บทนำ
ข้าคือภรรยาต่ำช้า มารดาเลวทราม
ข้าคือความผิดพลาด
จะ...เจ็บปวด!
ทะ...ทรมานเหลือเกิน!
ได้โปรดฆ่าข้าเถอะ ได้โปรด...
ริมฝีปากแห้งแตกระแหงจากการขาดน้ำ นางพยายามจะขยับเขยื้อนเอื้อนเอ่ยอ้อนวอน ทว่ากลับไม่มีแม้เสียงใดเล็ดลอดออกมานอกจากเลือดที่กระอักออกมาเป็นสาย
‘เกอไป๋หลัน’ ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็น ‘บุปผางามแห่งวงสังคมชั้นสูง’ เป็นสตรีผู้เพียบพร้อมเป็นที่นับหน้าถือตาของผู้คนมากมาย แต่นางกลับ...
เป็น ‘ภรรยาต่ำช้า’ ของสามี นางหยาบคายดั่งหญิงแพศยา ค่อนขอดเย้ยหยันไม่ให้เกียรติสามี อีกทั้งยังผลาญทรัพย์สมบัติของสามีอย่างสนุกสนาน
เป็น ‘มารดาเลวทราม’ ของบุตรสาว ด้วยไม่เคยฟูมฟักเลี้ยงดูบุตรเฉกเช่นที่มารดาควรจะทำ แม้แต่น้ำนมสักหยดนางก็ไม่เคยให้บุตรสาวดื่มกินจากเต้า อีกทั้งยังไม่เคยกอด ไม่เคยหอม ไม่เคยเอ่ยวาจาอ่อนหวานห่วงใย ไม่แม้แต่จะชายตาแลบุตรสาวราวดั่งว่านั่นไม่ใช่เลือดเนื้อแต่เป็นอากาศธาตุ จนกระทั่งบุตรสาวจิตใจอ่อนแอขาดที่พึ่งพิง หลงเดินทางผิดหันไปฝักใฝ่ฝ่ายมาร
เป็น ‘นายหญิงเลือดเย็น’ ชอบดุด่าเฆี่ยนตีบ่าวไพร่อย่างทารุณดั่งเห็นชีวิตคนเป็นผักปลา
เวลานี้ใบหน้าที่เคยงดงามไม่เหลือเค้าโครงเดิม เกอไป๋หลันถูกจับอ้าปากแล้วกรอกด้วยปลายข้าวสารบดละเอียดผสมน้ำเปล่าเพื่อให้มีชีวิตเท่านั้น
หญิงสาววัยกลางคนถูกล่ามมือและเท้าด้วยโซ่ขนาดใหญ่ ตามร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลจากการทารุณกรรมเพื่อให้ได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
“นี่คือสิ่งที่ข้าสมควรได้รับ สมควรแล้ว ข้าสมควรได้รับสิ่งนี้แล้ว...”
ไป๋หลันร่ำไห้จนตัวโยน สะอึกสะอื้นจนเรือนกายผอมแห้งสั่นเทิ้ม ดวงตาของนางเลื่อนลอยหวนคิดถึงวันวานที่ผันผ่าน
ชีวิตของนางมีสิ่งใดบ้างหนอที่เรียกว่า ‘ความสุข’ มีสิ่งใดบ้างหนอที่เรียกว่า ‘ความรัก’ ภาพความทรงจำมากมายไหลซัดสาดเข้ามาในห้วงแห่งความนึกคิด
นับตั้งแต่นางลืมตาขึ้นมาบนโลกใบนี้
เมื่อครั้งยังเป็นทารกนางถูกเลี้ยงดูโดยสาวใช้ กิน นอน เติบโตในเรือนคนใช้ทั้งที่นางมีศักดิ์เป็นถึง ‘คุณหนูเกอ’ ผู้มั่งคั่ง เมื่อนางอายุได้ห้าปีนางจึงถูกแม่นมพาตัวเข้ามาในเรือนใหญ่
ได้พบกับผู้ให้กำเนิดเป็นครั้งแรก นางวิ่งเข้าไปกอดอย่างไร้เดียงสาด้วยโหยหาความรักมาโดยตลอด แต่กลับถูกมารดาผลักไส สะบัดฝ่ามือตบลงบนแก้มจนเลือดกบปาก ถ้อยผรุสวาทด่าทอของมารดาทำให้เด็กหญิงตัวน้อยถึงกับสะเทือนใจจนล้มป่วย
เกอไป๋หลันค่อยๆ เติบโตขึ้นราวกับเป็นกระสอบทรายของมารดา บ่าวไพร่สาวใช้ไม่เคยเห็นหัว มักกลั่นแกล้งนำอาหารบูดเน่ามาให้นางกิน อีกทั้งยังมักหัวเราะเยาะเย้ยหยันราวกับเห็นนางเป็นสิ่งมีชีวิตไร้ค่า
เด็กหญิงตัวน้อยนอนร้องไห้จนหลับไปทุกค่ำคืน จนกระทั่งนางตกผลึกความคิดด้วยตนเองว่านางจะไม่ขออยู่แบบนี้อีกต่อไป นางจะปกป้องตนเอง...
