บทที่ 12 บอกเรื่องมิติ

1591 คำ
หลังจากที่เย่วซินโดนทุกคนรวมทั้งลี่มี่ตัวน้อยดุ เธอก็ได้แต่สำนึกผิดขึ้นมา เธอลืมไปว่าที่นี่เธออายุแค่สิบหกปีอีกสองเดือนก็เพิ่งจะสิบเจ็ดปีเท่านั้นเอง เธอไม่ใช่สาวอายุสามสิบเหมือนที่ที่เธอจากมา เมื่อห่าวอู๋เห็นน้องสาวสำนึกผิดแล้วจึงได้ถามต่อถึงเหตุผลที่เข้าไปในตลาดมืด “ก่อนที่ฉันจะบอกเหตุผลว่าฉันไปทำไม ฉันขอถามหน่อยได้ไหมว่า ที่นั่งกันอยู่นี่มีใครขับรถยนต์ได้บ้าง” “พี่ขับได้ ตอนอยู่ในกองทัพพี่เคยขับ” ซีห่าวตอบไปทั้ง ๆ ที่ยังสงสัยว่าเย่วซินถามทำไม “อย่างนั้นดีเลยค่ะ ทุกคนพร้อมที่จะรับฟังกันแล้วใช่ไหม” ทุกคนพยักหน้าตอบ ส่วนเย่วซินนั้นใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ มือนี่เย็นเฉียบ เธอหันหน้าไปทางห่าวอู๋และห่าวหรวน แล้วถามขึ้นว่า “พี่ใหญ่กับห่าวหรวนสงสัยใช่ไหมว่าทำไมหลังจากที่ฉันฟื้นขึ้นมา นิสัยและท่าทางของฉันไม่เหมือนเดิม” “ใช่ ซินซินเปลี่ยนไป จากที่คุยไม่เก่ง ไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า ยิ่งเห็นเด็ก ๆ ยิ่งเดินหนี และยิ่งไปกว่านั้น หากจะไปซื้อของที่ตลาดมืดน้องจะต้องรอไปพร้อมกับพี่แทบจะทุกครั้ง” ห่าวอู๋บอกในสิ่งที่เย่วซินถามห่าวหรวนพยักหน้ายืนยัน “นั่นก็เพราะว่าฉันอยากเปลี่ยนตัวเอง ตอนที่ฉันสลบไป ฉันคล้ายกับไปในที่หนึ่ง ซึ่งเจริญกว่านี้มาก ไม่ต้องจำกัดอาหาร การค้าก็เสรี ฉันเรียนรู้ทุกอย่างจากที่นั่น และฉันคิดว่าหากเมื่อไหร่ที่ฉันตื่นขึ้น ฉันจะทำให้ชีวิตของคนที่ฉันรักสุขสบายให้ได้ ที่สำคัญฉันเจอคุณตาท่านหนึ่ง และท่านกล่าวว่าถึงเวลาแล้วที่ฉันต้องเปลี่ยนตัวเอง และให้สิ่งของบางอย่างกับฉันมา” เย่วซินเว้นระยะพูด จากนั้นจึงมองสีหน้าทุกคนว่าเชื่อหรือไม่ ทุกคนที่ได้ฟังมีอาการตกใจแต่ไม่ถึงกับผวา มีแค่ซีห่าวเท่านั้นที่นั่งฟังด้วยท่าทีปกติไม่ได้แสดงอาการตกใจอะไร เย่วซินถอนหายใจด้วยความโล่งใจ ตอนนี้เธอไม่รู้สึกกลัวที่จะพูดอีกแล้ว กลับกลายเป็นเธอรู้สึกดีที่ได้พูด “ทุกคนเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดใช่ไหม” เมื่อเห็นทุกคนพยักหน้าจึงได้เอ่ยประโยคถัดไป “ถ้าอย่างนั้นฉันจะบอกเหตุผลว่าฉันไปในตลาดมืดทำไม เพราะว่าฉันเอาของไปขายในตลาดมืด ตอนนี้ฉันมียอดสั่งซื้อเข้ามาเยอะ และฉันขนไปคนเดียวไม่ไหว ถ้าจะให้ฉันขับรถยนต์ไปส่งเอง น้าเฉินคุน คงตกใจตาย ฉันเป็นแค่ผู้หญิงบอบบางจะให้ขับรถและขนของไปส่งคนเดียวก็ไม่ใช่เรื่อง พี่ ๆ ว่าจริงไหม” ห่าวอู๋เมื่อได้ฟังที่ซินซินน้องสาวคนนี้พูดว่าบอบบางก็ได้แต่กรอกตามองบนหากเป็นเมื่อก่อน เขาคงจะเชื่อว่าน้องสาวเขาบอบบาง เขาเริ่มจะรับได้กับนิสัยแปลกประหลาดของซินซินแล้ว ส่วนซีห่าวเขาได้แต่ยกยิ้มมุมปาก “แล้วซินซินน้องเอาของพวกนั้นมาจากที่ไหนไปขาย บ้านเราไม่เห็นมีของที่จะขายเลย” ห่าวอู๋ถามออกไปเพราะเขาไม่เห็นจะมีสิ่งของที่น้องสาวเขาพูดถึง “ฉันไว้ใจทุกคนนะ ถึงแม้ว่าเรื่องที่ทุกคนจะรู้จะเห็นต่อไปนี้ จะเป็นอันตรายอย่างมากสำหรับตัวฉันเอง สำหรับฉันทุกคนคือครอบครัวค่ะ ทุกคนคะ มายืนใกล้ ๆ กันแล้วจับมือกันไว้ ลี่มี่มาหาน้าซินซินค่ะ หลับตาไว้นะ” “เฮ้ย!” ห่าวอู๋กับห่าวหรวนร้องออกมาอย่างตกใจ ลี่มี่ตัวน้อยนั้นพอเห็นสถานที่แปลกตาก็ตบมือชอบใจ ส่วนซีห่าวได้แต่ยืนตะลึง “ที่นี่คือที่ไหนซินซิน เมื่อกี้เรายังอยู่กันในบ้านไม่ใช่เหรอ” “ที่นี่คือมิติที่คุณตาคนนั้นให้ฉันมา และที่เรายืนอยู่ตอนนี้คือที่พักส่วนตัวฉันอยู่ชั้นบนสุดของร้านอาหารค่ะพี่” เย่วซินได้ตอบในสิ่งที่ห่าวอู๋ถาม “ห่าวหรวน น้องอยู่กับลี่มี่ที่นี่ก่อนนะ พี่จะพาพี่ห่าวอู๋กับพี่ซีห่าวไปดูสินค้าก่อน เดี๋ยวพี่เปิดทีวีให้ดู” เย่วซินเธอเปิดซีดีการ์ตูนให้เด็กทั้งสองคนดู จากนั้นก็พาชายหนุ่มทั้งสองคนลงไปดูข้างล่างซึ่งเป็นโกดังและสถานที่ที่เธอเก็บของเป็นหมวดหมู่ไว้ “มาค่ะฉันจะสอนวิธีการใช้ลิฟต์นะคะ” “กล่องสี่เหลี่ยมนี่เหรอซินซิน” ห่าวอู๋ถามเมื่อเห็นกล่องสี่เหลี่ยมที่ซินซินเรียกว่าลิฟต์ “ใช่ค่ะพี่ใหญ่ สิ่งนี้เรียกว่าลิฟต์ใช้ขึ้นลงระหว่างชั้นโดยที่ไม่ต้องเดินขึ้นบันไดให้เมื่อยอย่างไรล่ะคะ เดี๋ยวในอนาคตที่ประเทศเราก็จะมีตึกสูง ๆ ตึกส่วนมากก็จะมีลิฟต์แทบทุกตึกค่ะ” จากนั้นเธอพาทั้งสองคนลงมายังชั้นล่าง จริง ๆ แล้วร้านอาหารเธอไม่ได้สูงมาก สูงแค่สี่ชั้นเท่านั้นเธออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่ร้านอาหารและเพื่อความสะดวกของเธอเองด้วย เมื่อลงมาเห็นข้างล่างที่เป็นร้านอาหารตลอดจนทางเดินมาถึงด้านหลังที่เย่วซินได้จัดเรียงสินค้าตามหมวดหมู่ ห่าวอู๋คิดว่าของที่เขาเห็นหมดนี้ชาตินี้จะใช้หมดไหม ซินซินน้องสาวเขาเอาเงินจากที่ไหนซื้อเตรียมไว้มากขนาดนี้ ไม่ได้การละเรื่องนี้เขาจะต้องปกป้องเธอให้ถึงที่สุด หากคนอื่นรู้น้องสาวของเขาจะต้องเป็นอันตรายแน่นอน ถึงแม้ว่าเขาอาจจะยังไม่แก่งเท่าเธอในตอนนี้ แต่เขาจะต้องสนับสนุนทุกอย่างที่น้องสาวของเขาต้องการ ด้านซีห่าวนั้นเขาไม่ได้ตกใจ หรือตื่นตะลึงกับภาพตรงหน้าเท่าไร แต่สิ่งที่เขาคิดอยู่ตอนนี้คือตัวเขาไม่มีส่วนไหนที่คู่ควรกับเด็กสาวตรงหน้าเขาเลย เธอมีทุกอย่าง เขายอมรับว่าเขาเริ่มที่จะชอบเธอเพราะนิสัยใจคอที่ตรงไปตรงมาและการที่เธอแสดงออกมาว่าไม่ได้รังเกียจเขากับลูก แต่เมื่อเขายิ่งรับรู้ในสิ่งที่เธอมี เขารู้สึกว่าไกลเกินเอื้อม แต่เขาก็ต้องปกป้องเธอหากว่ามีใครรู้ว่าเธอมีของเหล่านี้ ไหนจะมิติที่เป็นของวิเศษนี่อีก “มาค่ะ เดี๋ยวฉันจะพาไปดูรถที่จะต้องใช้ในการส่งของนะ เพราะวันอาทิตย์นี้ฉันต้องไปส่งของให้น้าเฉินคุนค่ะ และพี่ใหญ่ก็ต้องหัดขับรถไว้ด้วยนะคะ” จากนั้นเธอพาทั้งสองเดินอ้อมมาทางหลังโรงงานที่ผลิตเครื่องสำอาง และเมื่อทั้งสองคนเห็นรถที่จอดเรียงรายกันอยู่ได้แต่ยืนตะลึงกันทั้งคู่ ไม่เว้นแม้แต่ซีห่าวเองก็ยังเก็บอาการไม่อยู่ “ซินซิน นี่คือรถของน้องหมดเลยเหรอ มีทั้งรถยนต์จอดเรียงรายหลายสิบคันยังไม่รวมรถที่จอดอยู่ในตู้กระจกนั่นอีก รถมอเตอร์ไซค์รถจักรยาน นี่น้องจะขายทุกอย่างเลยเหรอ” “ใช่ค่ะพี่ ถ้าอะไรขายได้ฉันก็ขายหมด” “เย่วซิน นี่เธอ...” ซีห่าวพูดไม่ทันจบประโยค เย่วซินก็ขัดขึ้นว่า “เรียกซินซินค่ะ เหมือนกับคนในครอบครัวเรียกฉัน” “ถ้าอย่างนั้น ซินซินก็แทนตัวเองว่าน้องด้วยละกันใช่ไหมห่าวอู๋” ซีห่าวบอกความต้องการออกไป พร้อมหันไปถามห่าวอู๋ “นี่พี่เริ่มใจอ่อนแล้วใช่ไหม หลงเสน่ห์ฉันแล้วล่ะสิ อิอิ” “ประทานโทษครับทั้งสองคน เห็นผมยืนหัวโด่อยู่ไหม แหมพี่ซีห่าว ไอ้ตอนไม่สนใจก็นิ่งเสีย พอตอนนี้ล่ะ หึ ไม่อยากจะพูด” ห่าวอู๋พูดพร้อมกับสะบัดหน้าใส่ทั้งสองคนแล้วเดินจากไปดูรถทันที ทำให้ได้ยินเสียงหัวเราะของทั้งสองคนไล่ตามหลังมา เย่วซินนั้นตอนนี้ได้แต่ยืนตะลึงให้กับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่เธอเพิ่งจะเคยเห็นครั้งแรก ทำให้ใจเธอเต้นระรัวไปหมด “พี่ซีห่าวคะ พี่ยิ้มอย่างนี้บ่อย ๆ นะ ฉันชอบ” เธอทำปากส่งจุ๊บทันทีที่พูดเสร็จเธอก็เดินตามพี่ห่าวอู๋ของเธอไป ซีห่าวนั้นเมื่อได้ยินเย่วซินพูดเขาก็เกาท้ายทอยด้วยความเขิน พื้นที่ในมิตินี้ มันครอบคลุมทั้งหมดของพื้นที่ที่เธอทำธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจโรงงานเครื่องสำอาง เธอได้พื้นที่มาทั้งหมดที่เธอมีอยู่ ด้านหน้ามีตึกสี่ชั้นสองตึก ด้านหลังเป็นโรงงานและโกดังเก็บของยังไม่รวมลานจอดรถ แล้วยังมีพื้นที่ว่าง จึงทำให้ของที่เธอซื้อมาทั้งหมดวางไว้ได้เต็มพื้นที่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม