ทางด้านของคู่กัดหลังจากเดินทางไปถึงโรงพยาบาลเรียบร้อย พิมพ์ฝันก็ถูกตรวจร่างกายอย่างละเอียดตามคำสั่งของอธิวราห์แม้จะไม่เต็มใจก็ตาม แต่อาการปวดที่กำลังเล่นงานทำให้เธอออกฤทธิ์ไม่ได้จึงยอมแพ้ในที่สุด แล้วนอนนิ่ง ๆ ให้หมอตรวจอาการ เวลาผ่านไปครู่
ใหญ่ ๆ ก็รู้ว่าตนเองนั้นข้อเท้าแพลง
ในระหว่างที่รอรับยาตามที่หมอสั่ง ชายหนุ่มก็เหลือบไปมองหญิงสาวเป็นระยะ ๆ ใจหนึ่งก็บอกให้ขอโทษเธอ แต่อีกใจก็บอกว่าไม่ต้อง ผู้หญิงอย่างพิมพ์ฝันไม่เหมาะกับคำขอโทษ
แต่สุดท้ายก็ยอมเอ่ยเมื่อเห็นเธอแสดงความเจ็บผ่านใบหน้า
ซีด ๆ และดูเหมือนจะเหนื่อยเต็มทน
“ผมขอโทษ”
“ฮะ! คุณพูดอะไรนะ”
“ผมบอกว่า ผมขอโทษ”
“เฮ้ย ผีเข้าไหมเนี่ย อยู่ ๆ ก็พูดขอโทษ”
“แล้วคุณจะเอายังไง”
“ไม่เอายังไง ไหน ๆ คุณก็ยอมขอโทษ ฉันไม่โกรธคุณก็แล้วกัน แค่เรื่องนี้เท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นไม่มีทาง”
“ถ้าเป็นเรื่องนั้น ผมไม่ขอโทษแน่นอน เพราะผมไม่ผิด”
“นี่คุณหาว่าฉันผิดเหรอ”
“ลองคิดดูดี ๆ สิเรื่องคืนนั้น คุณหรือผมที่ผิด”
รอยยิ้มร้ายกาจผุดที่ริมฝีปากของชายหนุ่ม ยามที่สมองหวนคิดถึงเรื่องในอดีต เรื่องที่ทำให้ตนเองกับพิมพ์ฝันต้องทะเลาะกันเรื่อยมา
ต่างจากหญิงสาวที่เกิดอาการหน้าซีดกว่าเดิมเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น เพราะเอาจริง ๆ คนที่ผิดคือเธอเอง แต่พิมพ์ฝันจมอยู่กับความผิดได้เพียงครู่เดียว ก็ถูกเรียกชื่อให้ไปรับยาจึงพยายามจะลุกขึ้นด้วยความทุลักทุเล
“นั่งลงเลย เจียมสังขารบ้างก็ดี เดี๋ยวผมไปเอาให้เอง”
ก็ยังไม่วายจิกกัดคนเจ็บ ถึงแม้จะอาสาช่วยไปรับยาแทนก็ตาม หญิงสาวจึงส่งค้อนให้ชายหนุ่ม ต่อให้เจ็บกว่านี้เธอก็ไม่ขอความช่วยเหลือจากผู้ชายตรงหน้าแน่นอน
“ฉันไปเองได้ ไม่จำเป็นต้องรบกวนคุณ” เอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชัน ส่งค้อนให้อธิวราห์จนคอแทบเคล็ด บอกเลยแค่ไปรับยาเองทำไมเธอจะทำไม่ได้ คนอย่างพิมพ์ฝันไม่ง้อใครง่าย ๆ หรอก
“หึ อวดเก่ง ไปสิ ผมจะรอดูอยู่ตรงนี้” ผู้ชายปากร้ายยกยิ้มมุมปาก พร้อมกับผายมือไปข้างหน้า รอดูว่าหล่อนจะทำตามที่พูดได้จริงหรือไม่
“ไม่ต้องท้า ฉันทำได้แน่”
แต่คนอวดดีก้าวขาไปข้างหน้าได้เพียงสองก้าวก็ทำท่าเซจะล้ม อธิวราห์จึงรีบเข้าไปประคองด้วยความรวดเร็วทำให้ใบหน้าของทั้งสองคนห่างกันแค่คืบ ตาทั้งสองคู่จ้องกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
จากนั้นชายหนุ่มก็อุ้มหญิงสาวมาวางไว้บนเก้าอี้พร้อมกับสั่งเสียงเข้ม ห้ามอวดดี ไม่อย่างนั้นเธอจะถูกลงโทษอย่างคืนนั้นอีก
“คนบ้า ฉันไม่มีวันให้คุณทำแบบนั้นอีกแน่” เธอเอ่ยเบา ๆ หลังจากชายหนุ่มเดินไปรับยาแทน แก้มทั้งสองข้างแดงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อคิดถึงเรื่องคืนนั้น
หลังจากที่อธิวราห์รับยาเสร็จเรียบร้อยก็ถือวิสาสะมาส่งหญิงสาวถึงหอพักซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากบริษัทที่เธอทำงานมากนัก ด้วยความประหยัดและเงินเดือนไม่มากทำให้พิมพ์ฝันเลือกที่จะเช่าห้องราคาถูก พอให้อาศัยอยู่ได้เท่านั้น ชายหนุ่มถึงกับมองซ้ายมองขวาเมื่อขึ้นมาส่งคนเจ็บในห้องนอนได้สำเร็จ
“คุณแน่ใจนะว่าคุณอยู่ที่นี่จริง ๆ ไม่ได้หลอกผม”
ชายหนุ่มมองสภาพห้องไปมาด้วยความไม่แน่ใจ ห้องนอนของเธอทั้งเล็กและเก่า แคบกว่าห้องน้ำของเขาเสียอีก บอกตรง ๆ เขาอาศัยอยู่ไม่ได้หรอก ดูประตูสิไม่มีความปลอดภัยอะไรเลย
“แล้วฉันต้องหลอกคุณทำไม ไม่มีเหตุผลอะไรเลย”
เธอเอ่ยอย่างอ่อนใจ ขณะนั่งลงบนเตียงเก่า ๆ ที่ตั้งอยู่กึ่งกลางห้องซึ่งมีพัดลมเพดานเปิดไล่ความร้อน แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่
“ก็คุณกลัวผมจะมายุ่มย่ามกับคุณไง”
“คิดได้เนอะ ฉันมีสมองมากพอ ไม่เข้าข้างตัวเองขนาดนั้นหรอก”
“ก็ดี งั้นผมกลับก่อนแล้วกัน ถ้าคุณมีอะไรก็โทรหาผมได้ตลอด ชดเชยที่ผมทำให้คุณบาดเจ็บ นี่นามบัตรของผม”
เห็นใบหน้าซีด ๆ ของเธอทำให้เขาขี้เกียจต่อปากต่อคำจึงยอมถอยเอง พร้อมกับหยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้คนเจ็บราวกับฝืนใจ
“ขอบคุณค่ะ เชิญกลับได้แล้ว ฉันจะพักผ่อน”
พิมพ์ฝันรับนามบัตรเรียบร้อยก็ผายมือไปทางประตูเพื่อให้
อธิวราห์ออกไป แต่ผัวเมียห้องข้าง ๆ เกิดมีปากเสียงกัน มีการด่าทอกันลั่น รวมถึงการทำลายข้าวของทำให้ชายหนุ่มตกใจไม่น้อยจึงหันไปมองหน้าคนเจ็บที่กำลังเอามือขึ้นมาอุดหู แสดงสีหน้ารำคาญเต็มทนในขณะนั่งพิงขอบเตียง
“นี่คุณเจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อยเหรอ”
เขาแสดงสีหน้าประหลาด ๆ พลางขมวดคิ้วถาม
“อืม บ่อยจนชินไปแล้ว คุณค่อยออกไปตอนเขาทะเลาะเสร็จก็ได้ เดี๋ยวโดนลูกหลง” เธอถอนหายใจก่อนตอบ คนอาศัยอยู่ที่นี่ต่างรู้ดีถึงวีรกรรมของสองผัวเมีย เอาเป็นว่าอย่าเข้าไปยุ่งจะดีกว่า คู่นี้สามวันดีสี่วันไข้
“แล้วเจ้าของหอพักไม่จัดการอะไรเลยเหรอ” ชายหนุ่มนั่งลงตรงปลายเตียงพร้อมตั้งคำถาม คนเกิดมาบนกองเงินกองทอง ไม่เคยอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ย่อมแปลกใจเป็นธรรมดา
“จัดการอะไรได้ นั่นน่ะลูกสาวเขาเอง”
“แจ้งตำรวจไหมคุณ เดี๋ยวผมจัดการให้เอง”
“อย่าเลย ตำรวจไม่ทำเรื่องแบบนี้หรอก เสียเวลาเปล่า” พิมพ์ฝันแสดงสีหน้าเอือมระอาเพราะตนเองเคยแจ้งตำรวจไปแล้ว แต่ได้คำตอบกลับมาว่าเรื่องผัวเมียเดี๋ยวเขาก็ดีกัน
เสียงทะเลาะของสองสามีภรรยาคู่นั้นดังอยู่สักพักกว่าเสียงจะเงียบลง อธิวราห์จึงตัดสินใจลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตูเพื่อออกจากห้อง แต่ยังละล้าละลังไปดีหรือไม่ รู้สึกเป็นห่วงคนเจ็บอย่างบอกไม่ถูก
แต่ขาทั้งสองของเขายังไม่ก้าวพ้นประตูห้องก็เจอกับความตกใจอีกครั้ง เมื่อมีผู้ชายซึ่งอยู่ในอาการมึนเมาโผล่มาทักทายอย่างไม่มีปีมีขลุ่ย ก่อนที่เขาจะจัดการไล่คนเมาไปห่าง ๆ แล้วตัดสินใจปิดประตู
“เก็บของซะ คุณอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้หรอก”
“คุณว่าอะไรนะ!”
“เก็บกระเป๋า แล้วไปกับผม ไม่ต้องอยู่ที่นี่แล้ว มันไม่ปลอดภัย”
เขาเอ่ยหลังจากเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียงที่มีคนเจ็บเท้านอนพักอยู่ หญิงสาวถึงกับหันขวับไปมองหน้าแล้วสอบถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เหตุใดตนเองต้องทำตามคำสั่งของชายหนุ่มด้วย
“คุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน”
“สิทธิ์ของความเป็น ผัว ของคุณไง ลืมไปแล้วเหรอ” น้ำเสียงตรงคำว่า ผัว ชัดถ้อยชัดคำ ย้ำสถานะของตนเองกับเธอ พิมพ์ฝันถึงกับร้องห้ามเสียงหลงไม่อยากให้คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ผัว เอ่ยถึงเรื่องอดีต
“หยุด ห้ามพูดเรื่องนั้นเด็ดขาด”
“ถ้าไม่อยากให้ผมพูด คุณก็ต้องทำตามที่ผมต้องการ พิมพ์ฝัน”
“คุณครูซ”