วันต่อมา @บริษัทยูกิโอะ สำนักงานใหญ่
“สวัสดีค่ะคุณเบนจิโร่” เลขาหน้าห้องของไทโยเอ่ยทักทายผู้ที่ขอเข้าพบท่านประธานด้วยสีหน้ายิ้มแย้มก่อนจะกดสายแจ้งท่านประธานให้ทราบ
“เชิญค่ะคุณเบนจิโร่ ท่านประธานกำลังรออยู่พอดีเลยค่ะ” เลขาหน้าห้องผายมือเชิญชายหนุ่มก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้
“ขอบคุณครับ” เบนจิโร่กล่าวขอบคุณคนตรงหน้าก่อนจะเดินเข้าไปยังภายในห้อง
“มาแล้วเหรอ” ไทโยเงยหน้าขึ้นมองเมื่อเห็นประตูเปิดออกมาก่อนจะเอ่ยทักทายคนตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“ครับ นายท่าน” เบนจิโร่ก้มโค้งทำความเคารพก่อนจะเอ่ยออกไป
“เฮ้อ ให้เรียกว่า อา ก็ยังเรียกว่า นายท่าน อยู่นั่นล่ะ” ไทโยมองหน้าชายหนุ่มที่เลี้ยงมาด้วยกันกับลูกชายและลูกสาวด้วยความภูมิใจที่เห็นคนตรงหน้าเดินมาถึงจุดนี้แต่ก็ขัดใจที่อีกฝ่ายแสดงตนว่าเป็นผู้รับใช้ตลอดเวลา
“ขอให้ผมเรียกแบบนี้เถอะครับ”
“อืมม ตามใจ แต่อาอยากบอกเบนว่า...สำหรับครอบครัวของเรา เบนคือสมาชิกคนนึงในครอบครัวของอานะ ไม่ใช่คนรับใช้หรือลูกน้องของฮารุ”
“ผมทราบครับ”
“มาหาอาวันนี้ ตัดสินใจได้แล้วสินะ”
“ครับ”
“ตัดสินใจว่ายังไง”
“ผมขอไปรับตำแหน่งผู้บริหารที่สาขาสิงคโปร์ครับ”
“อืมม เบนตัดสินใจถูกแล้ว ต่อไปนี้เบนไม่ใช่เงาของฮารุอีกต่อไป เบนต้องแสดงความสามารถของตนเองให้ทุกคนได้เห็นสักที”
“ครับ นายท่าน”
“คิดว่าจะเดินทางไปรับตำแหน่งเมื่อไหร่”
“...” เบนจิโร่เงียบไปทันทีเมื่อได้ยินคำถามที่เหมือนเป็นประกาศิตของการเริ่มต้นนับเวลาถอยหลังของการที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกับดวงใจของตนเอง
“เดินทางไปกับอาในอาทิตย์หน้าเป็นยังไงล่ะ วันหยุดยาวของญี่ปุ่น อาว่าจะไปเยี่ยมเพื่อนที่ประเทศไทยช่วงเวลานั้นพอดี...คิดว่าฮานะก็คงจะไปด้วยกัน แต่ฮารุเห็นว่าจะไปหาน้องๆ ที่อังกฤษรวมถึงไปดูลู่ทางขยายบริษัททางโซนยุโรปด้วย เบนไม่ต้องฮารุแล้วนะ” ไทโยที่รับรู้ถึงความสนิทสนมระหว่างลูกสาวคนโตกับคนตรงหน้าอยู่พอสมควรแต่ไม่แน่ใจว่าคนทั้งคู่นั้นมีความสัมพันธ์กันแบบไหน
“ครับ นายท่าน” เบนจิโร่ทำเพียงรับคำอย่างไม่กล้าที่จะคัดค้านอะไร เพราะความเมตตาที่คนตรงหน้ามอบให้แก่เขา ซึ่งชายหนุ่มคิดไม่ออกเลยว่าหากตนเองไม่ได้เจอบุคคลตรงหน้านี้ชีวิตของเขาจะเป็นเช่นไรยังไม่กล้าที่จะคิดเลย รวมถึงสมาชิกในครอบครัวทุกคนที่ให้เกียรติเขาและเห็นเขาเป็นเสมือนลูกชายและพี่ชายอีกด้วย
“ช่วงในระหว่างรอเดินทาง...อยากทำอะไรก็ทำนะ ส่วนเรื่องงานที่นี่ปล่อยให้ฮารุจัดการเองจะดีกว่า เบนก็ทำเพียงเป็นที่ปรึกษาแนะนำในส่วนที่อารุควรต้องรู้ ฮารุจะได้รู้ว่าตนเองต้องทำอะไรบ้างก่อนที่เบนจะไม่อยู่”
“ครับ”
“มีอะไรกับอาอีกมั้ย”
“ไม่มีแล้วครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” เบนจิโร่พูดจบก็เดินออกไปจากห้องโดยมีสายตาของไทโยที่มองชายหนุ่มที่ตนเองและภรรยาเลี้ยงมาเองกับมือ จนกระทั่งอีกฝ่ายเดินลับสายตาก่อนจะหันหลังไปมองผนังกระจกใสที่ตอนนี้เป็นภาพท้องฟ้าแจ่มใสพร้อมกับพูดออกไปเมื่อนึกถึงใครบางคน
“ไม่ต้องเป็นห่วงเบนจิโร่แล้วนะครับ...คุณลดา” ภาพของคนที่ไทโยคิดถึงกลับฉายเข้ามาในหัวอีกครั้ง
เมื่อสิบห้าปีก่อน
“น้องโซ่...คุณลินทร์” น้ำเสียงของคนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ดังขึ้นเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นบุคคลทั้งสองที่ตนเองเคยช่วยไว้เมื่อครั้งนานมาแล้ว
“พี่ลดา เป็นยังไงบ้างคะ” ซาโตมิเอื้อมมือไปกุมมือคนบนเตียงด้วยความรู้สึกสงสารจับใจที่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมามีสภาพแบบนี้ รวมถึงสายตาที่มองไปยังเด็กชายที่นอนอยู่บนโซฟาในห้องคนไข้ที่ไม่รู้ตัวเองว่าผู้เป็นแม่กำลังจะจากเขาไป
“ฝะ...ฝาก...เบน...ด้วย” ชลลดาพยายามเปล่งเสียงเพื่อให้คนทั้งสองตรงหน้าได้ยินในสิ่งที่ตนเองพูด
“พี่ลดาไม่ต้องห่วงเบนจิโร่นะคะ โซ่สัญญาว่าจะดูแลเบนเป็นอย่างดี โซ่จะรักเค้าเหมือนลูกชายคนนึงของโซ่”
“ผมขอสัญญาเช่นกัน ว่าจะดูแลเบนจิโร่ลูกชายคนเดียวของคุณเป็นอย่างดี อีกอย่างพวกเราอยากขอบคุณที่คุณเคยช่วยเหลือพวกเราไว้ ถ้าหากไม่ได้คุณในวันนั้น ผมและภรรยาก็คงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้”
“ขอบ...คุณ...พวกคุณ...มาก...ฉันรู้ว่า...พวกคุณ...ถูกทำร้าย...จาก...อึก...พ่อของ...เบน...แต่ขอร้อง...ช่วยฉันด้วย...เพราะ...เบน...เป็นลูก...ของ...มาซารุ...แต่ฉัน...ไม่ต้องการ...ให้เค้า...ไปอยู่...ที่นั่น...ฉันกลัว...ชีวิต...ของ...เค้า...ไม่ต่าง...จากพ่อ...ขอร้อง...ช่วย...ดูแล...เค้า...แทนฉัน...ด้วย...ฉัน...ขอร้อง...”
“พี่ลดา...พี่ลดาคะ” ซาโตมิเอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่ายที่อยู่ๆ ก็แน่นิ่งไป จนทำให้ไทโยที่เห็นดังนั้นจึงรู้ว่าคนที่นอนบนเตียงได้หมดลมและจากโลกใบนี้ไปแล้ว
“ผมจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายต่อดวงวิญญาณของคุณ...ไม่ต้องเป็นห่วงเบนจิโร่ พวกเราจะดูแลเค้าเป็นอย่างดี และจะไม่ให้แก๊งบาซิลิสเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเขาโดยเด็ดขาด หลับให้สบายนะครับ...”
สองวันต่อมา @มหาวิทยาลัยโทได (The University of Tokyo)
“สวัสดีครับฮารูนะ” เคนอิจิเอ่ยทักทายนักศึกษาสาวที่กำลังเดินสวนเขาไป โดยอีกฝ่ายทำเหมือนไม่เห็นเขาทั้งที่พวกเขาทั้งสองคนสบตากันก่อนที่จะเดินสวนกันเสียด้วยซ้ำ
“...” ฮารูนะที่ได้ยินคำทักทายนั้นจากคนที่เดินผ่านไปทางด้านหลัง เธอกลับยืนนิ่งโดยไม่ได้เดินต่อหรือหันหลังกลับไปมองอีกฝ่ายที่ตนเองเดินผ่านเลยมาไม่มากนัก จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าจากทางด้านหลังและเพียงไม่นานร่างของอาจารย์หนุ่มก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเธอ
“สวัสดีครับนักศึกษา” เคนอิจิเปลี่ยนสรรพนามเรียกคนตรงหน้าใหม่ด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่นัยน์ตาแฝงรอยยิ้มเมื่อเห็นอาการของอีกฝ่ายที่มีสีหน้าไม่พอใจเมื่อเห็นเขาอยู่ตรงหน้า หญิงสาวทำราวกับว่าพวกเขาทั้งสองคนเป็นศัตรูกันตั้งแต่ชาติที่แล้ว ทั้งที่ตัวเขายังไม่ได้ลงมือทำอะไรเธอเลยสักนิด
“สวัสดีค่ะอาจารย์ ถ้าไม่มีอะไร ฉันขอตัวนะคะ” ฮารูนะถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองคนตรงหน้าแล้วเอ่ยทักทายกลับทันที ก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทางเพื่อให้ตัวเองเดินพ้นกับร่างหนาที่ยืนขวางทางเดินของเธออยู่
“วันนี้มีการสอบก่อนเข้าสู่บทเรียนใหม่นะครับ” เสียงที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังของหญิงสาว เมื่อเธอเดินผ่านพ้นร่างหนานั้นและกำลังจะก้าวเข้าสู่อาคารเรียน ทำให้ฮารูนะต้องหันหลังมามองอีกฝ่ายที่ยังยืนอยู่จุดเดิมก่อนจะโค้งคำนับเสมือนเป็นการขอบคุณที่อีกฝ่ายบอกมาอย่างนั้นก่อนจะทำการเดินเข้าอาคารเรียนไปโดยไม่พูดอะไรออกมา
เคนอิจิที่เห็นอาการของหญิงสาวก็เกิดความสงสัยอยู่ไม่น้อย ที่อยู่ๆ คุณหนูใหญ่แห่งยูกิโอะถึงได้มีอาการปั้นปึ่งใส่เขาอย่างคนหวาดระแวงว่าเขาจะมาทำร้ายทั้งที่เขาพยายามพูดดีๆ ด้วยรวมถึงรักษาอาการไม่ได้จู่โจมอีกฝ่ายมากเกินงาม โดยเฉพาะแววตาที่มองมาที่เขาเหมือนกับว่ากำลังอ่านความคิดของเขาและไม่ไว้ใจเขาอยู่มากพอสมควร