ตอนที่ 10 ซาตานร้ายจอมเผด็จการ&จอมหื่น (2)

1052 คำ
แต่ผ่านมาอีกหลายปีนางก็ยังไม่ได้อุ้มหลานสักที แต่พันสิงห์ก็ได้ดักทางนางเอาไว้ก่อนแล้วว่า เมียคนที่สามเขาจะเป็นคนเลือกเองบ้าง        แต่คุณนายก็ไม่คิดว่าพันสิงห์จะมาเลือกเอาเด็กสาวอายุยังไม่ยี่สิบ แล้วแถมเป็นลูกหนี้อีกต่างหากมาเป็นเมีย ทำให้นางยังไม่ยอมรับ แล้วถ้าหากเมียคนที่สามของลูกชายคนโตมีลูกขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่รู้ว่านางจะยอมรับได้ไหม ซึ่งการแต่งงานที่กำลังจะจัดขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้ นางเองก็ไม่ยอมรับ แต่ไม่กล้าขัดใจลูกชายของนางเท่านั้นเอง        “สิงห์ไม่เปลี่ยนใจแน่นะ”        “ไม่ครับแม่ แม่ยกเลิกการดูตัวเถอะครับ เพราะตอนนี้ผมลองเคี้ยวหญ้าอ่อนไปแล้ว มันหวานดี ผมชอบ”        “แต่ทั้งบ้านมีลูกสาวแค่คนเดียว แม่ว่าเมียคนนี้ก็อาจมีลูกให้สิงห์ไม่ได้หรอก”        “ถ้าแต่งกับคนนี้แล้วไม่มีลูกอีก ผมว่าผมคงเป็นหมันแล้วล่ะครับแม่”        “ไม่ๆ สิงห์ไม่ได้เป็นหมันแน่นอน”        “คุณแม่รู้ได้ยังไงครับว่าผมไม่ได้เป็นหมัน”        “ก็แม่...คือ คือพ่อกับแม่มีลูกตั้งสามคน แม่ก็เลยมั่นใจว่าลูกทุกคนของแม่ไม่มีใครเป็นหมันแน่นอน”        พันสิงห์ส่ายหน้า ขณะที่คุณนายรพีพรรณแอบผิดหวังเล็กๆ ที่เมียคนที่สามของลูกชาย นางไม่ได้เลือกให้เอง แต่ในใจก็คิดแผนร้ายที่จะกำจัดลูกสะใภ้ที่นางไม่ได้เลือกคนนี้ให้พ้นทางไว้ในใจแล้ว        ‘รับรองว่าแกไม่มีทางมีลูกให้ลูกชายของฉันแน่นังลลิน หลานของฉันจะต้องเกิดจากลูกสะใภ้ที่ฉันเลือกเองเท่านั้น!’        จากนั้นคุณนายรพีพรรณที่ซ่อนความร้ายกาจเอาไว้ภายใต้คราบของคุณนายแสนดีประจำบ้าน ประจำหมู่บ้าน ก็อยู่คุยกับลูกชายจนค่ำมืด กินข้าวเย็นด้วยกันอิ่มแล้ว นางก็กลับบ้านไป                ตอนนี้มันเวลาทุ่มครึ่งแล้ว ไม่รู้ว่าเมียของเขากินข้าวเย็นหรือยัง พันสิงห์ที่รับปากพ่อตาแม่ยายเอาไว้แล้วว่าจะดูแลลูกสาวของพวกเขาเป็นอย่างดี ชายหนุ่มก็ไม่รีรอที่เดินไปดูเมียวัยขบเผาะของเขาที่บ้านของเธอ        ลลินพอมองเห็นว่าพันสิงห์เดินเข้ามาในบ้าน เธอก็ทำท่าอยากจะกลับเข้าห้องนอนของตนเองทันที แต่รู้ว่าหากว่าพันสิงห์อยากจะเข้าห้องเธอจริงๆเขาก็คงต้องเข้ามาให้ได้ แม้ว่าจะต้องพังประตูเข้าไปก็ตาม        “พี่สิงห์มาทำไม”        “ก็แค่จะถามว่ากินข้าวเย็นหรือยัง”        “กินตั้งแต่อาบน้ำเสร็จใหม่ๆแล้วค่ะ” เธอตอบอย่างระแวดระวัง กลัวว่าเขาจะเดินเข้ามาใกล้ชิดเกินไป        “ฉันก็กินแล้ว แต่ว่าตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลานอน อยากจะไปเที่ยวข้างนอก ไปด้วยกันไหม”        “ไม่ค่ะ แนนไม่ชอบเที่ยวตอนกลางคืน”        “ไม่ไปก็ดี งั้นนั่งดื่มสปายเย็นๆกับฉันหน่อยนะ”        “ไม่ค่ะ แนนดื่มสปายไม่เป็น”        “ความจริงฉันจะเอาเบียร์มานะ แต่เห็นว่าผู้หญิงน่าจะชอบสปายมากกว่า ซ่าๆหวานหอม ลองดูนะ”        “แต่ว่าแนนไม่เคยดื่ม”        “ฉันจะสอน ไม่เมาหรอก อร่อยดีออก”        “แต่ว่า...” เธอกลัวเขาจะมอมเมาเธอแล้วก็ลงท้ายด้วยบทรักร้อนแรงเหมือนเมื่อตอนกลางวันน่ะสิ        “งั้นถ้าไม่ดื่มเป็นเพื่อนฉัน เราไปคุยกันในห้องนอนเลยดีกว่าเนาะ”        “เอ่อ ดื่มก็ได้ค่ะ” ลลินรีบเปลี่ยนใจทันที ก่อนจะยอมเดินไปเอาแก้วมาสองใบ แล้วนั่งดื่มเป็นเพื่อน ‘สามีทางพฤตินัย’ ของเธอไปแบบเงียบๆ        จิบเครื่องดื่มสีแดงใสไปได้ครึ่งแก้วก็เริ่มติดใจ เพราะมันหวานซ่านใจดี ก็ดื่มอีกจนหมดไปหนึ่งขวด พันสิงห์เตรียมมาสี่ขวด แต่เขาดื่มหมดไปแล้วสองขวด ก็เลยรินขวดสุดท้าย ใส่แก้วของเธอกับเขาคนละครึ่งขวด        คนที่ไม่เคยดื่มของมึนเมา พอได้ลองแค่ขวดครึ่ง ก็เริ่มมึนแล้ว ซึ่งพันสิงห์คาดการณ์ได้ดี รู้ว่าหญิงสาวคงดื่มได้มากสุดแบบไม่เมาก็ประมาณนี้ แค่อยากให้เธอไม่เครียด ไม่เกร็งเวลาอยู่ใกล้เขาแค่นั้นเอง        “ดื่มแค่นี้พอก่อนนะ ถ้ามากกว่านี้เธอเมาแน่ๆ ซึ่งฉันไม่ปรารถนาให้มันเป็นแบบนั้น”        “ความจริง แนนอยากดื่มอีกนะคะ มันหวานซ่าดี” เป็นครั้งแรกที่เธอคุยกับเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก็เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์นั่นแหละ        “งั้นวันหลังฉันจะซื้อมาให้เธอดื่มอีกนะ”        “ขอบคุณค่ะ”        “ลลิน”        ลลินมองหน้าคู่หมั้นของตนเอง รอว่าเขาจะพูดอะไรออกมา        “ต่อนี้ไปเธอเป็นเมียฉันแล้ว อย่าไปคุยกับผู้ชายคนไหนสองต่อสองอีกนะ ฉันไม่ชอบ”        “พี่สิงห์หวงแนนเหรอคะ”        “หวงไม่หวง มันก็อีกเรื่อง แต่ฉันไม่ชอบให้เมียของตนเองไปคุยกับผู้ชายสองต่อสองมันไม่งาม”        “แล้วเมียสองคนของพี่ล่ะ คุยกับชายอื่นได้หรือเปล่า”        “อีกอย่างนะ เวลาอยู่กับฉันสองคน ห้ามพูดถึงผู้หญิงสองคนนั้นให้ฉันได้ยินด้วย และห้ามพูดถึงชื่อผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อของเธอด้วย ส่วนคนอื่นเรื่องอื่น ถ้าจะซักถามอะไร ฉันตอบได้หมด โดยเฉพาะเรื่องของฉันกับเธอ”        “ค่ะ” ลลินนึกแปลกใจตนเองเหมือนกัน ว่าทำไมตอนนี้เธอถึงไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเขามากนัก แถมยังตกลงรับปากเขาอย่างว่าง่าย และสาวน้อยก็ไม่ได้คิดจะหาคำตอบ เพราะเธอเริ่มมึนๆ อารมณ์กำลังเคลิ้มๆ เห็นอะไรก็ยิ้มขำไปหมด แถมยังแอบชื่นชมใบหน้าของผู้ชายตรงหน้าอีก รู้สึกว่าเขาหล่อขึ้นยังไงก็ไม่รู้        “คืนนี้อากาศดี เราไปยืนคุยกันตรงชิงช้ากลางสวนไหม ดูเดือนไปด้วย นะ”        “ดีค่ะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม