“ท่านยายขอยับ น้องขอออกไปวิ่งเล่นที่ลานกว้างของหมู่บ้านได้หยือไม่ขอยับ” วันนี้เรือนสกุลเหมาปิดสำนักแม่หมอ เนื่องจากเหมาไป่อยากให้หลานสาวได้พักผ่อนเสียบ้าง จึงมีเวลาให้ลี่หมิงไปเที่ยวเล่นกับเด็กวัยเดียวกัน ยามที่อยู่สกุลชุน เด็กชายก็ต้องช่วยพี่สาวทำงานบ้าน พอย้ายมาอยู่สกุลเหมาก็ต้องช่วยพี่สาวต้อนรับผู้ศรัทธา ลี่หมิงจึงมิค่อยมีเพื่อนในวัยเดียวกันเลย วันนี้เขาจึงตัดสินใจไปที่ลานกว้างของหมู่บ้านที่มักจะมีเด็กๆ มาเล่นกันบริเวณนั้น
“ไปเถิด อีกประเดี๋ยวยายจะตามไป ขอยายตากปลาไว้ก่อน” เหมาไป่เห็นว่าลานกว้างของหมู่บ้านมิได้ห่างไกลเรือนมากนัก ทั้งยังเป็นที่มีผู้คนพลุกพล่าน จึงปล่อยให้หลานไปก่อน หากนางตากปลาเสร็จ จึงจะตามไปภายหลัง
“ขอบพระคุณขอยับ” ขาเล็กสั้นเดินออกมานอกเรือน หวังจะไปเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกัน แม้จะมิค่อยรู้จักผู้ใด แต่อย่างน้อยไปนั่งดูพวกเขาวิ่งเล่นกันก็ยังดี
ลี่หมิงมาถึงลานกว้างก็พบว่ามีเด็กชายและเด็กหญิงในวัยเดียวกันอยู่สี่ห้าคน เขาจึงเข้าไปทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ที่ไม่ว่าผู้ใดได้เห็นก็ต้องหลง
“พวกเจ้าเล่นอันใดกันอยู่หยือ ข้าขอเล่นด้วยได้หยือไม่ขอยับ”
“พวกข้ามิได้เล่นอันใดทั้งสิ้น แต่กำลังปลอบใจอาถงอยู่” เด็กชายร่างผอมหันมาตอบด้วยสีหน้าเศร้าหมอง ลี่หมิงเบนสายตาไปตามทิศทาง ก็พบว่าอาถงกำลังนั่งกอดเข่าร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร
“เกิดสิ่งใดขึ้นหยือขอยับ”
“ก็ลูกกระต่ายที่ท่านพ่อขออาถงนำมาให้ มันหายไปน่ะสิ อาถงจึงเสียใจ”
“ฮึก ฮื่อ~” พูดถึงเรื่องกระต่ายทีไร อาถงก็ร้องโฮออกมาเสียงดัง จนเหล่าสหายต้องช่วยกับปลอบ
“เอ่อ ตามหาแล้วหยือขอยับ”
“จริงสิ พวกเราไปช่วยกันตามหาลูกกระต่ายของอาถงดีหรือไม่” เด็กหญิงที่ดูเหมือนจะอายุมากที่สุดในกลุ่มเอ่ยชวนเหล่าสหาย ซึ่งแต่ละคนก็เห็นดีด้วย รวมถึงลี่หมิง ที่เดินตามกลุ่มเด็กๆ ไปช่วยกันหาลูกกระต่ายของอาถง
“เสี่ยวทู่ เจ้าอยู่ที่ใด ออกมาเถิด” เสียงเล็กของเด็กๆ ตะโกนเรียกกระต่ายน้อย จนเสียงแหบเสียงแห้ง ถึงกระนั้นก็ยังไม่พบตัวเสี่ยวทู่
เด็กหลายคนเริ่มถอดใจ แม้จะอยากช่วยสหายสักเพียงใด แต่พวกเขาก็เหนื่อยมากแล้ว
“ข้าเหนื่อย มิอยากหาแล้ว”
“ฮึก~” ลี่หมิงมองใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาของอาถงด้วยความเศร้าหมอง จะทำอย่างไรให้ช่วยสหายได้ หรือจะไปขอรบกวนพี่มี่เอ๋อร์
“เอ่อ ไปถามแม่หมอดีหยือไม่” เด็กน้อยจ้ำม่ำอย่างลี่หมิง เอ่ยถามสหายแผ่วเบา
“จริงสิ พี่สาวของเจ้าเป็นแม่หมอ เช่นนั้นพวกเราไปหานางดีหรือไม่”
“ฮื่อ ข้าไปๆ อาหมิง เจ้าช่วยข้าด้วยนะ ข้าขอร้อง” อาถงเมื่อได้ยินสหายเอ่ยถึงแม่หมอ เขาจึงไปอ้อนวอนกับลี่หมิง
“มิต้องเกรงใจ มาเถิด ข้าจะพาเจ้าไปหาพี่มี่เอ๋อร์” ลี่หมิงจูงมืออาถงกลับเรือนสกุลเหมา ระหว่างทางก็พบเข้ากับเหมาไป่ที่ตั้งใจมาหาลี่หมิง จึงได้พากันกลับเรือนไป
“แม่หมอขอรับ ข้าจะพบเสี่ยวทู่ของข้าหรือไม่” ลี่หมิงและสหายนั่งลุ้นจนตัวโก่ง รอฟังคำของแม่หมอ
“อืม เจ้าจะพบเสี่ยวทู่แน่ เรารีบไปหามันกันเถิด” จู่ๆ แม่หมอก็ฉุดเอามือเล็กของน้องชายและอาถง เด็กๆ ที่มาด้วยก็รีบออกตัววิ่งตามไปอย่างร้อนรน
ในนิมิตของอาถง ลี่มี่เห็นว่าอาถงหาเสี่ยวทู่พบ ทว่าเจ้ากระต่ายน้อยกลับสิ้นลม เพราะคมเขี้ยวของสุนัขจรจัดไปเสียแล้ว
“พี่มี่เอ๋อร์จะไปที่ใดขอยับ แฮกๆ น้องเหนื่อย เหนื่อยสุดๆ” บรรดาเด็กน้อยทั้งห้าคน ต่างเหนื่อยหอบ จนบางคนล้มตัวลงไปนอนกับพื้น มิต่างกับลี่มี่ที่เงยหน้าสูดลมหายใจถี่
“แม่หมอพาข้ากลับมาที่เรือนด้วยเหตุใดขอรับ ข้าหาเสี่ยวทู่ที่บ้านจนทั่วแล้ว แต่มิพบ” อาถงหันกลับมาถามลี่มี่ เขาและครอบครัวช่วยกันหาในเรือนหลายต่อหลายครั้งแล้ว
“แต่ครานี้ต้องหาเจอเป็นแน่ ข้าขอเข้าในเขตเรือนเจ้าได้หรือไม่”
“ชะ เชิญขอรับ” เมื่อได้รับอนุญาต ลี่มี่ก็เดินตรงไปยังที่เก็บฟืนของครอบครัวอาถง ข้างๆ กันนั้นมีขอนไม้ขนาดใหญ่ผุพังวางอยู่ด้วย
ลี่มี่เดินเข้าไปดูก็พบว่าขอนไม้มีโพรงอย่างที่นางเห็นในนิมิต ทว่าภาพที่ปรากฏในนิมิตของนางค่อนข้างหดหู่ เจ้ากระต่ายน้อยถูกกัดจนมีเหลือซาก หากจะให้พูดตามตรงก็หัวอยู่ทาง ตัวอยู่ทาง
“พี่มี่เอ๋อร์ เสี่ยวทู่อยู่ที่ใดขอยับ” ลี่หมิงเองก็ลุ้นไปกับสหาย
“พวกเจ้ารออยู่ตรงนี้ก่อน พี่ขอดูก่อนนะ” ว่าเพียงเท่านั้นลี่มี่ก็ก้มตัวลงแนบกับพื้นสอดส่องดูในโพรงไม้ สายตากวาดหาเจ้ากระต่ายน้อย
หวังว่าจะยังมิถูกกัดนะ…นั่นอย่างไร!
สัตว์ตัวเล็กขนปุกปุยสีขาว คงมิพ้นเป็นเสี่ยวทู่ของอาถงแน่ รู้ดังนั้นลี่มี่ก็เอื้อมมือเข้าไปจับลูกกระต่ายออกมา
ลี่หมิงและเด็กๆ ต่างเฝ้ารออยู่ใจจดใจจ่อ ยามลี่มี่ถือลูกกระต่ายไว้ในมือแล้วชูขึ้นเหนือหัว บรรดาเด็กน้อยต่างโห่ร้องด้วยความดีใจ โดยเฉพาะอาถงที่รีบวิ่งเข้ามารับตัวเสี่ยวทู่ของเขา
“ฮื่อ ขอบพระคุณขอรับ ขอบพระคุณขอรับ ฮึก” อาถงโอบอุ้มกระต่ายตัวน้อย พลันก้มคำนับต่อลี่มี่ไม่หยุด ลี่หมิงเห็นดังนั้นก็ยิ้มกว้างออกมา
พี่สาวของเขา เก่งกาจยิ่งนัก
สายตาภาคภูมิใจ มองไปทางพี่สาวจนเจ้าตัวรู้สึกได้และหันกลับมามองน้องชาย
