สามวันต่อมา @คฤหาสน์ยูกิโอะ ประเทศไทย
“มาถึงเหนื่อยๆ ไปพักกันก่อนเถอะ ตอนเย็นค่อยลงมาทานข้าวด้วยกัน” ซาโตมิบอกกับฮารูนะและเบนจิโร่ที่ยืนอยู่ด้านหลังด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ก็ดีค่ะคุณแม่ นั่งเครื่องมาเหนื่อยจัง ขนาดนั่งเครื่องมาแบบเฟิร์สคลาสแค่ห้าชั่วโมงเองนะคะก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน คนที่นั่งชั้นประหยัดคงทนน่าดู” ฮารูนะบอกกับผู้เป็นแม่อย่างเห็นด้วยทำให้ผู้เป็นพ่อและเบนจิโร่พากันยิ้มออกมากับการแสดงออกของหญิงสาวที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูน่ารักไปหมดในสายตาของคนทั้งสอง แม้ว่าอีกคนจะมองในสถานะลูกสาว แต่อีกคนกลับมองในสถานะที่มากกว่าพี่น้อง
“งั้นไปพักเถอะลูก เย็นๆ เจอกันนะคะ” ซาโตมิบอกกับลูกสาวก่อนจะหันไปมองสามีที่พยักหน้าให้กันแล้วพากันจูงมือไปอีกฝั่งหนึ่ง ทิ้งให้ฮารูนะและเบนจิโร่ยืนอยู่กันเพียงลำพังแม้ว่าจะมีคนรับใช้ที่กำลังทำความสะอาดอยู่ก็ตาม
“เบนจะไปไหน” ฮารูนะเอ่ยถามชายหนุ่มเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้เดินไปยังห้องพักที่จัดเตรียมไว้
“ผมขอไปเดินดูรอบๆ นะครับ” เบนจิโร่ตอบกลับหญิงสาวก่อนจะยิ้มให้อีกฝ่ายในขณะที่กำลังเดินออกไป
“ฮานะไปด้วยสิ” ฮารูนะตัดสินใจไม่ไปนอนพักเพราะอยากใช้เวลาที่เหลืออยู่ได้อยู่กับชายหนุ่มตรงหน้าให้มากที่สุด
“เห็นบอกว่าเหนื่อย ไม่นอนพักสักหน่อยเหรอครับ” เบนจิโร่เอ่ยออกมาอย่างเป็นห่วง
“นอนเมื่อไหร่ก็ได้ แต่...เวลาที่จะได้อยู่กับเบนมัน...น้อยลงไปทุกที” ฮารูนะบอกออกไปก่อนจะพยายามฝืนยิ้มและทำสีหน้าร่าเริงออกมาให้ตรงหน้าไม่ต้องเป็นกังวลกับเธอ แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่แสดงออกมาไม่สามารถจะซ่อนความรู้สึกเจ็บปวดนี้กับอีกฝ่ายได้
“งั้นไปเดินที่สวนกันมั้ยครับ” เบนจิโร่เอ่ยชวนโดยพยายามทำเหมือนไม่รับรู้อาการที่อีกฝ่ายซ่อนไว้เพราะไม่อยากให้หญิงสาวรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้
“อืมม อยากไปเห็นสวนคุณแม่ว่าที่นี่จะสวยเหมือนที่ญี่ปุ่นมั้ย ไม่รู้ว่าตอนนี้ดอกไม้แต่ละต้นจะโตมากขนาดไหนแล้วนะ” ฮารูนะบอกออกไปก่อนจะเดินนำชายหนุ่มไปยังสวนดอกไม้ของผู้เป็นแม่ที่พ่อของเธอได้สร้างขึ้นเพื่อแม่ของเธอด้วยความรัก
เวลาต่อมา @สวนดอกไม้ คฤหาสน์ยูกิโอะ ประเทศไทย
“ดอกไม้สวยๆ ทั้งนั้นเลยค่ะเบน มีดอกแดฟโฟดิลด้วย คุณพ่อโรแมนติกจัง” ฮารูนะชี้ไปยังดอกไม้อย่างตื่นเต้นก่อนจะพูดออกมากับคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ดอกแดฟโฟดิล??” เบนจิโร่เรียกชื่อดอกไม้ตามที่หญิงสาวข้างกายเอ่ยขึ้นมาก่อนจะหันไปมองตามมือที่ชี้ไปอย่างสงสัยว่ามันสวยมากขนาดไหนทำไมหญิงสาวข้างกายเขาถึงได้ดูตื่นเต้นมากขนาดนี้
“ดอกแดฟโฟดิลเป็นดอกไม้ประจำวันแต่งงานครบรอบ 10 ปี ดูจากขนาดของต้นคุณพ่อคงปลูกให้คุณแม่ตอนครบรอบแต่งงานปีที่สิบอย่างแน่นอน อีกอย่างนะ ดอกแดฟโฟดิลยังสื่อถึงความซื่อสัตย์ ความกล้าหาญ รวมถึงการเริ่มต้นใหม่ ยิ่งไปกว่านั้นยังว่ากันว่าเป็นดอกไม้มงคล ช่วยให้คนที่ได้รับมีความสุขและความโชคดีอีกด้วย อ้อ แต่ต้องให้เป็นช่อเท่านั้นนะ อย่าให้ดอกเดียวพร้อมก้านเด็ดขาด เพราะนั่นถือเป็นสัญลักษณ์ของความโชคร้าย” ฮารูนะบอกออกไปให้อีกฝ่ายได้หายสงสัยเมื่อเห็นสีหน้าสงสัยของคนที่ยืนอยู่ข้างกาย
“แบบนี้นี่เอง ฮานะรู้เรื่องดอกไม้เยอะดีนะครับ”
“ก็ฮานะชอบดอกไม้นี่นา” ฮารูนะบอกออกไปก่อนจะเดินไปเด็ดดอกไม้ที่อยู่ห่างออกไปจากต้นแดฟโฟดิลไม่มากเท่าไรนักแต่ว่าอยู่ในห้องที่ตั้งอุณหภูมิเย็นอยู่พอสมควร ซึ่งภายในห้องกระจกใสที่เบนจิโร่มองไปนี้น่าจะปลูกดอกไม้ที่ต้องอยู่ในอุณหภูมิที่เย็นหรือที่เรียกว่าดอกไม้เมืองหนาว
“ฮานะให้เบน” ฮารูนะยื่นช่อดอกไม้ที่มีลักษณะเป็นช่อเล็กๆ ชูช่อตรงโดยตัวกลีบของดอกมีลักษณะเป็นห้าแฉกและกลีบเชื่อมติดกัน ปรากฏอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มก่อนที่อีกฝ่ายจะรับไว้อย่างงงๆ เพราะไม่รู้ว่าดอกไม้ที่ตนเองรับมาเป็นดอกไม้อะไร อีกทั้งไม่คิดว่าตนเองจะเป็นผู้ได้รับดอกไม้แทนที่จะเป็นผู้มอบให้เสียมากกว่า
“ดอกฟอร์เก็ตมีน็อต ความหมายตามชื่อเลย อย่าลืมฉัน ดอกไม้นี้มีตำนานด้วยนะ ตำนานของดอกไม้นี้มีอยู่ว่า ครั้งหนึ่งมีอัศวินหนุ่มในชุดเกราะที่กำลังเดินเล่นที่ริมธารกับหญิงสาวอันเป็นที่รักของเขา เมื่อหญิงสาวเห็นดอกไม้ที่ริมธารชูช่อออกดอกสวยงาม ก็เกิดอยากจะได้เจ้าดอกไม้นั้นขึ้นมา ทำให้อัศวินหนุ่มจึงอาสาเก็บให้ แต่ก็พลาดท่าเสียหลักลื่นตกลงไปในธารน้ำ ซึ่งชุดเกราะที่หนักทำให้เขาไม่สามารถว่ายน้ำได้ เขาจึงตัดสินใจโยนดอกไม้นั้นให้หญิงคนรักทันทีพร้อมกับตะโกนว่า Forget Me Not และเขาก็จมหายไป ทำให้หญิงสาวเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ดอกไม้นี้จึงถูกขนานนามว่า Forget Me Not นับแต่นั้นเป็นต้นมา”
“ดอกฟอร์เก็ตมีน็อต...” เบนจิโร่มองดอกไม้ในมือก่อนจะเอ่ยชื่อดอกไม้ออกมาหลังจากที่ได้ยินตำนานของดอกไม้นี้จากหญิงสาว
“ฮานะไม่อยากให้ตอนจบของเราสองคนเป็นเหมือนในตำนาน แต่ที่ฮานะมอบดอกไม้นี้ให้เบน เพราะอยากบอกเบนว่าแม้เราสองคนจะอยู่ไกลกันมากเพียงใดก็ตาม เบนอย่าลืมฮานะ นะ” ฮารูนะบอกออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อยในช่วงท้ายของประโยคที่พูดออกไป
“ในชีวิตของผมมีผู้หญิงคนเดียวที่ผมไม่มีวันที่จะลืมได้ นั่นก็คือ ฮานะ ครับ ฮานะอยู่ตรงนี้ของผมเสมอมาตั้งแต่ต้นและ...ตลอดไป” เบนจิโร่เอ่ยออกมาพร้อมกับเอามือวางที่หน้าอกข้างซ้ายแสดงให้หญิงสาวตรงหน้ารับรู้ว่าเธอคือคนเดียวในใจของเขาตลอดมาและจะเป็นอย่างนี้ตลอดไปตราบที่เขายังมีลมหายใจอยู่
ฮารูนะที่ได้ยินดังนั้นถึงกับโถมเข้ากอดคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกปลาบปลื้มดีใจ แม้ว่ามันไม่ใช่คำบอกรักอย่างที่เธออยากได้ยิน แต่สิ่งที่คนตรงหน้าเอ่ยออกมาก็เหมือนเป็นคำสัญญาว่าจะไม่มีทางมีใครนอกจากเธอ แม้ว่าพวกเขาทั้งสองคนจะอยู่ไกลห่างกันก็ตาม