่ได้แกล้งอีกคนเล่นแบบนี้ อยากรู้นักว่าแม่เสือของเขาจะทำหน้าอย่างไร
ฟองซัวล์ก้มหน้าลงมองใบหน้าสวยคมของหญิงสาวในอ้อมอก พวงแก้มทั้งสองข้างแดงเรื่อน่าสัมผัส ดวงตาสีนิลวูบไหวสั่นระริกอย่างรู้สึกสับสนและวุ่นวายใจ ส่วนหัวคิ้วก็ขมวดยุ่งเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนที่อีกฝ่ายจะเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างไม่เข้าใจ สีหน้าของแม่สาวจอมยั่วยังคงราบเรียบ ไม่ว่าใครที่พบเห็นก็รู้สึกใจสั่นเพราะความงดงามเหนือคำบรรยาย เธอเปรียบเสมือนนางฟ้าที่ไม่อาจแตะต้องได้
แต่สำหรับเขาเธอคือแม่เสือจอมดุช่างยั่ว ยิ่งแสดงท่าทีแข็งขืนมากเท่าไร เขาก็ยิ่งอยากล่า ใบหน้าสวยดุของเธอติดเย็นชา นัยน์ตาแข็งกร้าวไม่ยอมใครเป็นสิ่งที่เขาชื่นชอบมากที่สุด ภายนอกเธออาจเป็นสาวมาดแมนท่าทางเย็นชา แต่ภายในอ่อนไหวง่าย แถมยังน่ารักน่าฟัดอีก
นี่จะรู้ตัวบ้างไหมว่าตัวเองน่ารักน่าปรารถนาแค่ไหน จนเขาชักจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว เธอคงไม่รู้ว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เขาทรมานยิ่งกว่าคนตายทั้งเป็นเสียอีก
“ฉันมีเรื่องอยากจะคุยด้วยหน่อย ตอนนี้เลย”
“ฉันอยากออกไปคุยข้างนอก แล้วก็ต้องการให้คุณปล่อยฉันด้วย เลิกกอดฉันเสียที”
“แต่ฉันอยากกอด” ฟองซัวล์ตอบหน้าตายแถมยังกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอีก จนชาลิตาแทบจมหายเข้าไปในร่างของอีกคน
“นี่คุณ! คุณยังต้องการอะไรจากฉันอีก! ฉันหนีออกมาแล้วแทนที่คุณจะเลิกยุ่งกับฉัน ดันมาตามหาฉันซะงั้น คุณต้องการอะไรกันแน่ หรือว่าต้องการให้ฉันเรียกร้องความรับผิดชอบจากคุณ” คนในอ้อมแขนหอบหายใจหนักหน่วง หลังจากที่พูดออกมายาวเหยียด อกอิ่มสะท้อนขึ้นลงบดเบียดกับแผงอกแกร่งสร้างอารมณ์วาบหวามชวนหวั่นใจเสียจริง
ฟองซัวล์กัดฟันกรอดอย่างระงับอารมณ์พลางสูดลมหายใจเข้าออกรัวเร็ว สองมือกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นก่อนจะหันเหสายตาไปมองทางอื่น แต่เหมือนอีกคนจะไม่นำพายังคงจ้องมองเขาเขม็ง ไม่วายยกมือดันใบหน้าเขาให้หันกลับมาสบตาด้วย ฝ่ามือสากระคายของคนในอ้อมแขนทำให้คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เขารู้สึกไม่ชอบใจเลยที่รู้ว่ามือคู่นี้ต้องใช้มันทำงานอะไรมาบ้าง คงจะลำบากไม่น้อยเลย
“เธอ”
“ฮะ?”
