คลั่งรัก❤คุณหมอมาเฟีย<1>เรื่องบังเอิญ

2540 คำ
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! เสียงปืนดังขึ้นรัวห้านัดติดโดยที่คนยิงไม่ได้วอกแวกเลยแม้แต่น้อย ดวงตากลมโตจ้องมองไปที่เป้ากระดาษด้วยความตั้งใจก่อนที่จะลั่นไก ลูกกระสุนพุ่งไปข้างหน้าเข้าเป้าไม่มีพลาดแม้แต่นัดเดียวจนกระดาษพรุนไปหมด แปะ แปะ แปะ “ไม่พลาดเลยน้า” เก้าทัพที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ปรบมือพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้พี่สาวคนสวยด้วยความชื่นชม ส่วนกฤษฎิ์ที่นั่งดื่มกาแฟอยู่ไม่ไกลยิ้มออกมาเล็กน้อย รู้สึกภาคภูมิใจในตัวลูกสาวคนโตมาก แก้มใสจับปืนตั้งแต่อายุ 15 ปี เพราะรอบตัวมีแต่อันตรายเขาจึงสอนให้ลูกสาวฝึกยิงปืนจนชำนาญ รวมถึงให้ชินกับเรียวสอนการต่อสู้ทุกแขนงให้แก้มใสเอาไว้ป้องกันตัวเองจากศัตรูในที่มืดที่ไม่มีทางรู้เลยว่าจะโผล่มาตอนไหน ถึงเขาจะถอนตัวออกจากวงการมาเฟียแล้ว แต่ใช่ว่าเขาจะไม่มีศัตรูนี่ “พ่อขาแก้มใสเก่งไหมคะ” สาวน้อยแก้มใสในวัย 20 ปีเดินเขามาหากฤษฎิ์ก่อนที่จะนั่งลงข้าง ๆ และกอดแขนพ่อขาเอาไว้อย่างออดอ้อน จะกี่ปีผ่านไปแก้มใสก็ยังคงเป็นเด็กน้อยตัวเล็ก ๆ ในสายตาของกฤษฎิ์เสมอ ถึงแม้ตอนนี้จะโตเป็นสาวสวยสะพรั่งแล้วก็ตาม ทำเอาเขาชักหวงลูกสาวเสียแล้วสิ “เก่งมาก ๆ เลยค่ะ” กฤษฎิ์ยกมือใหญ่ขึ้นมาลูบหัวลูกสาวด้วยความเอ็นดูก่อนที่แก้มใสจะยิ้มร่าแล้วแล้วแบมือไปตรงหน้า กฤษฎิ์ถึงกับหุบยิ้มทันที เพราะรู้ว่าลูกสาวจะขออะไรจากตนเอง “ไม่ให้” ตอบกลับลูกสาวทันควัน แก้มใสถึงกับบึนปากด้วยความงอนพ่อขาทันที ก่อนหน้านี้แก้มใสขับรถสปอร์ตที่เขาซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดไปประสบอุบัติเหตุ ดีที่ไม่เป็นอะไรมาก แต่ใจของคนเป็นพ่อเป็นแม่ไหนเลยจะทนเห็นลูกเป็นอะไรไปได้ กฤษฎิ์เลยยื่นคำขาดไม่ให้แก้มใสจับรถ เพราะเป็นห่วงลูกสาวตัวน้อย แต่หารู้ไม่ว่าเวลาไปมหา'ลัยแก้มใสมักจะแอบเอารถของกายมาขับเสมอหลังจากที่โดนยึดกุญแจรถ “พ่อขาให้แก้มใสเถอะค่ะ แก้มใสต้องไปรับไอโกะที่สนามบินแล้วเนี่ย แก้มใสสัญญาเลยค่ะว่าต่อไปนี้แก้มใสจะขับรถช้า ๆ ไม่ซิ่งอีกแล้ว นะคะพ่อขา” ใบหน้าสวยถูไถไปมากับแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของบิดา สายตามองไปที่พ่อขาอย่างออดอ้อนเธอทนไม่ไหวแล้ว 1 เดือนที่ต้องแอบไปเอารถพี่กายมาขับแบบหลบ ๆ ซ่อนเธอทนต่อไปไม่ไหวแล้วจริง ๆ “พ่อครับสงสารพี่แก้มเถอะนะครับ นะครับพ่อ เชื่อใจพี่แก้มสักครั้ง” เก้าทัพที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ใกล้ ๆ เดินมาอ้อนกฤษฎิ์ช่วยแก้มใสอีกคน คนเป็นพ่อถอนหายใจด้วยความอ่อนใจและใจอ่อน เขารักลูกสาวมากเลยไม่อยากให้เป็นอะไรไปอีก แต่ก็สงสารลูกสาวไม่น้อยที่เวลาจะไปไหนมาไหนต้องให้เรียวคอยขับรถไปรับไปส่งทุกครั้ง “สัญญากับพ่อนะคะเด็กดีว่าต่อจากนี้จะไม่ขับรถเร็ว และจะขับด้วยความระมัดระวัง ใจของคนเป็นพ่อไม่อยากเห็นหนูต้องเป็นอะไรไปอีกแล้ว” กฤษฎิ์ขอร้องลูกสาวด้วยน้ำเสียงจริงจัง สายตาที่มองไปยังลูกสาวเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย แก้มใสที่เห็นแบบนั้นรีบพยักหน้ารับคำผู้เป็นพ่อโดยไวด้วยความดีใจที่พ่อขาของเธอยอมใจอ่อนเสียที “พ่อขา แก้มใสสัญญาว่าจะไม่ทำให้เป็นห่วงอีกแล้วนะคะ” ก้มตัวลงมากอดเอวของพ่อขาเอาไว้ก่อนที่กฤษฎิ์จะพยักหน้าให้เรียวไปเอากุญแจรถมาให้ลูกสาวสุดที่รัก “งั้นแก้มใสไปรับไอโกะก่อนนะคะ เดี๋ยวจะสาย รถจะติด รักพ่อขานะคะ” เมื่อได้กุญแจรถสมใจแล้วแก้มใสก็บอกลาพ่อขาเพื่อไปรับเพื่อนสาวคนสนิทที่ไปเยี่ยมครอบครัวที่ญี่ปุ่นแล้วบินกลับมาวันนี้พอดี ร่างเล็กยื่นหน้าไปหอมแก้มของบิดาหนึ่งทีก่อนจะวิ่งออกจากห้องซ้อมยิงปืนไปด้วยรอยยิ้มสดใสร่าเริงทำเอากฤษฎิ์อดยิ้มตามลูกสาวไม่ได้ รอยยิ้มของลูกสาวเขาคือรอยยิ้มที่สวยที่สุด เขาจะไม่มีวันให้ใครมาทำลายรอยยิ้มของลูกสาวเขาเป็นอันขาด ประเทศไทย สนามบิน เครื่องบินจากประเทศญี่ปุ่นแล่นลงจอดที่สนามบินอย่างปลอดภัย เมื่อผ่านด่านตรวจต่าง ๆ เรียบร้อยแล้วร่างสูงโปร่งสมส่วนที่สวมแว่นตาดำปกปิดใบหน้าหล่อเหลาก็เดินออกมาเพื่อรอรับกระเป๋า ในขณะที่กำลังจะเดินไปรับกระเป๋าอยู่นั้น ร่างบางของใครบางคนก็วิ่งมาด้วยความเร็วชนไหล่ของเขาเล็กน้อย คน ๆ นั้นหันกลับมาขอโทษเป็นภาษาอังกฤษแล้ววิ่งจากไปทันทีโดยไม่หันมามองเขาสักนิด วายุถึงกับส่ายหัวยิ้ม ๆ ให้กับความเร่งรีบของสาวน้อย กลิ่นน้ำหอมยังคงลอยฟุ้งอยู่ใกล้ ๆ แม้ร่างเล็กจะวิ่งจากไปแล้วก็ตาม กลิ่นหอมละมุนนี้ช่างชวนให้รู้สึกสดชื่นทุกครั้งที่สูดลมหายใจเข้าปอดจริง ๆ “ไอโกะ คิดถึงจังเลย” แก้มใสร้องเรียกเพื่อนสาวคนสนิทด้วยความคิดถึงก่อนที่สองสาวจะโผเข้ากอดกันแน่นราวกับไม่ได้เจอกันมานานนับ 10 ปี ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วไอโกะเพิ่งเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวที่ญี่ปุ่นแค่สัปดาห์เดียวเอง “ไม่เจอกันอาทิตย์เดียวอ้วนขึ้นหรือเปล่าพี่แก้ม” ไอโกะแซวเพื่อนสาวยิ้ม ๆ ในขณะที่แก้มใสยิ้มสวยโชว์ลักยิ้มอย่างน่ารัก มือบางตีลงไปที่แขนเพื่อนสาวดังเพียะอย่างแรงจนไอโกะถึงกับแอบซี้ดปากด้วยความเจ็บ แก้มใสมือหนักชะมัด “แซวแรงนะเรา ไม่อ้วนจ้ะ เท่าเดิมสวยเหมือนเดิม น่ารักเหมือนเดิม” ตอบเล่นลิ้นกับเพื่อนก่อนที่ทั้งคู่จะหัวเราะออกมาพร้อม ๆ กัน แล้วจับจูงมือกันเดินออกมาจากสนามบินเพื่อเดินทางไปยังคอนโดของไอโกะ วันนี้เธอจะแอบหนีพ่อขาไปเที่ยวด้วยล่ะ อิอิ ได้รถมาแล้วมันต้องซิ่งไปตี้สักหน่อย โรงพยาบาล N “ทำไมผมต้องรับคุณเข้าทำงานที่นี่” กฤษฎิ์ตั้งคำถามก่อนจะมองไปยังชายหนุ่มรุ่นลูกที่หน้าตาดีมาก ใบหน้าหล่อเหลาสะอาดสะอ้าน สายตาอ่อนโยนที่ทอดมองมายามพูดคุยกับเขาทำให้เขารู้สึกถูกชะตาไม่น้อย ประวัติการศึกษาดี ประวัติการทำงานเรียกได้ว่าโคตรจะดี “เพราะหมอแบบผมจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยชีวิตคนไข้ ให้ลืมตาตื่นขึ้นมาอยู่กับคนที่รักต่อไปครับ” วายุตอบด้วยรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนก่อนที่กฤษฎิ์จะพลิกแผ่นกระดาษหน้าประวัติของวายุดูอีกครั้งเพื่ออ่านให้ละเอียดถี่ถ้วน จนมาสะดุดกับสถานะ โสด คิ้วด้านขวาของกฤษฎิ์ก็กระตุกขึ้นมาถี่ยิบแบบไม่มีสาเหตุ รู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง อย่างไรก็ไม่รู้ “ตกลง ผมรับคุณเข้าทำงานครับคุณศัลยแพทย์วายุ ยินดีที่ได้ร่วมงานนะครับ” กฤษฎิ์ปิดแฟ้มประวัติของวายุลงพร้อมกับยื่นมือไปตรงหน้าหมอหนุ่มที่มองมาด้วยรอยยิ้มก่อนจะยื่นมือใหญ่มาจับมือกับกฤษฎิ์อย่างยินดีที่กฤษฎิ์ให้โอกาสเขาได้มาเป็นหมอรักษาคนไข้ในโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างโรงพยาบาล N ที่มีสาขามากมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ “ผมจะตั้งใจทำงานอย่างสุดความสามารถครับ” วายุบอกกล่าวอย่างมาดมั่นกับท่านประธานโรงพยาบาลที่ถึงแม้อายุจะปาไป 50 กว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงความหล่อเหลาชัดเจน “แล้วคุณหมอมีที่พักหรือยัง” กฤษฎิ์ถามวายุด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ ก่อนที่อีกฝ่ายจะส่ายหน้า ช้า ๆ หลังจากลงเครื่องมาเขาก็รีบเดินทางมาที่โรงพยาบาลทันทีไม่ทันได้จัดการเรื่องอื่น ๆ เพราะกลัวท่านประธานจะรอนาน ก่อนหน้าที่จะเดินทางมาที่นี่ไม่นาน เขาได้รับแจ้งจากทางโรงพยาบาลว่าท่านประธานจะเป็นคนสัมภาษณ์เขาด้วยตัวเอง เขากะว่าสัมภาษณ์เสร็จแล้วจะไปหาดูคอนโดที่อยู่ใกล้ ๆ โรงพยาบาลสักหน่อย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะหาได้ทันเวลาหรือเปล่า เพราะการสัมภาษณ์กินเวลาไปไม่น้อย ตอนนี้จึงเป็นเวลาบ่ายคล้อยเข้าไปแล้ว “ยังเลยครับ ตั้งแต่ลงจากเครื่องผมก็มาที่นี่เลยครับ ยังไม่ทันได้แวะไปที่ไหน” วายุตอบไปตามความจริงก่อนที่กฤษฎิ์จะเสนอทางเลือกให้เขาไปพักที่บ้านพักแพทย์ของโรงพยาบาล “โรงพยาบาลเรามีบ้านพักสำหรับแพทย์นะครับ ถ้าคุณสนใจผมจะให้คนของผมพาคุณไปดู และถ้าเกิดว่าคุณชอบก็สามารถเข้าพักได้เลย ไม่ต้องห่วงอะไร ผมให้คนดูแลจัดการทำความสะอาดอย่างดีทุกอาทิตย์” กฤษฎิ์บอกข้อเสนอให้กับหมอหนุ่มที่นั่งนิ่งอยู่ตรงหน้า เพราะข้างตัวของวายุมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่วางอยู่ กฤษฎิ์จึงเดาได้ว่าเจ้าหนุ่มคนนี้น่าจะยังคงไม่มีที่พักเป็นแน่ “ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องขอรบกวนท่านประธานแล้วครับ” วายุบอกกฤษฎิ์ด้วยความนอบน้อมก่อนที่กฤษฎิ์จะโทรเรียกชินให้มาพาคุณหมอไปดูบ้านพักแพทย์ที่เขาสร้างไว้สำหรับแพทย์ที่ต้องการพักอยู่ใกล้ ๆ กับโรงพยาบาล เมื่อวายุออกจากห้องไปเรียบร้อยแล้วกฤษฎิ์ก็หยิบแฟ้มประวัติของวายุขึ้นมาดูอีกครั้ง ใบหน้าที่หล่อเหลาของวายุช่างเหมือนกับใครบางคนที่เขาเคยรู้จักเหลือเกิน แต่เขาคิดว่าคงไม่น่าจะใช่ เพราะคนที่เขานึกถึงตอนนี้คงกำลังต่อสู้อยู่ในวงการมาเฟียที่ญี่ปุ่นเป็นแน่ บ้านพักแพทย์โรงพยาบาล “ขอบคุณนะครับที่เป็นธุระพาผมมาดูบ้านพัก” วายุก้มหัวลงให้ชินอย่างขอบคุณก่อนที่ชินจะพยักหน้ารับเล็กน้อยแล้วเดินจากไปทันที บ้านพักแพทย์ถูกแยกไว้เป็นหลัง ๆ มีรั้วรอบขอบชิด บ้านขนาดไม่เล็กและไม่ใหญ่มากจนเกินไป เป็นบ้านชั้นเดียวมีสองห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัวที่แยกไว้เป็นสัดส่วน และสวนดอกไม้ด้านนอกที่ถูกดูแลอย่างดี มองแล้วชวนร่มรื่นน่าอยู่ไม่น้อย วายุลงมือจัดการเก็บเสื้อผ้าใส่ตู้เสื้อผ้าให้เรียบร้อย เขามีแค่เสื้อผ้ามาไม่กี่ชุดส่วนของที่เหลือไว้เขาค่อยไปซื้อมาเพิ่มเติมแล้วกัน จัดของได้สักพักก็มีเสียงรถแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านสร้างความแปลกใจให้กับวายุไม่น้อย ร่างสูงเดินออกมาหน้าบ้านก็พบกับรถซุปเปอร์คาร์คันหรูที่จอดขวางประตูรั้วอยู่ เขาค่อย ๆ เดินไปที่รถช้า ๆ มีโน้ตใบหนึ่งเสียบไว้ที่กระจกหน้ารถ มือใหญ่หยิบแผ่นกระดาษออกมาดูก็พบว่ารถคันนี้พ่อของเขาเป็นคนเตรียมเอาไว้ให้นั่นเอง วายุยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะเปิดประตูรถและขับเข้าบ้านไป Pub หลังจากที่จัดของและซื้อของใช้บางส่วนเข้าบ้านพักแล้ว วายุก็ขับรถมาเรื่อย ๆ จนมาเจอกับผับที่บรรยากาศดีแห่งหนึ่งจึงแวะเข้ามานั่งดื่มคนเดียวเงียบ ๆ ผับที่นี่ดูดีและมีระดับมาก แบ่งโซนไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ส่วนตัวเขาตอนนี้กำลังนั่งดื่มเงียบ ๆ คนเดียวปล่อยความคิดและความรู้สึกไปกับเสียงเพลง “ขอนั่งด้วยคนได้ไหมคะ” ขณะที่กำลังนั่งดื่มเงียบ ๆ ก็มีสาวสวยคนหนึ่งเดินมานั่งลงที่โซฟาตรงกันข้ามก่อนที่วายุจะยิ้มให้เล็กน้อยแล้วปฏิเสธด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “ขอโทษนะครับ แต่ผมชอบนั่งคนเดียวเงียบ ๆ มากกว่า” ปฏิเสธพร้อมทั้งเอ่ยคำขอโทษก่อนที่สาวสวยฝั่งตรงข้ามจะหุบยิ้มทันทีแล้วลุกพรวดพราดเดินจากไป วายุนั่งควงแก้วเหล้าเล่นไปมา ก่อนเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์จะดึงความสนใจของเขา บนหน้าจอปรากฏชื่อ ‘ริว’ วายุทำเพียงแค่เหลือบไปมอง ไม่มีท่าทีที่จะกดรับแต่อย่างใด มีสาว ๆ หลายคนที่แวะเวียนมาขอนั่งดื่มกับวายุ แต่ก็ได้รับการปฏิเสธอย่างสุภาพนุ่มนวลไปเสียทุกราย บางคนก็หน้ามึนนั่งมองวายุเงียบ ๆ ซึ่งพอไม่ได้รับความสนใจก็ลุกเดินจากไปเอง เพราะเจ้าของโต๊ะไม่สนใจเธอเลยสักนิด “ปล่อยเพื่อนกูเดี๋ยวนี้นะ” วายุที่กำลังจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มชะงักไปวูบหนึ่งเมื่อเสียงหวานใสของใครบางคนดังขึ้น ตามด้วยเสียงขวดแก้วแตกอย่างแรงจากฝีมือของสาวสวยที่เขามองเห็นหน้าไม่ชัด เนื่องด้วยความมืดสลัวของมุมที่เขานั่งอยู่ “กรี๊ดดดด มึงกล้าทำผัวกูเหรอ” เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นทำเอาวายุแสบแก้วหูจนทนไม่ไหว เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่โต๊ะข้างหลังเขานี่เอง ชายหนุ่มจึงตัดสินใจลุกขึ้นจากโซฟาเพื่อกลับบ้านพักไปพักผ่อน ด้วยหมดอารมณ์ที่จะนั่งดื่มต่อแล้ว “เออ แล้วมึงจะทำไม” เสียงหวานใสที่เขาได้ยินครั้งแรกร้องขึ้นก่อนที่ร่างบางของใครบางคนจะเซมาชนเขา กลิ่นหอมจากน้ำหอมที่คุ้นเคยปะทะจมูกของวายุเข้าอย่างจัง สาวน้อยในอ้อมแขนเขาหันมากล่าวขอโทษด้วยความรีบร้อนก่อนจะเดินไปหยิบขวดเหล้าที่อยู่ไม่ไกลมาถือไว้แล้วฟาดลงที่หัวของผู้ชายคนหนึ่งอย่างแรงจนเลือดอาบ วายุได้แต่ส่ายหน้าให้กับเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าก่อนที่ขายาว ๆ จะก้าวออกมาจากบริเวณนั้น กลิ่นน้ำหอมที่ติดจมูกเขาค่อนข้างมั่นใจว่าผู้หญิงที่เซมาชนเขาคือคนคนเดียวกับผู้หญิงที่วิ่งมาชนไหล่เขาที่สนามบิน กลิ่นน้ำหอมที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน แต่การพบกันทั้งสองครั้งเขากลับไม่เคยได้เห็นหน้าสาวเจ้าอย่างชัดเจนเลยสักครั้ง วายุไม่เคยรู้เลยว่าผู้หญิงที่บังเอิญมาชนเขาถึงสองครั้งคือผู้หญิงที่นั่งหันหลังให้เขาห่างกันเพียงแค่โซฟากั้นไว้แค่นั้นเองหรือนี่จะเป็พรหมลิขิตที่ยังไม่ชัดเจนกันนะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม