หลายวันต่อมา...
บ้านลิเคียว
วันนี้เป็นวันที่เราจะไปเชียงใหม่กันโดยการนั่งเครื่องบินและกระทิงจะมารับฉันไปเจอเพื่อนที่สนามบินเลย
ปิ๊ดๆ
น่าจะมาแล้วมั้ง? ฉันหยิบกระเป๋าและเดินออกไปหากระทิง อ๋อ ส่วนพ่อแม่ฉันพานักมวยไปแข่งที่ภูเก็ตไม่อยู่หรอก
“มอนิ่ง~” พอเปิดประตูมานั่งก็ทักทายกระทิงนิดหน่อย
“อืม ไม่ลืมอะไรนะ?”
“ไม่ลืมๆ รีบไปเถอะป่านนี้บ่นกันแล้วมั้ง” เพราะตอนนี้ใกล้เวลาแล้วด้วยแต่ว่าเราพึ่งจะออกจากบ้าน
Rrrวุ้น
“เพื่อนโทรตามแล้ว....ฮัลโหล” ฉันบอกกระทิงก่อนกดรับสายของวุ้น
“พวกมึงอยู่ไหนแล้วคะ?” เสียงแว้กๆของมันทะลุมา
“นี่ จะถึงแล้ว” ฉันบอกทั้งๆที่เราพึ่งออกบ้านขอโทรที่โกหก
“เออ รีบๆเลย”
“เหยียบเลยนาย”
บรื้นนนน
พอฉันบอกแบบนั้นกระทิงก็เพิ่มความเร็วของรถขึ้นอีก มันโคตรเร็วแต่ฉันไม่กลัวหรอกออกจะชอบซะมากกว่าเพราะฉันมันชอบความเร็วอยู่แล้วแค่นี้ จิ๊บๆ
สนามบิน BKK
และแล้วเราก็มาถึงสนามบินทันเวลาโดยเพื่อนของเรากำลังยืนอยู่บูดอยู่หน้าเกรดทางเข้าเครื่องบิน
“พวกมึงช้ามากกกกค่ะ” เสียงนี้เป็นเมลเจ้าเก่าไม่รู้มันจะบ่นอะไรนักหนาประมาณว่าแม่คนที่ 2 ของพวกฉัน
“ก็มาทันไหม?”
“งั้นเราไปกันเถอะ” โอโซนบอกและจูงมือแก้วใสเดินเข้าไปด้านใน
“หวานเกิ๊นกูเลี่ยนนนน” วุ้นบ่นและเดินตามกันเข้าไป
เชียงใหม่
พวกเราใช้เวลาในการนั่งเครื่องบินประมาณ 2 ชั่วโมงก็มาถึงที่หมายและต่อรถด้วยรถที่ทางบ้านชินจัดเตรียมไว้ให้เรามาถึงที่พักซึ่งเป็นรีสอร์ทของครอบครัวชิน
“ใครนอนกะใคร?” ชินถามพร้อมถือกุญแจในมือ
“กูนอนกับแก้วใส” โอโซนพูดแล้วหยิบกุญแจออกมาจากชิน ส่วนแก้วใสยืนหน้าแดงอยู่
“นี่มึงสองคน...” ไผ่พูดแล้วทำสายตาแซวๆ
“งั้นกูนอนกับลิเคียว ป่ะ!!” หมับ กระทิงพูดและหยิบกุญแจมาจากชินอีกคน และจูงมือฉันมาที่ห้องพัก ฉันไม่ได้เตรียมตัวว่าเราจะนอนด้วยกันเลยนะ เกร็งอ่ะ
“นายแน่ใจนะว่าจะนอนกับฉัน?” ฉันถามเพื่อความแน่ใจ
“เออ มึงแฟนกู แหนก็ต้องนอนด้วยดิหรือมึงไม่อยากนอน?” เลิกคิ้วถาม
“อยากๆๆฉันอยากนอนกับนาย”
“หะ อยากนอน?”
“ไม่ๆ หมายถึงนอนอ่ะ นอนเฉยๆ” ฉันล้นลานตอบ
“กูยังไม่ได้บอกเลยว่านอนทำอะไร..หึ”
“นายแกล้งฉันอ่า~” ฉันตีเบาๆไปที่ไหล่ของเขา ก่อนที่เราจะแยกย้ายไปจัดการกับข้าวของ ของตัวเองเราใช้เวลาในการจัดกันไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย
“กระทิง..หิว” ตั้งแต่มาถึงที่นี่ยังไม่ได้กินอะไรเลย กินขนมบนเครื่องไปนิดหน่อยเอง
“งั้นก็ไปหาอะไรกินกัน”
เราเดินลงมาที่ห้องอาหารที่มีอาหารมากมายให้เลือกกินและก็มีพวกเพื่อนๆเราที่มาก่อนหน้าแล้ว
“มาๆแดกข้าวไอ้กระทิง” ไผ่กวักมือเรียก
“เออ รู้แล้วก็ลงมาแดกข้าวนี่แหละไม่ได้มานอน”
“มึงกวนตีนอ่า~” ไผ่ดิ้นงอแงจนพวกเราขำออกมา
“ปัญญาอ่อนฉิบหายอย่าบอกใครนะว่าเป็นเพื่อนกู” กระทิงอย่างขำๆใส่ไผ่
“แงง ไอ้คนนี้เพื่อนผมครับบบบบบ” ไผ่ตะโกนชี้มาที่กระทิงที่ตอนนี้หน้าเหวอไปแล้ว ฮ่าๆ
“หุบปากไอ้สัส ลูกค้ากูหายหมดแล้ว” ป้าบ! ชินด่าและตบหัวไผ่ไปทีนึง
“พวกแกล้งกูลิเคียวช่วยไผด้วยยยย~” เขามากอดแขนฉันและเอาหน้ามาถูๆฉันทำอะไรไม่ถูกแล้วนะ
“ปล่อยเมียกูไอ้สัส” กระทิงมาดึงออกไป
“โอ๊ยยย เจ็บ แต่แหมเรียกเมียได้กันแล้วเหรอ?” ไผ่ถามอะไรออกมาเนี่ย-///-
“เสือกสัสๆเลยมึงเนี่ยยยย” ฉันที่มองพวกเขาตีกันอยู่ก็เดินไปหาอะไรกินก่อนเพราะหิวมากจริงๆ
“กินไรดีว้า?” ฉันยืนเลือก
“ผมแนะนำให้ไหมครับ?” จู่ๆก็มีผู้ชายเดินเข้ามมาหาฉันและบอกจะแนะนำอาหารให้
“เอ่อ มะไม่เป็นไรค่ะ” ฉันตอบปฏิเสธไปและพยายามเดินเลี่ยงออกมาแต่เขาก็ตามฉันอยู่นั่นแหละ
“ผมเป็นผู้จัดการที่นี่ถ้ามีอะไรสงสัยถามได้เลยนะครับ” แต่เพื่อนฉันเป็นเจ้าของนะ
“มะ...”
“เป็นแค่ผู้จัดการแต่เสือกมาหน้าหม้อใส่ลูกค้า เพื่อนกูเป็นเจ้าของกูยังไม่พูดเลย” กระทิงที่มาตอนไหนไม่รู้ตอบแทนฉันออกไป แต่จะเรียกว่าก็ไม่ได้เรียกว่าด่าดีกว่า
“เอ่อ แล้วคุณเป็นใครครับ?” ผู้จัดการมองหน้าถามแต่มองแบบนี้เป็นฉันต่อยร่วงไปแล้ว
“ผัวยัยนี่มึงคล่องอะไรไหม?” กระทิงถามอย่างหาเรื่อง
“หะ?”
“พอเถอะ กระทิงฉันหิวแล้วไปหาอะไรกินกันนะๆ” ฉันพยายามดึงแขนกระทิงแต่ตัวเขาไม่ขยับเลย
“ไอ้ชิน!!!!” นอกจากไม่สนใจยังไปเรียกคนอื่นอีก
“อะไรว่ะ?” ชินที่ได้ยินเพื่อนเรียกก็เดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
“บอกผู้จัดการของมึงซะว่าอย่ามายุ่งกับผู้หญิงของกูถ้าไม่อยากตกงาน” กระทิงพูดและมองหน้าผู้จัดการไม่หยุด
“เห้อ คุณจิมครับกรุณาหยุดพฤติกรรมแบบนี้สักทีนะครับ” นี่คงไม่ใช้ครั้งแรกสินะ
“ขะขอโทษครับ” คุณผู้จัดการจิมก้มคนขอโทษ
“ครับ ครั้งผมจะปล่อยไปแต่ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้อีกผมต้องให้คุณออก” ชินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่เคยเจอหมวดนี้ของชินเลยแหะ
“คะครับ ขอโทษทุกคนด้วยนะครับ”
“เอ่อ ไม่เป็นระ..”
“เป็น!!! อย่าโพล่งหน้ามึงมาอีกนะ” กระทิงบอกและกระชากฉันออกมา
“เจ็บเบาๆ” เพราะเขาดึงฉันจนเจ็บข้อมือหมดแล้ว
“ขอโทษจะกินอะไร?”
“อืมมม..อันนั้น” ฉันชี้ไปที่ร้านๆนึงและกระทิงก็พาไปซื้อข้าวซื้อน้ำทั้งของฉันและของเขาด้วย
เรามานั่งที่โต๊ะที่ตอนนี้คนอื่นกินอิ่มและออกไปเดินย่อยแล้ว เหลือแค่ฉันกับกระทิงแต่..มันมีเรื่องติดใจอยู่นิดหน่อยไอ้คำว่า...
“ผู้หญิงของกู..”
“นี่..” ฉันเรียกเขาเบาๆ
“อะไร?”
“เมื่อกี้นี้ขอบใจนะที่...”
“ไม่เป็นไรเพราะมึงอยู่ในสถานะแฟนของกู” เขามองหน้าฉันและพูดมันทำให้ใจฉันเต้นโคตรแรงเลย
“อ๋อออ หึงอ่ะดิ?” ฉันแกล้งถามไม่รู้ว่าเอาความกล้าแบบนี้มาจากไหน??
“ไม่ได้หึง... แต่การที่มึงเป็นแฟนกูและมีคนอื่นยุ่งกับมึงกูไม่ชอบเพราะฉะนั้นอย่าทำ และถ้ากูเห็นว่ามึงอยู่กับผู้ชายคนอื่นมึงเจ็บ...”
“เอ่อ...” ไปไม่ถูเลยแหะ
“ฉะนั้นจะทำอะไรก็ไว้หน้ากูด้วยคนอื่นเขาจะว่าเอาว่าเลี้ยงแฟนตัวเองไม่ดี” เจ็บว่ะ
“อะอืมเข้าใจแล้ว..”
“และอย่าหลงตังเองว่ากูหึงมึงมันไร้สาระ” เขาจ้องหน้าฉันอย่างกดดัน
“เข้าใจแล้ว..งั้นนายก็อย่าไปยุ่งกับคนอื่นเหมือนกันเพราะฉันไม่ชอบ ไม่ได้หึงนะ แต่ไว้น่ากันด้วย โดยเฉพาะยัยข้าวสวยนั่น”
“จะพูดถึงเพื่อ?”
“ไม่รู้โว้ย! ไปหาเพื่อนๆกันเถอะ” ฉันจับมือเขาทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่อยากให้บรรยากาศมันเสียไปมากกว่านี้... แค่คิดไปเองก็โคตรเจ็บแล้ว
ฉัน..ทำไมต้องถามอะไรแบบนั้นไปด้วยนะ? ต้องการคำตอบแบบไหนกัน... ? ต้องไม่เป็นคำตอบที่ฉันต้องเจ็บสิ แต่นี้มันโคตรเจ็บเลย...
เจ็บก็ตรงที่เผลอใจไปรักเธอ...
“ทีหลังอย่าคิดไปเองอีก...” เขาบอกฉันและเดินนำไป