“ฉันต้องการเธอ ได้ยินชัดหรือยัง”
“คุณ...คุณจะบ้าหรือไง ต้องการฉันเนี่ยนะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน! ปล่อยสิ!” ไม่พูดเปล่าแต่ร่างเพรียวยังดิ้นขลุกขลักไม่หยุด ใบหน้าสวยฉายแววโกรธจัดแทบอยากจะฆ่าเขาให้คามือตายเลยทีเดียว
ฟองซัวล์พ่นลมหายใจยาวเหยียด รับรู้ถึงร่างกายที่เครียดขึ้งขึ้นมา นัยน์ตาสีฟ้าเข้มฉายแววล้ำลึกด่ำดิ่งสู่หวงปรารถนาคิดอยากครอบครองอีกคนเพียงอย่างเดียว แต่เขาก็ต้องกัดฟันทนข่มอารมณ์ความต้องการของตัวเองไว้สุดขีด เขาไม่อยากทำอะไรเธอตอนนี้หรอกโดยเฉพาะที่นี่ แต่เหมือนแม่สาวช่างยั่วไม่ยอมให้ความร่วมมือ นอกจากจะดิ้นแล้วยังทุบตีเขาราวกับกระสอบทราย ไม่คิดว่าเขาจะเจ็บบ้างเลยหรือไง
“หยุดดิ้นได้แล้ว ฉันแค่อยากจะคุยด้วยเฉย ๆ”
“อยากให้ฉันหยุดดิ้นก็ปล่อยตัวฉันสิ คุณมีสิทธิ์อะไรมากอดฉันไว้แบบนี้ ปล่อยนะ!”
“สิทธิ์งั้นเหรอ หึ...เธอก็รู้อยู่แก่ใจว่าฉันมีสิทธิ์อะไร ทุกตารางนิ้วบนร่างกายเธอเป็นของฉัน เธอจำไม่ได้เหรอว่าเมื่อหนึ่งเดือนก่อน เรามีความสุขกันมากแค่ไหน ในห้องนั้น...”
“คนเลว! คุณมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย คุณคิดจะข่มเหงรังแกฉันเหรอ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันจำอะไรไม่ได้ทั้งนั้นแหละ ปล่อยสิ!” ชาลิตายังคงฟาดงวงฟาดงาดีดดิ้นสุดฤทธิ์ ใช่ว่าเธอจะลืมสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เรื่องระหว่างเธอกับเขามันจบไปแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้นก็แค่ความผิดพลาด เพราะเธอถูกวางยาถึงได้ทำอะไรแบบนั้นลงไป
“ลืม...ฉันไม่อนุญาตให้เธอลืม” คิ้วเข้มกระตุกด้วยความไม่ชอบใจพลางกอดรัดร่างนุ่มนิ่มแน่นขึ้นอีกเป็นการลงโทษ
“โอ๊ย! นี่คุณ ฉันอึดอัดนะ คนเผด็จการ! คุณไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งกับฉัน ฉันจะลืมมันก็สิทธิ์ของฉันไม่เกี่ยวกับคุณ” ชาลิตายังคงไม่รู้ตัวว่าตอนนี้คนร่างสูงมีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างไร ดวงตาสีฟ้าเข้มข้นขึ้นตามแรงอารมณ์ที่ใกล้จะระเบิด ความรู้สึกหงุดหงิดและไม่พอใจกำลังทำให้เขาระงับตัวเองไม่อยู่
ไม่เกี่ยวงั้นเหรอ คิดจะลืมเขา มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก เธอผิดเองนะที่ยั่วโมโหฉัน แม่เสือจอมยั่ว
“อ๊ะ! คะ...คุณ! คุณจะทำอะไรฉัน!” ชาลิตาแทบสิ้นสติ เมื่อถูกมือหนาบีบเข้าที่หน้าอกเต็มแรง มิหนำซ้ำร่างของเธอยังถูกดันไปด้านหลัง จนแผ่นหลังสัมผัสเข้ากับผนังเย็นเยียบ ทำเอาชาลิตาสะดุ้งเบิกตาโพลงตกใจกับการกระทำของอีกคน