“คิกๆ พี่มี่เอ๋อร์ของน้องเก่งกาจที่สุดเลยขอยับ” เด็กจ้ำม่ำวิ่งเข้าไปกอดพี่สาวด้วยความดีใจ แม้ลี่มี่จะงงงวยอยู่บ้าง แต่ก็กอดตอบน้องชาย
ก่อนที่ลี่มี่จะพาลี่หมิงกลับเรือน มือเล็กของอาถงก็ยื่นเหรียญอีแปะสองเหรียญให้ลี่มี่
“ข้ามีเงินอยู่เพียงเท่านี้ เพียงพอหรือไม่ขอรับ”
“หึๆ มิเป็นไร”
“มิเอาหรือขอรับ” บรรดาเด็กๆ ทำตาโต คิดว่าแม่หมอจะใจดีถึงเพียงนี้
“อืม ขอเพียงพวกเจ้าช่วยไปเป็นเพื่อนเล่นกับอาหมิง ตอนข้ามิว่างได้หรือไม่”
“ย่อมได้ขอรับ อาหมิงน่าเอ็นดูถึงเพียงนี้ จริงหรือไม่ทุกคน”
“จริงเจ้าค่ะ” / “จริงขอรับ” เสียงพูดคุยหัวเราะเสียงดังของลี่มี่กับเด็กๆ ทำเอาคนรอบข้างหันมาสนใจกัน บ้างก็ยิ้มขำไปด้วย แต่คงจะมีอยู่คนหนึ่งที่คว่ำปากให้กับภาพตรงหน้า
“อะแฮ่มๆ ส่งเสียงดังเช่นนี้ รบกวนผู้อื่นนะเจ้าคะ” ซูเม่ยตะโกนข้ามมาจากอีกฟากของถนน น้ำเสียงนุ่มน่าฟัง นั่นเป็นสิ่งที่คนทั้งหมู่บ้านได้ยินจากซูเม่ย แต่เมื่อลับตาผู้คนน่ะหรือ หึ!
“ต้องขออภัยด้วย พอดีว่าพวกข้ามีความสุขมาก จนเผลอเสียงดังไป”
“หึ มีความสุขที่หลอกลวงชาวบ้านน่ะหรือ” ซูเม่ยเดินออกมาจากเรือน เพื่อมาเอ่ยวาจาถากถางโดยเฉพาะ บริเวณนี้มีเพียงเด็กๆ นางมิจำเป็นต้องสนใจว่าจะมีใครมองนางไม่ดี
“พี่ซูเม่ยเข้าใจผิดแล้วขอรับ แม่หมอ- เอ่อ พี่มี่เอ๋อร์มิได้หลอกลวงผู้ใดนะขอรับ นางช่วยหาเสี่ยวทู่ของข้าจนเจอ”
“ใช่ๆ พี่มี่เอ๋อร์มิใช่ผู้หลอกลวง” กลุ่มเด็กน้อยถูกลี่มี่ขอให้เรียกขานว่าพี่ก็ออกมาปกป้องนางจนสุดตัว จนลี่มี่รู้สึกว่าภาคภูมิไม่น้อย แขนเล็กยกขึ้นกอดอก มองไปยังลี่มี่อย่างเหนือกว่า
ครานี้ข้ามีพรรคพวกมากกว่าเจ้า แม้พวกเขาจะเป็นเพียงเด็กก็เถอะ หึ!
“เด็กเช่นพวกเจ้าจะไปรู้อันใด” ซูเม่ยเริ่มจะเก็บอารมณ์ของตนเองไม่อยู่ ทุกทีผู้อื่นต้องเข้าข้างนางมิใช่หรือ
“น้องรู้นะขอยับ รู้ว่าพี่มี่เอ๋อร์ของน้องเป็นคนดี เก่งกาจ และช่วยเหลือผู้อื่นได้” ลี่หมิงเองก็มิยอมให้ผู้ใดมาว่าพี่สาวเขาได้
“ข้าบอกว่าพวกเจ้ามิรู้ พวกเจ้าก็ต้องมิรู้สิ” แขนเล็กของซูเม่ยยกขึ้นมาชี้หน้าเด็กๆ อย่างเอาเรื่อง
“พอๆ พวกเราไปกันเถิด อย่างมัวเสียเวลาถกเถียงกับคนมิมีความคิดเลย เสียเวลา ป่ะๆ ไปเรือนข้าเถิด เดี๋ยวจะหาขนมให้ทาน” ลี่มี่ยิ้มเยาะซูเม่ยอย่างสาแก่ใจ ก่อนจะเดินนำเด็กๆ ไปที่เรือนของตน จะว่าลี่มี่เป็นหัวหน้ากลุ่มเด็กน้อยก็มิแปลกอันใด และดูเหมือนเจ้าตัวก็ภาคภูมิใจมากเสียด้วย
ซูเม่ยที่ถูกเมินเฉยก็พูดโพล่งออกมาอย่างเหลืออด
“ปากดีไปเถิด ท่านแม่ของข้าบอกมีวิธีจัดการเจ้าแล้ว เจ้าคอยดูได้เลย”