“เจ้าได้ยินเรื่องโรงน้ำชาที่ใหม่หรือไม่? สาวใช้ที่บ้านข้าตื่นเต้นกันยกใหญ่ เมื่อเช้านางตามพ่อครัวไปตลาดได้ยินเข้าเอามาคุยเป็นคุ้งเป็นแคว”
“อ้อ! ข้าไปดูมาแล้ว วันนี้วันเปิดโรงน้ำชาใบไผ่ พวกมือปราบก็ได้รับเชิญกันทุกคนนั่นแหละ ได้ยินว่ามีขนมอร่อยตั้งหลายอย่างเทียว” ไป๋ฉงเหวินรู้ว่าญาติผู้น้องของตนย่อมพลาดเรื่องขนมมิได้
“เจ้าขอท่านพ่อให้ข้าหน่อยสิ หากข้าขอเองเกรงว่าจะมิได้ไป”
“ได้! แต่เจ้าต้องรับปากว่า เสร็จจากไปโรงน้ำชาแล้วต้องช่วยข้าไปดูเรื่องหนึ่ง” มือปราบหนุ่มคิดไว้แล้ว การมาพบนางวันนี้เขามีจุดประสงค์แอบแฝงตั้งแต่แรก
“ที่แท้ เจ้าก็คิดจะขอความช่วยเหลือจากนักสืบซินผู้นี้อยู่แล้วนี่เอง ว่าแต่เงินรางวัลคราวก่อนข้ายังไม่ได้ส่วนแบ่งเลยนะ” เหลียงเจินซินยื่นมือออกมา หงายฝ่ามือกระดิกนิ้วเพื่อให้ญาติผู้พี่ส่งมอบรายได้ของนางออกมา
“เจ้านี่งกเหลือเกินจริงๆ เงินที่ได้มาก่อนหน้านี้เจ้าใช้หมดหรือเปล่า?” เขาหยิบถุงเงินในสาบเสื้อที่แบ่งส่วนของนางไว้แล้วออกมา นางรีบคว้าเอาไปเก็บไว้ในกระเป๋า
“ข้ามิใช่เจ้าเสียหน่อยจะได้เที่ยวเล่นจนไม่มีเงินเหลือเช่นนี้ ข้าเก็บเงินหมายจะออกไปท่องยุทธภพ เป้าหมายยิ่งใหญ่ต้องมุ่งมั่น!” นางกำหมัดชูขึ้นสูง จน ไป๋ฉิงเหวินขบขัน
“ข้าต่างหากที่เป็นจอมยุทธ์สมควรไปท่องยุทธภพ ส่วนเจ้าน่ะเป็นแค่ตีนแมว เอ๊ย! นักสืบ จะไปท่องยุทธภพได้อย่างไรกัน?”
เหลียงเจินซินได้ยินเช่นนั้นก็ทำตาโตเอานิ้วชี้หน้าตนเอง “ข้านี่ล่ะ! สมควรจะได้ชื่อว่าจอมยุทธ์คนสำคัญแห่งเป่าจู เจ้ามิได้ยินหรือว่าไปที่ใดผู้คนล้วนยกย่องในความสามารถการสืบคดีของข้า”
ไป๋ฉิงเหวินคร้านจะอธิบายซ้ำว่าที่นางทำเรียกย่องเบา ส่วนการสืบคดีเป็นเรื่องที่เขาทำต่างหาก หลังจากหาร่องรอยและแนวทางการสืบสวนคดีต่างๆ เรียบร้อยแล้วก็สั่งให้นางเป็นผู้ไปขโมยเอาหลักฐานเพิ่มเติมมาให้ตามต้องการ ‘เอาเถอะ บอกไปยังไงก็เถียงนางไม่ได้อยู่ดี ปล่อยให้เข้าใจไปแบบนี้ก็ดีแล้ว ประเดี๋ยวงอนมาพาลไม่ช่วยทำงานอีก’
“เอาล่ะๆ ก็ได้ นักสืบซิน ข้าจะถือว่าเจ้าเป็นจอมยุทธ์แห่งเป่าจูก็แล้วกัน เดี๋ยวข้าไปขออนุญาตท่านลุงให้เจ้าก่อน”
เหลียงเจินซินออกมายืนรอหน้าจวน ได้ยินเสียงท่านพ่อก็นางเอะอะเล็กน้อยจากนั้นก็เงียบไป ‘เสี่ยวเหวินนี่เก่งจริงๆ เกลี้ยกล่อมท่านพ่อได้สำเร็จอีกแล้ว’ ที่แท้ ไป๋ฉิงเหวินเอาชื่อของบิดาตนมากล่าวอ้างว่าจะพาเหลียงเจินซินออกไปสืบคดีทำให้ เจ้าเมืองเป่าจูพูดไม่ออก ชะเง้อมองบุตรสาวที่ชอบแต่งกายเป็นชายตั้งแต่เริ่มโตแล้วก็ปวดใจ แม้คนทั้งเมืองจะรู้ว่านางคือบุตรสาวคนเล็กของเขา ทว่ากลับเรียกขานจากการแต่งตัวของนางว่า ‘คุณชายน้อยเหลียง’ นางเลยวัยปักปิ่นมาแล้ว ปีนี้อายุสิบหกก็ยังไม่มีแม่สื่อสักคนคิดจะมาทาบทาม เหลียงฮุ่ยฟู่หันหน้าไปปรึกษาภรรยาว่าอาจจะต้องเก็บเงินทองไว้ให้มากหน่อย บุตรสาวอายุครบสิบแปดหากประกาศว่าสินเดิมนางมีมหาศาลอาจจะทำให้ตระกูลดีๆ หันมาสนใจบ้างก็ได้
นักสืบซินสะพายกระเป๋าแบนยาวที่เย็บด้านในเป็นช่องเล็กๆ สำหรับเก็บเครื่องมืองัดแงะและทำงานของนางไว้ครบครัน ในสายรัดเอวของนางมีซอกสำหรับเก็บตั๋วเงินที่มิดชิด ใบหน้าเล็กๆ เกลี้ยงเกลาในชุดคุณชายทำให้นางน่าเอ็นดูเหมือนหนุ่มน้อย
“ไปกันเถอะคุณชายน้อย ข้าขอพ่อเจ้าได้แล้ว”
“ดีมาก! อย่าลืมเลี้ยงดูปูเสื่อข้าอย่างดีตามที่เจ้าสัญญาด้วยเล่า”
“เจ้ามีแต่รีดไถข้าเช่นนี้เมื่อไหร่ข้าจะมีเงินเก็บได้” มือปราบหนุ่มพึมพำ ยามที่นางต้องการสิ่งใดก็ล้วนเป็นเขาที่ต้องควักจ่าย สุดท้ายเขาก็ต้องเป็นหนี้นาง
“เสี่ยวเหวิน เจ้าไม่เคยได้ยินหรือว่าคนโง่ย่อมเป็นเหยื่อของคนฉลาด”
“นี่เจ้าว่าข้าโง่งั้นหรือ?”
“นั่นเจ้าสรุปเองนะ อย่าโมโหไปเลย ต่อไปข้าจะเก็บเงินเผื่อเจ้าก็แล้วกันวันใดเรามีโอกาสได้ไปท่องยุทธภพข้าย่อมพาเจ้าไปด้วยแน่นอน” นางตบบ่าเขาอีกสองแปะปลอบใจ
“เจ้าพูดแล้วนะ รักษาสัจจะด้วย”
“ข้านักสืบซิน คำไหนคำนั้น”
“ดี!”
โรงน้ำชาใบไผ่สาขาเป่าจูอยู่ใกล้กับโรงเตี๊ยมไข่มุก อาคารทั้งสองหันหน้าเข้าหาทะเล เพียงเดินข้ามถนนก็จะไปถึงชายหาดเมืองเป่าจูแล้ว เมืองนี้เป็นเมืองท่าแห่งเดียวของแคว้นจิน หลังจากที่องค์ชายจินเสวี่ยหลงหรือปัจจุบันคือท่านอ๋องใหญ่ได้ไปสำรวจเส้นทางการค้าทางทะเลเมื่อปีก่อนมาจนทั่วจึงได้เริ่มลงทุนขยายท่าเรือเพื่อหวังให้แคว้นจินได้ส่งออกสินค้า บัดนี้มีโรงต่อเรือขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นที่เมืองเป่าจูทำให้เมืองเล็กๆ ชายทะเลแห่งนี้กลายเป็นจุดหมายปลายทางของคนจากเมืองอื่นๆ ในแคว้นที่เริ่มขนสินค้ามาเพื่อส่งไปขาย เรือใหญ่นำสินค้าออกไปส่งยังแคว้นเหลียนและแคว้นผิงที่อยู่มีท่าเรือใหญ่และอยู่ถัดไปจากแคว้นจิน การคมนาคมทางน้ำทำให้การขนสินค้าสะดวกสบายและทำให้เมืองเป่าจูกลายเป็นเมืองสำคัญขึ้นมาในเวลาไม่นานนัก
“เร็วเข้า! คนจองโต๊ะด้านหน้าเต็มหมดแล้ว ข้าไม่อยากนั่งล่ะ ประเดี๋ยวได้ยินไม่ถนัด” นางจูงมือญาติผู้พี่เดินซอกแซกเข้าไปด้านใน “มีโต๊ะพอดี” เหลียงเจินซิน หย่อนก้นลงเบาะแล้วฉุดพี่ชายให้นั่งตาม “เสี่ยวเหวินอย่าช้าสิ!”
ไม่นานนักคนก็ทยอยเข้ามานั่งโต๊ะด้านหลังจนเต็ม ที่เหลือไม่มีโต๊ะก็ขอเก้าอี้เสริม สุดท้ายก็ยังคงมีคนที่จำเป็นต้องยืนมุงอยู่ข้างนอก
“ยินดีต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน โรงน้ำชาใบไผ่สาขาเป่าจูเพิ่งมาเปิดที่นี่เป็นวันแรก สาขานี้นับเป็นสาขาที่สอง สาขาแรกของเรานั้นตั้งอยู่ที่เมืองหลวง หากทุกท่านได้ไปเยือนก็อย่าลืมไปแวะเวียนกันได้ นักเล่านิทานที่เราเชิญมาในวันนี้เป็นผู้ที่ได้รับความนิยมอย่างยิ่ง ขอเชิญท่านพบกับท่านผู้เฒ่าเซียง.....” ผู้ดูแลสาขาเป่าจูทอดเสียงยาวเร่งเร้าความสนใจ กลองใหญ่ด้านหลังรัวจังหวะรับ เหลียงเจินซินรู้สึกตื่นเต้นจนต้องหันไปเขย่าแขนญาติผู้พี่
“ข้าตื่นเต้นจริงๆ เลย ครั้งแรกที่จะได้ฟังนักเล่านิทานจากเมืองหลวง”
“ใจเย็นๆ ต่อไปจะมีเล่านิทานแทบทุกวัน ขี้คร้านเจ้าจะเบื่อ”
“สวัสดีท่านผู้ชมที่น่ารัก ข้าคือผู้เฒ่าเซียงแห่งเมืองจิน เรื่องแรกในวันนี้จะเล่าเรื่องที่สตรีน้อยใหญ่ทั่วแคว้นกำลังให้ความสนใจ นั่นคือองค์ชายใหญ่จินเสวี่ยหลงของพวกเรา หรือในยามนี้ได้รับการเลื่อนยศเป็น ท่านอ๋องใหญ่.......”
“เสี่ยวเหวิน องค์ชายผู้นี้คือคนที่ท่านพ่อข้าเคยไปต้อนรับเมื่อคราวก่อนใช่หรือไม่?” นางหันไปเขย่าแขนพี่ชายอีกครั้ง
“อืม...องค์ชายใหญ่แคว้นเราก็มีคนเดียวนี่”
----------------------------
************************
ไรท์แนะนำ.....นิยายซีรี่ย์นี้มีทั้งหมด 6 ภาคด้วยกัน (เขียนถึงต้นสิงหาคม 2564) ซึ่งแต่ละเรื่องสามารถอ่านแยกกันได้ เพียงแต่ตัวละครจะรู้จักหรือเป็นญาติกันคะ่ เรื่องที่ 1 "ท่านอ๋องอย่าคิดหนี" เรื่องที่ 2 "ท่านอ๋องเป็นของข้า" พระเอกคือ หมิงเฉินกง เป็นน้องชายของพระเอกภาค 1 เรื่่องที่ 3 "ท่านอ๋องกับชายาหมี" พระเอกคือ ท่านอ๋องเก้า เป็นน้องชายของพระเอกภาค 1 เรื่องที่ 4 "ท่านหญิงจีจอมพลัง" พระเอก คือ ฟ่านหลี่เจี๋ย เป็นพี่ชายของนางเอกภาค 1 เรื่องที่ 5 "ซือซือ ฮองเฮาพันโฉม" พระเอกคือ ฮ่องเต้หมิง พี่ชายของพระเอกภาค 1 เรื่องที่ 6 "สายลับจับอ๋องใหญ่" พระเอกคือ องค์ชายจินเสวี่ยหลงพี่ชายของนางเอกภาค 2 ทุกเล่มมี EBOOK จำหน่ายค่ะทางเว็บไซต์ขายอีบุ๊กหลายเว็บนะคะ.....ติดตามข้อมูลนิยายของไรท์ได้ทางเฟสบุ๊กจ้า https://web.facebook.com/Chaomuangtawanok