2

1507 คำ
“ไม่ใช่” “แสดงว่าความจำไม่ดี จำไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้เสียตัวเป็นสามีภรรยากันแล้ว ไม่เป็นไรเดี๋ยวชัชจะทบทวนให้ที่รักเอง" “ไม่ อื้อ...” เธอปฏิเสธแล้วต้องร้องครางเมื่อเขาเลื่อนมือลูบไล้กายสาวไปมา นิ้วแกร่งเสียดสีกับยอดเกสรสวาทแดงฉ่ำ เขาแหวกร่องชุ่มฉ่ำโดยการจ้วงลึกเข้าไปภายใน เธอครางเสียงโหย     พาสะโพกหนีสลับกับตะครุบมือของเขาเอาไว้ แต่เขายิ่งขยับทำให้เธอยิ่งเสียวซ่าน ปากร้อนของเขาก้มลงมาบดจูบปากอิ่มหวานดูดดื่มเพื่อปิดกั้นเสียงประท้วง คนร้องว่าไม่เอาไม่เอาโดนแนบจนติดเตียง เธอหอบหายใจสะท้านอยู่ใต้ร่างเขานานนับชั่วโมงกว่าเขาจะยอมปล่อย ดมิสานอนกอดผ้าห่มเอาไว้แน่นด้วยใบหน้าแสนงอน ในขณะที่ชัชวินทร์กอดรัดเธอแนบอก “ที่รักคงจะเหนื่อย นอนไปก่อนนะ เดี๋ยวชัชไปทำอะไรให้กิน” เขาหอมแก้มเธอฟอดใหญ่ ก่อนที่จะเดินโทงๆ ไปหากางเกงมาสวม เธอหลับตาปี๋       แอบมองเขานิดหนึ่ง แล้วนึกค่อนขอดในใจ ไอ้พวกชีเปลือก ไอ้พวกชอบโชว์! เธอด่าเขาแต่ด่าแค่ในใจเท่านั้น ขืนด่าออกไปได้โดนกดติดเตียงอีกแน่ๆ ดมิสานอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ก่อนที่ชัชวินทร์จะกลับเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “โทร. ไปบอกเลิกกับพี่นัสซะ” “หมายความว่ายังไง” เธอมองหน้าเขาอย่างตกใจ “เป็นเมียชัชแล้วยังจะไปเป็นชู้กับสามีชาวบ้านอีก” “พูดไม่น่าฟัง” “จะโทร. ไปดีๆ หรือจะให้ชัชส่งรูปที่รักนอนเปลือยก้นลายไปให้พี่นัสดู” “คนบ้า!” เธอเหวใส่ใบหน้าแดงก่ำ ท่าทีเหมือนอยากจะตะกุยหน้าของเขาให้เลือดซิบ “เร็วสิ” เขายื่นโทรศัพท์ให้เธอท่าทีเร่งเร้า “รู้แล้ว” “อย่าเอาตัวเองใส่ตะกร้าล้างน้ำไปประเคนให้คนอื่นอีกเลย ตัวเองน่ะมีสามีอยู่แล้ว นั่งหัวโด่อยู่นี่ไง พี่นัสเองก็คงไม่ชอบพวกย้อมแมวขายหรอกนะ” “ชัช!” เธอเสียงดังใส่เขาอย่างโกรธๆ “เร็วสิ” เขาเร่งเร้าจับเธอมากอดจูบ หอมแก้มแรงๆ เธอดิ้นไปมาอยู่ในอ้อมแขนของคนเอาแต่ใจ “อย่ากอดแรงสิ อึดอัด หายใจไม่ออก” “ทีเมื่อกี้บอกให้เบียดลึกๆ” “ชัช!” “โทร. เร็วๆ” “ก็อย่าชวนทะเลาะสิ” ชัชวินทร์มองคนในอ้อมแขนอย่างกดดัน เขารู้ข่าวว่ามนัสวีประสบอุบัติเหตุตาบอดอยู่โรงพยาบาลเพราะพลอยใสโทร. มาเล่าให้ฟัง อีกฝ่ายร้องไห้เสียใจ เขาก็ปลอบไปตามเรื่อง แต่ยินดีจะช่วยหากเพื่อนมีปัญหาอะไร สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือต้องทำให้ดมิสาเลิกกับมนัสวีให้เด็ดขาด โอกาสเหมาะมาถึง