“เวลาทำอะไรเคยถามไหมว่ามิยินยอมไหม จู่ๆ ก็มาขอแลกที่นั่ง”
“ที่รักจะกินดีๆ หรือจะไปกันต่อ”
“เอ๊ะ! ที่รักนี่” เธอทำเสียงแข็ง ชะงักเล็กน้อยก่อนจะเรียกเขาว่าที่รัก เสียงแข็งๆ ดุๆ ของเธอเลยทำให้อารมณ์คนฟังเปลี่ยนไปกับคำว่า “ที่รัก” นี่แหละ
“ครับ ที่รัก”
“ไม่อยากจะคุยด้วยแล้ว” เธอค้อนเขา
“ไม่คุยแต่กินไปเลย ห้ามมองผู้ชาย ห้ามยิ้ม ส่งสายตาก็ไม่ได้ แอบคิดถึงในใจชัชก็รู้”
“จะให้มิแยกเขี้ยวใส่เขา เหมือนที่รักทำหรือไง” คำเรียกที่เขาให้เธอเรียก มันทำให้ดูมุ้งมิ้งเวลาด่าเขา ดูสิ ด่าแล้วยังจะมายิ้มกวนอีก อยากจะหยิกเสียให้เนื้อเขียวนัก
“ชัชอยากให้ที่รักแยกเขี้ยวใส่ผู้ชายทุกคนยกเว้นชัช” เขายื่นมือมากุมใบหน้าของเธอเอาไว้
“อยากให้ที่รักมองชัชแค่คนเดียว” เขาพูดแล้วโยกใบหน้าของเธอไปมาคล้ายเอ็นดู
“ไม่เห็นน่ามองสักนิด” เธอว่าเขา ชัชวินทร์มองแล้วยิ้ม
“ไม่น่ามองก็ต้องมองไปจนแก่นั่นแหละ ไม่อยากมองก็จะบังคับให้มอง” เขากุมหน้าเธอเอาไว้ไม่ยอมให้หันไปทางอื่น
“เบื่อจะมอง” เธอย่นจมูกใส่คนเอาแต่ใจ หน้างอใส่เขา
“ปากกับใจไม่ตรงกัน สายตาบอกว่าอยากมอง”
“เชอะ! คนหลงตัวเอง”
“อาหารมาแล้วครับ” พนักงานรีบบอกลูกค้าทั้งสองที่กุมแก้มนั่งจ้องตากันอยู่
“กินเยอะๆ นะ กอดแล้วจะได้อุ่นๆ” เธอย่นจมูกใส่เขา ชัชวินทร์ตักอาหารให้เธอ ตักชิมเข้าไปคำแรกถึงกับต้องยกนิ้วให้เพราะอร่อยสุดๆ ไปเลย
“แซ่บมากๆ อร่อยสุดๆ เลยที่รัก” ชัชวินทร์ยิ้มทันที ยืดอกหน่อยๆ
“ร้านนี้อร่อย เอาหัวเป็นประกัน”
“แหม... หมั่นไส้”
“หมั่นไส้ใคร”
“ที่รักไง” เธอพูดแล้วอมยิ้ม เขายิ้มกว้างทันที ชอบสรรพนามนี้เหลือเกิน
“ชอบจังให้เมียอ่อย”
“เปล่าอ่อยเสียหน่อย” เธอทำตาโต
“อยากให้อ่อย”
“เชอะ! ถ้าไม่ใช้กำลัง ขาอ่อนมิที่รักก็ไม่ได้เห็นหรอก” เธอกับเขาคุยกันเถียงกันยังกับเป็นแฟนที่รักกันหนักหนา เพราะเรียกที่รักทุกคำ ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังการถ่ายทำ เธอโดนเขาบังคับ แต่ก็นะ... เรียกที่รักบ่อยๆ ก็เริ่มจะชินปาก
“ตับหวานอร่อยจังเลย”
“ตับๆๆ ก็หวานนะ มันด้วย”
“ตับๆๆ” เธอทวนคำเขาก่อนจะหน้าแดง นั่นมันเสียงที่ดังเวลาเธอโดนเขากระแทกจนจมเตียงนี่นา
“ลามก”
“คิดลึกตลอด ชัชแค่บอกว่าตับ ตับๆๆ คือตับไง”
“ไม่อยากจะคุยกับที่รักแล้ว” เธอหันไปตักตำปูปลาร้าใส่หอยดองไข่เค็มมากิน แถมเขาผสมข้าวโพดมาให้ด้วย กินแล้วต้องตักกินอีก รสมือส้มตำแม่ค้าเจ้านี้อร่อยอย่าบอกใครเชียว อาหารตรงหน้าอร่อยทุกอย่าง ต้มแซ่บกระดูกอ่อนทำเธอตักกินไม่หยุดปาก
“อร่อยใช่ไหม”
“มากๆ เลย”
“แล้วจะหาของกินอร่อยๆ ให้กินตลอดปิดเทอมเลยนะ”
“มีของกินอะไรอร่อยอีกเหรอ”
“ชัชไงที่รัก อร่อยน่ากิน” เขาทำท่าเหมือนเสนอตัวให้เธอกิน มีขวยเขินบิดไปบิดมายังกับผู้หญิง
แต่เดี๋ยวก่อนนะ ท่าทีแบบนั้นมันต้องเป็นเธอไม่ใช่เหรอ?
