บทที่ 2 พ่อเลี้ยง

1953 คำ
เช้าวันต่อมา... ดวงตาคมเพ่งมองรายชื่อสาว ๆ ในโทรศัพท์ของเขาที่ทยอยส่งข้อความมาหาตั้งแต่เช้า ชายหนุ่มสับรางเก่งยิ่งกว่ารถไฟ ปกปิดพร้อมกับโกหกอย่างแนบเนียน โดยมีเลขาฯ ของเขาคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง อนาวินกดลบข้อความทิ้ง เขาบล็อกรายชื่อพวกนั้นด้วยความเบื่อหน่าย บางคนนัดเจอนอนด้วยกันแค่สองสามครั้งเท่านั้น เขามันเบื่อง่าย ชอบของใหม่และของสด “ไม่หิวเหรอ” เสียงของภรรยาสาวทำให้เขาละสายตาจากโทรศัพท์ สบตากับเธอเล็กน้อยก่อนจะวางโทรศัพท์ลง “ดูตารางงานนิดหน่อยน่ะ” ชายหนุ่มโกหก “เหรอ เวลาทานข้าวยังทำงานอีกนะ” เธอว่าแซวขำ ๆ ไม่อยากให้เขาทำงานหนักเลย แต่ก็อย่างว่าคนเป็นสามีนั้นเพิ่งได้ขึ้นเป็นประธานกรรมการบริหารแทนผู้เป็นพ่อ “หึ...” เขาหัวเราะเบา ๆ ตักข้าวกินอย่างเงียบ ๆ ซึ่งแพรไหมทำกับข้าวอร่อยมากเลยทีเดียว เพราะอย่างนี้เขาถึงแนะนำให้เธอเปิดคาเฟที่มีอาหารด้วย “แล้วจะกลับดึกอีกหรือเปล่าวันนี้” เขากลับดึกตลอด แพรไหมเคยสงสัยว่าทำไมถึงกลับดึกทุกวัน แต่พอเห็นเลขาฯ ของเขาบอกว่าเจ้านายประชุม เธอก็เชื่อ “ไม่ดึกมาก” “แล้ว...” “แพร ผมทำงานนะ” ว่าเสียงเข้ม ใบหน้าอ่อนล้าของเขาทำให้เธอรู้สึกผิดที่เริ่มเจ้ากี้เจ้าการ “แพรก็แค่ไม่อยากให้พี่นอนดึกนี่ กว่าจะถึงบ้านก็เที่ยงคืน แล้วไหนจะสูบบุหรี่ ดื่มเหล้าอีก” เธอบ่นตามประสาคนเป็นห่วง เห็นอย่างนั้น อนาวินก็ชักสีหน้าไม่พอใจ จนเธอรู้สึกได้ “ขอโทษค่ะ” เขาวางช้อนลงที่จาน ก่อนจะคว้าโทรศัพท์แล้วลุกขึ้นยืน “โกรธเหรอคะ แพรขอโทษ” “พี่วิน โกรธเหรอ” เขาไม่ตอบ ชายหนุ่มเดินไปคว้าเสื้อสูทมาพาดไว้ที่หน้าแขน ก่อนที่คนตัวเล็กจะเข้ามาสวมกอดจากทางด้านหลัง “แพรขอโทษ​แพรเป็นห่วงพี่มากจริง ๆ ค่ะ” ฝ่ามือหนาจับแขนของเธอเบา ๆ “รู้” ตอบเสียงเรียบ “แต่อย่ามาสั่ง” “พะ พี่...” คำว่าอย่ามาสั่งของเขาทำเอาคนได้ยินจุกอก เธอเป็นภรรยาที่แทบไม่มีปากมีเสียงกับเขาเลย “พี่ไม่ชอบ ตอนนี้ก็ไม่ได้ป่วย แข็งแรงดีอีกต่างหาก” พอเห็นเธอตกใจก็เลยอยากปลอบ ไม่อย่างนั้นก็คงงอนแล้วถ้าแม่เขารู้คงไม่ดีแน่ มารดารักลูกสะใภ้คนนี้มาก “แต่แพรเป็นห่วงนี่” “โอเค ๆ เดี๋ยวลดลงก็ได้” “จริง ๆ นะ” เธอกอดเอวหนาของเขาไว้แน่น ก่อนที่อีกฝ่ายจะค่อย ๆ หันหน้ามามองเธอ “อืม” พร้อมกับตอบเสียงเรียบ ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย บางทีเธอก็น่ารักเหมือนกัน อนาวินคิดไม่ผิดที่เลือกแต่งงานกับเธอ แม้นว่าการแต่งงานของตัวเองจะมีเหตุผล ในตอนนั้นแค่คิดสั้นไปหน่อย แต่ก็ไม่คิดว่าจะนานขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะแววตาของเธอและความผูกพันที่ก่อตัวขึ้นนี้ทำให้เลือกที่จะไม่หย่า แม้นจะมีความรู้สึกนี้ตลอดเวลาก็ตามที... บริษัทวีพีดีเวล๊อปเมนต์ (Vp development) จำกัด(มหาชน) เป็นบริษัทประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในกลุ่มงานโยธาทั้งในประเทศและนอกประเทศ ตามท้องถนนมักจะเห็นป้ายอักษรภาษาอังกฤษของบริษัท Vp ที่ย่อมาจากสกุลของครอบครัวอย่างวราภัทรสกุลติดอยู่ตามที่ต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพฯ แม้แต่บนสถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูงก็ไม่เว้น บริษัทนี้เป็นผู้ชนะการประมูลสัมปทานการก่อสร้างให้กับทางรัฐบาล แน่นอนว่าเขาเป็นกลุ่มนายทุนที่เข้าหานายกรัฐมนตรีตลอด อนาวิน วราภัชรกุล เป็นประธานกรรมการบริหารรุ่นที่ 16 เขาเป็นที่จับตามองของเหล่านักธุรกิจด้วยกันเอง และนักการเมืองรุ่นใหม่ ความมีชื่อเสียงนี้ทำให้เขามีคนเข้าหาตลอด หน้าตาดี การศึกษาสูงแถมยังคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดอีกต่างหาก ชายหนุ่มไม่ได้พาภรรยาสาวออกงานสังคมเท่าไรนัก เขาให้เหตุผลว่าอยากให้ความเป็นส่วนตัวกับเธอ แต่ความจริงแล้วเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้หญิงเข้าหาเขาต่างหาก เพียงแค่ส่งสายตาเรียกหา สาวแสนสวยก็พร้อมย่างกรายเข้ามา ไม่สนใจว่าเขาจะแต่งงานแล้ว หลายคนเข้าหาเพียงหวังว่าเขาจะเปลี่ยนใจ หย่าแล้วเลือกหล่อนเป็นภรรยาคนใหม่ นักธุรกิจหลายคนเป็นแบบนี้ แม้นแต่พ่อเขายังมีภรรยาสามคนเลย ชายหนุ่มนั่งอยู่บนรถยนต์คันหรู โดยมีภานุขับรถให้เช่นเดิม เขาอ่านข่าวในตอนเช้าวันใหม่ พร้อมกับฟังเพลงไปด้วย “สิ้นเดือนนี้ได้ยินคุณแพรบอกว่าจะเปิดร้านวันแรก นายจะให้ผมเขียนตารางงานให้ไหมครับ” “อืม” เขาคงต้องเอาดอกไม้ไปให้เธอ แพรไหมชอบดอกไม้ช่อโต โดยเฉพาะดอกกุหลาบสีขาว “แล้วจะไปฝรั่งเศสไหมครับ ตารางมันตรงกัน” เขาเงยหน้าขึ้นจากแท็บเล็ต “กับคุณพอลล่าน่ะครับ” “อ้อ...” พอลล่าเป็นผู้หญิงที่เขามีความสัมพันธ์ไม่ผูกมัดด้วยตั้งแต่สมัยที่มาเรียนต่อที่ฝรั่งเศสหลังเรียนปริญญาตรีที่ไทยจบ “เอาไงครับ” “งั้นไปฝรั่งเศส แล้วก็เตรียมช่อดอกกุหลาบให้ด้วย จะเอาให้แพรก่อนไป” ว่าเสียงเรียบ ดอกไม้จะให้คนเป็นภรรยาตอนไหนก็ได้ อย่างไรแพรไหมก็อยู่ที่เดิมไม่ไปไหน เป็นของตายที่หันมาทีไรก็เจอเธอตลอด ส่วนพอลล่านั้น...ใช่ว่าจะนัดเจอได้ง่าย ๆ เธอเป็นคนพิเศษสำหรับเขา ...ร้านคาเฟที่ตั้งใจทำเลือกวัสดุเองทุกอย่างนั้นมีบริษัทของคนเป็นสามีอำนวยความสะดวกให้ แพรไหมเรียนจบสถาปนิกมา เธอมีความรู้เรื่องการออกแบบมากพอสมควร หลังจากแต่งงานเธอได้ทำงานเป็นฟรีแลนซ์ออกแบบบ้านมาหลายหลัง กระนั้นการเปิดคาเฟขนาดใหญ่มีสวนดอกไม้ มีพื้นที่ให้ลูกค้ามาถ่ายรูปนั้นก็ต้องใช้เงินมากพอสมควร ทันทีที่เธอเสนอความคิดนี้ให้กับเขา สามีหนุ่มก็ยินดีที่จะให้การสนับสนุนเธอทุกอย่าง เขาก็ใจดีกับเธอมาโดยตลอด “หึ...” มุมปากเล็กกระตุกยิ้มบาง ๆ เมื่อนึกถึงอีกฝ่าย ในบางครั้งเขาก็เย็นชา แต่บางครั้งก็ใจดีกับเธอมาก เขาทำให้เธออารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ตลอดเวลา นี่ล่ะหนา...ชีวิตคู่ “เอ่อ...คุณแพรไหมใช่ไหมครับ” อยู่ ๆ เสียงทุ้มของผู้ชายก็ดังขึ้นทางด้านหลัง เธอสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเอี้ยวใบหน้าหันไปมอง เป็นผู้ชายวัยกลางคนท่าทางดูภูมิฐาน ฉีกยิ้มให้เธอบาง ๆ “ค่ะ” เธอตอบรับด้วยรอยยิ้มเช่นกัน “พอดีพ่อเลี้ยงมาถึงแล้วนะครับ คุณแพรสะดวกคุยไหมครับ” “อ้อ...ถึงเวลาแล้วงั้นสิ ให้ตายเถอะ...ขอโทษด้วยนะคะ ลืมดูเวลาเลย” อีกฝ่ายยิ้มให้เธอบาง ๆ พลางผายมือให้เธอเดินไปก่อน หญิงสาวตัวเล็กกว่าที่คิดไว้มาก ขณะเดียวกันเจ้านายหนุ่มคงกำลังหงุดหงิด เกรงว่าคนตัวเล็กคนนี้อาจจะหวาดกลัว ...แพรไหมเดินไปตามซุ้มดอกไม้ที่คนงานกำลังขะมักเขม้นในการลงดอกไม้ เธอมองเห็นผู้ชายตัวใหญ่นั่งรออยู่ที่โต๊ะไม้ใต้ร่มไม้ใหญ่ เขาสวมแว่นกันแดดสีชา เอนแผ่นหลังพิงพนักพิงเก้าอี้พร้อมกับกอดอกอยู่ “น่ากลัวจัง” เขาดูเหมือนกับคนกำลังโกรธ รังสีความน่าเกรงขามแผ่กระจายรอบตัวของเขา “เอ่อ พ่อเลี้ยงมารอนานแล้วน่ะครับ” “ฉันขอโทษด้วยนะคะ” เธอว่าเสียงอ่อน เดินเข้าไปใกล้ต้นไม้ ขณะเดียวกันคนที่ทำทีเป็นหลับนั้นก็มองหล่อนตาไม่กะพริบ แพรไหมมองไม่ออกว่าเขากำลังจับจ้องใบหน้าของเธอ แววตาของเขานั้นเหมือนกับกำลังหลงใหลในอะไรบางอย่าง บางอย่างที่ว่านั้นเป็นใบหน้าของสาวคนนี้หรือเปล่า ...คนตัวเล็กคนนี้เป็นใครกัน เธอมีผิวขาวจั๊วะ ตัวเล็ก ท่าทีอ่อนหวานนี้ทำให้หัวใจแกร่งกระตุก “เอ่อ พ่อเลี้ยงครับ คุณแพรมาแล้ว” เสียงของลุงจันทน์ผาทำให้พ่อเลี้ยงหนุ่มได้สติ เขาค่อย ๆ นั่งหลังตรง ดึงแว่นกันแดดออก พร้อมกับผายมือให้เธอนั่งได้ “ขอโทษด้วยนะคะที่ให้รอ” “ไม่เป็นไรครับ” จันทน์ผาหันขวับ ไม่คิดว่าเจ้านายหนุ่มจะตอบเช่นนี้ เขาเป็นคนรักษาเวลามาก แต่ทำไมถึงบอกไม่เป็นไร ปกติพ่อเลี้ยงภูเมฆไม่ใช่คนใจดี “คุณภูเมฆใช่ไหมคะ” “ครับ” ตอบไวเสียด้วย ลูกน้องที่ไม่ต่างจากญาติคนสนิทชำเลืองสายตามองคนเป็นนาย สงสัยว่าจะได้นายหญิงอีกไม่นาน “อ้อ โอเคค่ะ ฉันอยากไปที่ไร่ชาเองแต่ว่าไม่สะดวกเลยค่ะ อีกอย่างสามีฉันไม่ให้ไปด้วย” คำว่าสามีดังกึกก้องในหัวของเขา เช่นเดียวกับจันทน์ผาที่ขาอ่อนเลยทีเดียว เมื่อครู่ยังดีใจอยู่หยก ๆ ที่จะได้นายหญิงเสียที แต่ที่ไหนได้เธอแต่งงานแล้ว “แต่งงานแล้วเหรอครับ” ภูเมฆเสียมารยาทถาม ก่อนจะเลื่อนสายตามองนิ้วนางข้างซ้ายของเธอ เห็นแหวนเพชรเม็ดโตก็ทำเอาใจห่อเหี่ยว “อ้อ ใช่ค่ะ แต่งมาเข้าปีที่สิบแล้ว” หน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยความเสียดาย ทำไมเพิ่งมาเจอเธอเอาตอนนี้ “คุณทำสัญญามาแล้วใช่ไหมคะ” “เอ่อ...ครับ” เธอรีบเข้าเรื่อง เห็นสายตาผิดหวังของเขานั้นแพรไหมเข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ เธอตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เอ่ยพูดถึงสามีดักทางเขา “ฉันชอบชาของไร่คุณมากค่ะ” ไร่ภูตะวันนั้นเป็นไร่ชากาแฟตั้งอยู่ที่เชียงราย ทางเหนือของประเทศ แพรไหมใช้เวลาตามหาชากาแฟหอมเข้มข้นมานาน จนได้มาเจอชากาแฟจากไร่ภูตะวันนี้ “ครับ” เขาตอบเสียงเรียบ ความรู้สึกผิดหวังเมื่อครู่ยังไม่คลายไปจากใจของเขา ไม่ง่ายนักที่จะเจอคนที่ถูกตาต้องใจตั้งแต่แรกเห็นนั้นไม่ง่ายเลย แต่พอเจอแล้วเธอกลับแต่งงานแล้วเสียอย่างนั้น พ่อเลี้ยงภูเมฆดูดีกว่าในรูป เขาเป็นผู้ชายผิวเข้ม ออกไปทางแทน ๆ กร้านแดดเสียมากกว่า คงไม่ใช่คนผิวสีนี้ตั้งแต่เกิด แต่ด้วยงานของเขาที่ต้องออกแดดเป็นประจำก็เลยกลายเป็นคนผิวแทนไปเสีย ใบหน้าของเขาหล่อคมเข้ม มีหนวดเคราที่ทำให้ดูเข้มมากขึ้นเป็นเท่าตัว “เดี๋ยวผมให้อ่านสัญญา แล้วถ้าตกลงก็เซ็นได้เลยครับ” เขาให้คุณลุงจันทน์ผาจัดการเอาเอกสารให้เธออ่าน ซึ่งอีกฝ่ายก็รับไปอ่านอย่างถี่ถ้วน ชายหนุ่มไม่อาจละสายตาไปจากเธอได้แม้นแต่น้อย แพรไหมอ่านเอกสารอย่างถี่ถ้วน อย่างไรก็ตัดสินใจเลือกที่นี่แล้ว แถมเธอยังสั่งซื้อชากาแฟมาทดลองสูตรเยอะมากแล้ว ยังไงก็ต้องเป็นที่นี่ “เรียบร้อยค่ะ” เธอเอ่ยพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้อีกฝ่าย ทำเอาชายหนุ่มตาแข็งค้างเลยทีเดียว เขากะพริบเปลือกตาปริบ ๆ มองรอยยิ้มและซี่ฟันเล็กเรียงกันสวยของเธออย่างคนหลงเสน่ห์ ดวงตาคมเป็นประกาย หวานหยดไม่เข้ากับใบหน้าโหด ๆ หนวดเคราเคร่งขรึมนี้เลยสักนิด...ถ้าเธอยังไม่แต่งงานก็คงจะดี
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม