“อยากรู้ว่าทางนั้นกำลังคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่” ฮารูนะเดินเข้ามายืนด้านข้างชายหนุ่มก่อนจะพูดออกไปโดยที่สายตามองไปยังข้อความบนหน้าจอโน้ตบุ๊คเช่นเดียวกันกับคนที่ยืนข้างกาย
“ทำไมฮานะถึงคิดแบบนั้นครับ” เบนจิโร่ถามขึ้นต่อทันทีเพราะยังไม่เข้าใจในสิ่งหญิงสาวเอ่ยออกมา
“มันน่าแปลกนะ ที่ไม่มีสื่อไหนได้เห็นใบหน้าของผู้ชายคนนี้เลย ทั้งที่เขาเป็นถึงทายาทของตระกูลไซโตที่มีธุรกิจมากมายพอๆ กับตระกูลของเรา รู้เขารู้เรา...รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งไง พวกเขามีธุรกิจหลายอย่างทำเหมือนกันกับพวกเราแบบนี้ คิดเหรอว่าจะไม่มีแผนอะไรมาเล่นงานพวกเราอีก ทั้งๆ ที่พ่อของเขาเคยวางแผนเล่นงานและทำร้ายทั้งคุณพ่อและคุณแม่มาก่อน อีกอย่างทางนั้นต่างพากันคิดว่าการตายของทายาทรุ่นที่ 11 ของไซโต...เกิดจากคุณพ่อด้วย”
“ฮานะ คิดมากไปหรือเปล่า เวลาก็ผ่านมาตั้งยี่สิบปี ถ้าพวกเขาจะแก้แค้นจริงๆ ก็น่าจะทำไปตั้งนานแล้ว ไม่น่าจะปล่อยเวลาเนิ่นนานขนาดนี้นะครับ” เบนจิโร่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูอารมณ์ดีต่างจากตอนแรกเพราะภายในใจของเขาเกิดความโล่งใจขึ้นมาเมื่อรับรู้ได้ว่าหญิงสาวตรงหน้าที่สนใจฝ่ายนั้นเพราะสาเหตุอะไร
“เพราะยังไม่มีโอกาสยังไงล่ะ ถึงยังไม่ลงมือ จากที่ฮานะสืบมา เคนอิจิคนนี้เก่งมากเลยนะ เรียนจบปริญญาตรีจากเมืองนอกตั้งแต่อายุ 18 เข้ามาบริหารธุรกิจต่างๆ ด้วยตัวเองตั้งแต่อายุ 19 จนทำให้บริษัทของตระกูลไซโตเติบโตขึ้นจนมีรายได้ติดอันดับ 10 -ของโลกภายในเวลาเพียงแค่หนึ่งปีเอง จากข้อมูลคนคนนี้ดูน่ากลัวมากเลยนะ...ถ้าอนาคตเขาคิดจะเป็นศัตรูกับพวกเรา”
“หัวหน้ารุ่นที่ 10 และรุ่นที่ 11 ของไซโตก็ไม่เคยมีปัญหากับยูกิโอะเลยนะครับที่ผ่านมา ฮานะคิดมากไปแล้ว” เบนจิโร่พูดออกมาก่อนจะยกมือขึ้นโยศีรษะหญิงสาวอย่างเอ็นดูเหมือนที่เคยทำเวลาอยู่กันตามลำพังสองคน
“อืมม เบนยังไม่ทานข้าวเช้ามาใช่มั้ย ทานพร้อมกับฮานะนะ” ฮารูนะตัดใจเลิกสนใจในสิ่งที่กำลังกังวลอยู่โดยหันมาสนใจคนตรงหน้าแทนเพราะเวลาที่ได้อยู่กันตามลำพังในช่วงหลังๆ มีน้อยเหลือเกินในความคิดของหญิงสาว
“งั้นผมขอทำอาหารเช้าให้ฮานะนะครับ” เบนจิโร่พูดจบก็ทำการเดินไปยังห้องครัวทันทีโดยที่เจ้าของห้องยังคงมองหน้าจอโน้ตบุ๊คก่อนตัดใจปิดหน้าจอแล้วเดินไปที่ห้องครัวที่ชายหนุ่มกำลังง่วงกับการเตรียมของเพื่อทำอาหารเช้าสำหรับสองคน
สองวันต่อมา @คณะศิลปศาสตร์และวิทยาการ สาขาภาควิชาจิตรกรรม
“สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้สำหรับวิชา History of Japanese Art (ประวัติศาสตร์ศิลปะญี่ปุ่น) จะมีอาจารย์พิเศษที่จะมาสอนแทนอาจารย์ทสึกิโกะที่ย้ายไปนะคะทุกคน เชิญค่ะอาจารย์” อาจารย์ฟูมิโอะประกาศกับนักศึกษาภาควิชาที่ตนเองรับผิดชอบดูแลก่อนจะหันไปเชิญอาจารย์พิเศษที่เชิญมาสอนชั่วคราวในปีนี้ให้เดินเข้ามาภายในห้องเรียนเพื่อให้นักศึกษาได้รู้จักหน้าค่าตาก่อนจะทำการสอนในช่วงบ่าย
ฮารูนะที่ได้เห็นอาจารย์ที่เดินเข้ามาใหม่ก็มีสีหน้าตกใจเล็กน้อยเมื่อใบหน้าของเขาละม้ายคล้ายกับเบนจิโร่หากมองอย่างผิวเผินจนน่าตกใจ แต่เสียงร้องแซวของบรรดานักศึกษาคนอื่นๆ ทำให้ฮารูนะที่กำลังมองไปยังด้านหน้าห้องเรียนต้องละสายตาจากชายหนุ่มตรงหน้า เมื่อรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายก็มองมายังตนเองเช่นเดียวกัน
“นี่คืออาจารย์เคนตะ นากาโนะ อาจารย์พิเศษที่จะมาสอนวิชา History of Japanese Art นะคะทุกคน อาจารย์เคนตะจะพูดอะไรกับลูกศิษย์ก่อนจะถึงคาบเรียนมั้ยคะ” อาจารย์ฟูมิโอะหันไปถามคนที่ยืนข้างๆ หลังจากที่ได้แนะนำอีกฝ่ายให้นักศึกษาตรงหน้าได้รู้จักชื่อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“สวัสดีครับนักศึกษาทุกคน สำหรับวิชา วิชา History of Japanese Art ที่เราจะได้เจอกันในช่วงบ่าย ผมหวังว่าทุกคนจะมีการเตรียมตัวก่อนการเข้าเรียน และหากว่าใครมีคำถามอะไรในเนื้อหาวิชาที่เรียนกับผมสามารถสอบถามผมได้ตลอดไม่จำเป็นถามเฉพาะในชั่วโมงเรียนเท่านั้น” ในขณะที่เคนอิจิกำลังพูดกับนักศึกษาภายในห้องเรียนสายตาของเขาก็ยังคงมองไปที่หญิงสาวที่เป็นเป้าหมายอยู่ตลอดเวลาเหมือนจงใจให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขากำลังมองไปที่เธออยู่
“ฮารูนะ มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ” อาจารย์ฟูมิโอะเอ่ยขึ้นมาเมื่อเห็นนักศึกษาที่ตนเองเอ่ยชื่ออยู่ๆ ก็ยกมือขึ้นมาจนทำให้เคนอิจิที่กำลังพูดอยู่นั้นต้องหยุดพูดไป
“ดิฉันอยากสอบถามอาจารย์เคนตะว่ายุคไหนของญี่ปุ่นที่ทำให้ศิลปะมันหายไปเหรอคะ” ฮารูนะพูดออกมาด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่จริงจังจนนักศึกษาคนอื่นๆ ต่างพากันหันไปมองเธอเป็นจุดเดียวกันก่อนจะหันไปมองอาจารย์เคนตะที่พวกเขาเพิ่งกรี๊ดกร๊าดไปกับความหล่อและความหนุ่มของเขาที่ตอนแรกหลายคนคิดว่าจะเป็นอาจารย์แก่ๆ หัวโบราณคร่ำครึกมาสอนแทนอาจารย์สาวที่เพิ่งย้ายไป
“ตลอดยุคเฮอัง พระราชอำนาจของราชสำนักอยู่ในภาวะตกต่ำ ราชสำนักกลายเป็นลุ่มหลงต่อการคลานอำนาจจนละเลยการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลนอกเมืองหลวง แต่ถึงแม้จะเป็นยุคที่ตกต่ำสุด แต่ก็ยังมีความสำเร็จด้านวรรณกรรมอย่างประชุมบทร้อยกรอง โคกินวากาชู และ โทซะนิกิ ซึ่งวรรณกรรมเหล่านี้ล้วนเกี่ยวข้องกับนักกวีนิพนธ์ ที่ชื่อ คิ โนะ สึรายูกิ อีกทั้งประชุมปกิณกนิพนธ์ (collection of miscellany) มากูระโนะโซชิ ของ เซ โชนางง และตำนานเก็นจิ ของมูราซากิ ชิกิบุ ซึ่งยังได้รับการยอมรับว่าเป็นผลงานวรรณกรรมญี่ปุ่นยอดเยี่ยม” คำตอบของเคนอิจิทำเอาเหล่านักศึกษาทั้งหลายภายในห้องต่างพากันอึ้งไปชั่วขณะที่เห็นอาจารย์ตอบออกไปโดยไม่ได้มีหนังสือให้ดูเลยแม้แต่น้อย จนเมื่อเขาพูดจบลงไปเหล่านักศึกษาต่างพากันปรบมือให้ ยกเว้น ฮารูนะที่ยืนฟังอยู่ยังยืนนิ่งไม่พูดอะไรต่อ
“ขอบคุณค่ะอาจารย์...เคนตะ สำหรับคำตอบที่ดิฉันสงสัยมานาน” ฮารูนะบอกออกไปก่อนจะนั่งลงโดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้กล่าวอะไรออกไป
“อาจารย์เคนตะโดนคุณหนูใหญ่เล่นให้แล้ว” เหล่านักศึกษาต่างพากันกระซิบกระซาบหลังจากที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวโดยที่คู่กรณีทั้งสองยังมองหน้ากันอย่างไม่มีใครหลบสายตาใคร
“อาจารย์เคนตะ...ทำไมหน้าถึงเหมือนกับเบนเลย” ฮารูนะพูดกับตัวเองในใจอย่างสงสัย