ดูทำท่าเข้าสิ!
“ทำท่าแบบนั้นที่รักคิดจะเขี่ยชัชทิ้งใช่ไหม ไม่มีทางเสียหรอก อย่าคิดว่าง่ายนะ ขาอ่อนของชัชใช่ใครจะได้เห็นง่ายๆ”
“ดูพูดเข้าสิคะ” เธออ้าปากค้าง ก่อนจะหยิบข้าวเหนียวมาเคี้ยวตุ้ยๆ มองคนที่ยัดเยียดความรับผิดชอบให้เธอ
ดมิสาค้อนเขาหนึ่งที หันไปตักอาหารรับประทานอีก ชัชวินทร์เชื่อแล้วจริงๆ ว่าคนตัวเล็กกินแล้วไม่อ้วน เธอกินจุเหลือเกิน
เรียกง่ายๆ เธอมีความสุขกับการกินมากๆ
“อิ่มไหม”
“แทบเดินไม่ได้เลยค่ะที่รัก” ดมิสาตอบขณะนั่งผึ่งพุงพิงพนักเก้าอี้ท่าทีเหมือนงูเหลือมเขมือบเหยื่อแล้วขยับตัวไปไหนไม่ได้เพราะอิ่ม ต้องนั่งย่อยอาหารอีกนาน
“มาครับเดี๋ยวชัชอุ้มที่รักเอง”
“ไม่ต้อง” เธอรีบปรามเมื่อเขาทำท่าจะอุ้มหลังจากกินอาหารบนโต๊ะจนเรียบ คนที่อิ่มสุดๆ เดินตามไปที่รถ ก่อนจะทำตาวิ้งๆ เมื่อเห็นรถไอศกรีมโบราณวิ่งผ่านมา
“ที่รัก” เธอดึงชายเสื้อของเขาเอาไว้เหมือนเด็กๆ ชัชวินทร์หันไปเห็นไอศกรีมโบราณที่หั่นเป็นแท่งๆ ขาย มีรสเผือก ทุเรียน กล้วยหอม ขนุน และใบเตยวิ่งผ่านมา
“จะกินเหรอ”
“อือ... เอาแท่งเดียวก็พอนะ” เธอทำเสียงเจียมเนื้อเจียมตัวเหมือนเกรงใจ ชัชวินทร์ยิ้มใส่ตาก่อนจะเดินไปซื้อมาทุกรสชาติ
“บอกว่าแท่งเดียวก็พอ” คนบอกว่าแท่งเดียวก็พอกินเรียบทุกรส ก่อนจะบ่นเบาๆ ว่า “อิ่ม”
“อิ่มจังเลย อึดอัดจัง” เธอนั่งอยู่ข้างคนขับ บ่นเบาๆ ขณะลูบท้องไปมา
“อีกไม่กี่กิโลมีร้านขนมจีนซาวน้ำอร่อยมากนะที่รัก ชัชขับรถผ่านทีไรต้องแวะกินทุกที”
“จริงเหรอ” คนถามทำท่าทีตื่นเต้น ก่อนจะเก็บอาการเอาไว้ แกล้งพูดต่อเหมือนไม่สนใจ
“จะอร่อยจริงๆ เหรอ”
“เดี๋ยวแวะชิมสิ จะได้รู้ว่าอร่อยหรือไม่อร่อย”
“จะดีเหรอ เพิ่งกินกันไปเองนะ”
“แค่ลองชิมดู ถ้าไม่อร่อยก็ค่อยเททิ้ง”
“อวดรวย” หลังจากประโยคว่าอวดรวย ดมิสาก็ค้นพบว่าเธอนั่งอยู่ในร้านขนมจีนซาวน้ำชื่อดัง ตอนแรกก็ไม่เชื่อหรอกว่าอร่อย แต่พอชิมแล้วต้องขอเพิ่มอีกชาม คนที่มีความสุขกับการกินถึงกับยิ้มแป้น
“ไก่ทอดร้านนี้อร่อยมากๆ เลยนะที่รัก” เธอกัดน่องไก่แล้วเอ่ยชมไม่ขาดปาก ชัชวินทร์อมยิ้ม ดูเหมือนคนชอบกินแบบดมิสาจะอร่อยไปเสียทุกอย่าง
เขาเห็นเธอกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย เขาเองก็รู้สึกว่ากินอะไรก็อร่อยตามเธอไปด้วย
“ลูกชิ้นปิ้งเจ้านี้อร่อยนะ เขาทำจากปลา ทำเองด้วย” เขาขับรถผ่านก็ชี้ให้เธอดู
“ที่รัก มิอยากชิม”
“ไม่ต้องชิมก็ได้ แต่กินเลย” เขาบอกแล้วแวะซื้อลูกชิ้นปลาข้างทาง เด็กๆ มาล้อมหน้าล้อมหลังรถเข็นรอซื้อเป็นแถวยาวเหยียด
ชัชวินทร์ซื้อลูกชิ้นแจกเด็กๆ ท่าทีมอมแมมพวกนั้น ดูเหมือนเด็กพวกนั้นจะจำเขาได้ ว่าเขาเป็นพี่ชายใจดีที่เคยซื้อลูกชิ้นเลี้ยงบ่อยๆ เวลาขับรถผ่านมาทางนี้
“อร่อยจังค่ะ น้ำจิ้มเขาแปลกดี เหนียวๆ เปรี้ยวหวานกลมกล่อม” เธอกินแล้วเอ่ยชม
“ชัชให้ที่บ้านทำของอร่อยเอาไว้ต้อนรับแล้วนะ” เขาโยกศีรษะของเธอไปมา ดมิสาชะงักมองหน้าเขาด้วยท่าทีกังวล
“คนที่บ้านชัชใจดีไหมคะ”
“บอกให้เรียกที่รัก” เขาจำได้แม่นจริงๆ กับเรื่องนี้ เธอเลยค้อนให้หนึ่งที
“ใจดีครับ ชัชบอกแล้วว่าจะพาเมียมากราบ โอ๊ย! ดึงหูชัชทำไม เจ็บนะครับ”
“พูดน่าเกลียด”
“ก็เมียจริงๆ” เขาลูบหูตัวเองไปมา พาเธอไปที่รถ
“จริงๆ นะ มิกลัว” เธอบอกเขาหลังจากที่ขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว
“รัดเข็มขัดด้วย” เขาเขยิบเข้ามาใกล้ จัดการรัดเข็มขัดให้เธอ ใบหน้าที่อยู่ห่างกันแค่คืบ ลมหายใจที่ปะทะกับพวงแก้มสาวทำเอาดมิสาแก้มแดงปลั่ง
“ตื่นเต้นเหรอ”
“ค่ะ”
“พ่อแม่ใจดี รับรองได้”
“เอ่อ... ค่ะ”
“ที่รัก”
“คะ”
“รัก” อ๊าย... บ้าเหรอ จู่ๆ มาบอกรัก
“ซะเมื่อไหร่”
“คนบ้า”
“อ้าว... อยากให้บอกรักเหรอ”
“ไม่อยาก” คนพูดทำเสียงงอนๆ
“ไม่อยาก เห็นกินได้ตลอดเวลา”
“พูดเรื่องโน้นไปเรื่องนี้” เธอค้อน เขาหันกลับไปตั้งใจขับรถให้ถึงบ้านโดยเร็ว เพราะแวะกินกันตลอดทาง แถมชัชวินทร์ก็ซื้อของฝากพวกขนมและอะไรอีกหลายอย่างไปฝากที่บ้าน
บ้านต่างจังหวัดของชัชวินทร์เป็นบ้านไม้หลังใหญ่ รายรอบด้วยต้นไม้นานาชนิด บ้านของเขาติดริมแม่น้ำทำให้ร่มเย็น อากาศดี เธอสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดแรงๆ ขณะลงจากรถ
คนในบ้านของชัชวินทร์ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี บิดามารดา พี่ชายและน้องสาว ทุกคนแลดูรักใคร่กลมเกลียว ครอบครัวอบอุ่นแถมยังใจดีอีกด้วย
ชัชวินทร์แนะนำเธอให้ทุกคนได้รู้จักในในฐานะคนรัก เขาให้เกียรติโดยการจัดห้องนอนให้เธอต่างหาก เธอเลยโล่งใจ
หลังจากพูดคุยรับประทานอาหารกันเสร็จสิ้นแล้ว เขาก็พาเธอออกไปนั่งดูดาวใต้ต้นไม้ใหญ่ริมแม่น้ำ ตรงนั้นมีกระท่อมเล็กๆ เอาไว้นั่งเล่นนอนเล่นได้