ความคิดแบบเด็กๆ บิดเบี้ยวหลงทางดั่งคนตาบอดที่ออกเดินโดยไร้จุดหมาย เกอไป๋หลันกลายเป็นเด็กขี้โกหก เป็นเด็กเจ้ามารยา และเริ่มใช้ความรุนแรงกับเหล่าสาวใช้ที่เห็นนางเป็นตัวตลก
ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
นางกระโดดกัดหูสาวใช้จนแหว่งวิ่น จิกข่วนใบหน้าแล้วควักลูกตาของอีกฝ่ายจนตาบอด กรีดร้องด่าทอทุกคนที่ปฏิบัติต่อนางอย่างต่ำช้า
มันได้ผล!
นับจากนั้นไม่มีใครหน้าไหนกล้ารังแกนางอีกเลย!
ไป๋หลันเชื่อว่าสิ่งนี้จะทำให้นางมีความสุข ทุกครั้งที่นางถูกมารดาเรียกไปทุบตี นางก็จะส่งต่อความรุนแรงไปยังผู้ที่ด้อยฐานะกว่า เด็กหญิงสะสมความรุนแรง ความหยาบคาย และจิตใจที่หยาบกระด้างนานปี
จนกระทั่งเมื่อเด็กหญิงอายุสิบสองปี นั่นเป็นครั้งแรกที่มารดาเรียกนางไปหาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอ่อนโยน ดึงนางเข้าไปโอบกอดด้วยความรัก หยิบขนมรสชาติหวานล้ำป้อนนางอย่างเอ็นดู
หัวใจที่แสนบอบช้ำฟูฟ่อง เด็กหญิงฉีกยิ้มกว้างจนดวงตาเล็กหยี มีความสุขจนแทบสำลักออกมา
นี่นะหรือความรัก
นี่นะหรืออ้อมกอดของผู้ให้กำเนิด
‘ไป๋เอ๋อร์ลูกรักของแม่ ต่อจากนี้เจ้าจะต้องไปเป็นเจ้าสาวของสกุลจ้าว ไปทำให้ชีวิตของพวกมันทุกคนวิบัติฉิบหายย่อยยับ ให้ตระกูลจ้าวล่มจมไม่เหลือดี หากเจ้ารักแม่...เจ้าต้องแก้แค้นให้แม่!’
ผู้เป็นมารดาเกลี้ยกล่อมเด็กหญิงด้วยถ้อยคำอ่อนหวาน กรอกหูด่าทอสกุลจ้าวให้นางฟัง ปลูกฝังความแค้นเคืองในหัวใจของนางอยู่นานหลายเดือน จากนั้นจึงส่งนางขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวไปอาศัยอยู่ที่สกุลจ้าวจนกว่าจะพ้นวัยปักปิ่น
เกอไป๋หลันไม่อยากไป นางยังโหยหาอ้อมกอดของมารดาแทบขาดใจ โหยหาคำหวาน โหยหามือคู่นั้นที่วางลงบนศีรษะอย่างอ่อนโยน ทว่าหากไม่ทำตามคำสั่ง นางก็กลัวว่ามารดาจะกลับไปเกลียดชังนางดังเดิม หากเป็นเช่นนั้นหัวใจของนางคงแหลกสลาย
ในสายตาของทุกคนใน ‘ตระกูลจ้าว’ นั้น ‘ไป๋หลัน’ ในวัยเพียงสิบสองปีย่างสิบสามปีนั้นช่างร้ายกาจเหลือเกิน นางมีใบหน้างดงามแต่มีจิตใจต่ำทรามดั่งปีศาจร้ายก็ไม่ปาน
จวนที่เคยสงบสุขกลับร้อนดั่งไฟ!
ทันทีที่พ้นวัยปักปิ่นแม่นมก็จัดแจงให้นางได้หลับนอนกับสามี โดยมีหมอคอยตรวจร่างกาย วัดค่าปราณภายใน และบำรุงร่างกายด้วยสมุนไพรนานาชนิด จนแน่ใจว่าร่างกายของนางในวันนั้นพร้อมสำหรับการปฏิสนธิของสิ่งมีชีวิต
การเข้าหอที่ต่างฝ่ายต่างเกลียดชังไม่อยากแม้แต่จะมองหน้า จึงมีม่านกั้นผืนใหญ่ขวางเตียง ไป๋หลันนอนเปลือยเปล่าเปิดเปลือยเพียงท่อนล่าง ยกขาตั้งชันแล้วอ้าออก โดยที่ผ้าม่านกางกั้นทาบทับผ่านหน้าท้องของนางเอาไว้ เพื่อปิดบังใบหน้าของแต่ละฝ่ายไม่ให้มองเห็นกัน จากนั้นจึงให้ผู้เป็นสามีปฏิบัติหน้าที่
ทันทีที่แกนกลางกายบุรุษล่วงล้ำเข้ามา ไป๋หลันเจ็บปวดและด่าทออีกฝ่ายอย่างหยาบคาย ซึ่งอีกฝ่ายเองก็หาได้อยากแตะต้องเนื้อตัวภรรยา ด้วยขยะแขยงราวกับเห็นนางเป็นหนอนน่ารังเกียจ เขาจึงรีบสอดใส่อย่างกระแทกกระทั้นเพื่อรีบหลั่งสายน้ำแห่งชาติพันธุ์เข้าไปในร่างกายของภรรยาตามความต้องการของผู้อาวุโสในตระกูล ก่อนจะผละออกไปโดยไม่แม้แต่จะมองหันหลังกลับมา
โชคดีที่เพียงครั้งเดียวไป๋หลันก็ตั้งครรภ์สมดั่งใจ
‘เพราะพวกสกุลจ้าวเห็นแก่ตัวต้องการมีทายาทสืบสกุล คุณหนูจึงต้องทุกข์ทรมานถึงเพียงนี้ ดังนั้นเด็กในท้องคือสิ่งเลวทรามหาใดเปรียบ เพราะมีสายเลือดของพวกมันอยู่ไหลเวียนอยู่ในกาย!’
ไป๋หลันเห็นคล้อยตาม ‘แม่นม’ เพราะแม่นมเลี้ยงดูนางมาตั้งแต่อายุห้าปี อีกทั้งยังไม่เคยทุบตีหรือว่าร้ายนางเลยสักครั้ง
ยิ่งครรภ์ใหญ่ขึ้นไป๋หลันก็ยิ่งรู้สึกเกลียดชังขยะแขยงบุตรในท้องของตนเอง ยิ่งนางแพ้ท้องมากเท่าไหร่นางก็ยิ่งเกลียดชังเลือดเนื้อเชื้อไขของสกุลจ้าวที่อยู่ในครรภ์ของนางมากเป็นเงาตามตัว
ช่วงเวลาที่นางได้ให้กำเนิดบุตร ราวกับก้าวผ่านความเป็นความตาย ก้าวข้ามความเจ็บปวดเพราะตั้งครรภ์ตั้งแต่ยังเป็นเพียงเด็กสาวเพิ่งพ้นวัยปักปิ่น
ทว่าเมื่อไป๋หลันได้เห็นสิ่งมีชีวิตตัวแดงๆ ในห่อผ้า หัวใจของนางกลับไหววูบ ความรู้สึกบางอย่างแล่นปราดไปทั่วหัวใจ
หวงแหน อยากปกป้อง...
จังหวะที่นางจะยื่นมือไปรับบุตรสาวมากอดประคองนั้น ภาพในวัยเยาว์กลับฉายชัดขึ้นมาในห้วงแห่งความทรงจำ ฝ่ามือมารดาที่ตบลงมาบนใบหน้า เมื่อเริ่มเป็นสาวจึงเปลี่ยนเป็นใช้แส้ฟาดไปตามแผ่นหลังและต้นขาเพื่อหลีกเลี่ยงคำครหานินทา
เสียงแส้ที่สะบัดลงมาบนเรื้อหนังทำให้ร่างเล็กบอบบางสะดุ้งโหยงสั่นเทิ้มไปทั้งสรรพางค์กาย ไป๋หลันหูอื้อ ตาลาย ใจสั่น มือสั่น ร่างกายเย็นเฉียบด้วยความหวาดกลัว
ไม่!
‘ข้าไม่สมควรรักเด็กคนนี้! เพราะหากว่าข้ารัก ข้าอาจจะเผลอทุบตีจนเด็กคนนี้ต้องทุกข์ทรมานเฉกเช่นที่ข้าเคยได้รับ เด็กคนนี้ควรอยู่ห่างจากข้าให้มากที่สุด!’
‘มารดาก็บอกว่า ‘รัก’ ข้า แต่มารดาก็ตีข้าราวกับวัวควาย ข้าอาจจะเผลอทำร้ายทุบตีก็เป็นได้ ไม่! ข้ากลัว! ข้ากลัว!’
ความหวาดกลัวที่กัดกินจิตใจทำให้ไป๋หลันเลือกที่จะหันหลังให้กับเด็กน้อย เมินเฉย และไม่คิดจะเลี้ยงดูเฉกเช่นที่มารดาพึงกระทำ
ภาพความทรงจำถาโถมราวกับคลื่นทะเลบ้าคลั่งซัดสาด ในขณะที่หัวใจปริร้าวแทบแตกสลาย ดวงตาแดงก่ำพร่าเลือน
“ความผิดของข้ามากมายเหลือเกิน มากมายจนชีวิตของข้าไม่อาจชดใช้ได้หมด”
นายหญิงแห่งสกุลจ้าวร่ำไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด วันคืนผันผ่าน แสงจันทราเยี่ยมย่างมายังช่องแสงเล็กๆ วันแล้ววันเล่า ทำให้ไป๋หลันได้ตกตะกอนความคิด หวนคิดถึงสิ่งผิดพลาดที่ตนเองเลือกเดินครั้งแล้วครั้งเล่า
“ผิดพลาดมาโดยตลอด ข้าคือความผิดพลาดที่ไม่ควรจะเกิดมาบนโลกใบนี้”