ช่วงที่มนัสวีอ่อนแอมากที่สุด คือช่วงที่เหมาะแก่การบอกเลิก คนที่โทร. ไปขอเลิกกับมนัสวีหน้าเสีย เธอไม่รู้ว่าเขาประสบอุบัติเหตุ “ทำไมทำหน้าแบบนั้น” “พี่นัสพูดแปลกๆ บอกว่าเลิกกันก็ดีแล้ว อย่าให้มิจมปลักอยู่กับคนแบบพี่เลย” เธอจำประโยคของเขาได้ติดหู “อย่าไปคิดมากเรื่องสามีคนอื่น” เขาจับคิ้วที่ผูกโบออกจากกัน เธอหันมาเหวใส่เขาเมื่อเขาจับเธอไปกอดรัดแนบแน่น “ปล่อยนะ” “ไปกินข้าวกัน ทำข้าวผัดปูให้กิน เห็นชอบกินไม่ใช่เหรอ” “ไม่หิว” “จริงเหรอ” เขาแหย่ “จริง... ไม่หิว” “งั้นก็ตามใจ” ดมิสาอ้าปากค้าง มองตามร่างสูงไปอย่างอึ้งๆ เขาไม่คิดจะง้อเธอบ้างเลยเหรอ คนบ้า! หญิงสาวหาเสื้อผ้ามาสวมใส่ ก็เห็นร่างสูงของชัชวินทร์เดินถือจานข้าวผัดปูเข้ามาในห้องนอน กลิ่นข้าวผัดปูกับน้ำซุปไก่ต้มฟักทำเธอว้าวุ่นใจไม่น้อย แต่เชอะ! พูดไปแล้วว่าไม่อยากกิน จะกลับลำได้อย่างไรกัน “ไม่กินจริงๆ น่ะเหรอ” คนเอ่ยถามเปิดทีวี นั่งกินอยู่ที่โต๊ะมุมห้องอย่างสบายอารมณ์ “ไม่กิน ไม่หิว!” “กลัวอ้วนเหรอ ไม่ต้องกลัวหรอก ตอนนี้กำลังพอดีเลย กอดแล้วนุ่มไปทั้งตัว” เธอเม้มปาก นอนตะแคงหันหลังให้เขา กอดผ้าห่มแน่น หิวจัง... เชอะ! แต่คนแบบเธอเหรอจะยอมง้อเขา “อร่อยนะ นุ่ม หอม เนื้อปูเน้นๆ” เขาถือจานข้าวเดินมาตรงหน้าเธอ     ก่อนจะตักกินอย่างแสนอร่อย “อืม... อร่อยจริงๆ นะ” “ไม่กิน!” คนแสนงอนพลิกไปอีกด้าน กอดผ้าห่มแน่น “อร่อยสุดๆ ไปเลย” เขานั่งลงมาบนเตียงเบียดมาอยู่ด้านหลังที่เธอนอนหันหลังให้อยู่ “เอ๊ะ! รำคาญจริงเชียวบอกว่าไม่กินยังไงล่ะ” “อร่อย...” เขาเดินไปหยุดยืนข้างเตียงอีกด้านตักข้าวผัดเข้าปาก         เคี้ยวตุ้ยๆ ดมิสาลอบกลืนน้ำลายก่อนจะพลิกไปอีกด้าน ท้องเธอดันร้องขึ้นมาให้อับอาย หญิงสาวเอาผ้าห่มคลุมศีรษะ อายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี “อิ่มจัง” เขาเดินไปดื่มน้ำวางจานข้าวลงบนโต๊ะ นั่งดูทีวีสบายใจ ดมิสาแอบมองลอดใต้ผ้าห่มด้วยความหมั่นไส้ หนอย... กินจนเกลี้ยงเลย คนอะไรแล้งน้ำใจที่สุด! “ในกระทะยังเหลืออีกนิดนะ แบ่งเอาไว้ให้แล้ว ถ้าจะกินก็กินซะ ถ้าไม่กินจะเทให้หมาใต้คอนโดฯ มันกิน” เขาพูดลอยๆ ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง เธอผุดลุกขึ้นนั่ง ดึงผ้าห่มออก ทำปากยื่น ดมิสาแอบย่องออกมาดูลาดเลา ไม่เห็นคนชอบแกล้งอยู่ในบ้าน หรือเขาจะออกไปข้างนอก เธอเลยเดินไปที่ประตู แต่ประตูดันเปิดไม่ออก เขาล็อกเอาไว้ “คนบ้า!” เธอเดินเข้าห้องครัว เห็นข้าวผัดปูอยู่ในกระทะกับน้ำซุปไก่ต้มฟักเขียวก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอติดๆ กันหลายครั้ง หิวน่ะสิ ถามได้… ดมิสากินอาหารตรงหน้าจนหมด ก่อนจะเก็บจานชามไปล้าง “อุ๊ย!” เธออุทานเมื่อกำลังล้างจานเพลินๆ เขาก็มาสวมกอดจากทางด้านหลัง “ที่รักกินอิ่มแล้วเหรอ” เขาหอมแก้มนวลฟอดใหญ่ “ก็เห็นว่ากินหมดแล้ว จะมาเยาะเย้ยใช่ไหม” เธอกระแทกเสียงใส่ แกล้งทำเสียงแข็งเข้าใส่เอาไว้ก่อน จะได้ไม่หน้าแตกที่แอบกินข้าวผัดปูของเขาจนหมดเกลี้ยงกระทะ ก็คนมันหิวนี่นา... “ไม่ได้ว่าอะไรเสียหน่อย ที่รักกินอิ่มจะได้มีแรง ชัชไม่ว่าหรอก” “มิจะกลับบ้าน” “ได้สิ เดี๋ยวพรุ่งนี้พาไปเก็บของ” “เก็บของไปไหน” “กลับบ้านชัชไง” “ไม่ใช่ มิจะกลับบ้านตัวเอง” เธอมาจากต่างจังหวัด ปิดเทอมก็ต้องกลับบ้านของตัวเองสิ “บ้านชัชก็เหมือนบ้านที่รักนั่นแหละ” “มิไม่ไปบ้านที่...รักนะ” อ๊าย... ขืนไม่เรียกเขาว่าที่รักโดนปล้ำจมอยู่กับเตียงแน่ๆ “ชอบจังเวลาถูกเรียกว่าที่รัก” “ไม่ได้อยากเรียก แต่โดนบังคับ” เธอหน้างอเดินหนี “โทร. ไปบอกพ่อตากับแม่ยายชัชสิว่าที่รักต้องอยู่ทำงานตอนปิดเทอม หรือเรียนซัมเมอร์ก็ได้” “มิไม่ชอบพูดโกหก” “งั้นก็ไม่ต้องโกหก บอกว่าที่รักไปบ้านสามี” “บ้าน่ะสิ!” เธอค้อนใส่คนหน้ามึน ขืนเธอไปพูดแบบนั้น พ่อกับแม่เลี้ยงได้เป็นลมน่ะสิ “ที่รักต้องไปทำความรู้จักกับพ่อแม่สามีนะ เพราะที่รักได้ชัชแล้ว จะทิ้งๆ ขว้างๆ ไม่ได้” “ห้ะ!” เธออุทาน มองท่าทีของเขาแล้วค้อนควัก ดูทำท่าเข้า ยังกับเขาเสียหายจนเธอต้องรับผิดชอบ เธอต่างหากเป็นคนเสียหาย “จู่ๆ ที่รักก็พามิไปบ้าน พ่อกับแม่ที่รักจะว่ายังไง” ดมิสาอยากจะกัดลิ้นตัวเองนักที่ต้องเรียกเขาว่าที่รัก โอ๊ย! มันมุ้งมิ้งไม่สมกับความหล่อล้ำของเขาเลย ใช่! ชัชวินทร์หล่อล้ำน่าปล้ำ แต่เธอไม่เคยคิดกับเขาเกินเพื่อน เธอชอบมนัสวีต่างหากล่ะ เมื่อก่อนเธอเคยคิดว่าชัชวินทร์ชอบพลอยใสเสียอีก แต่เหตุกลับตาลปัตรเสียได้ “พ่อกับแม่ของชัชใจดีนะจะบอกให้ ถ้ารู้ว่าชัชพาที่รักกลับไปแนะนำว่าเป็นแฟน ต้องดีใจมากแน่ๆ เลย ท่านบอกว่าเรียนจบชัชต้องลงจากคานเลย    จะได้มีลูกทันใช้” พูดเป็นตุเป็นตะ! เธอว่าเขาในใจ “จะดีเหรอคะ” ผู้หญิงไปบ้านผู้ชายมันไม่ค่อยงาม ไม่รู้สิ ไปทำความรู้จักเฉยๆ ได้ แต่นี่ไปแนะนำว่าเป็นแฟน แถมยังต้องไปค้างคืนอีก  “ดีสิ ตกลงนะ” ชัชวินทร์จับศีรษะของหญิงสาว ก่อนจะกดให้เธอพยักหน้า “โอเค ที่รักตอบตกลงแล้ว” “แบบนี้เรียกมัดมือชก”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม