สวัสดีค่ะทุกคน ก่อนอื่นฉันขอแนะนำตัวเองก่อนนะคะ ฉันมีชื่อเล่นว่า "ลลิล" ที่แปลว่า พระจันทร์,ความน่ารัก ส่วนชื่อจริงจริงของฉันคือ ลลิลทิพย์ ไตรวิชญ์กุล
ฉันเป็นคนเชียงรายที่บ้านของฉันทำไร่องุ่นกับไร่ส้ม เนื้อที่ก็ไม่มากเท่าไรก็แค่เกือบเกือบเก้าพันไร่เห็นจะได้และฉันก็ย้ายเข้ามาเรียนที่กรุงเทพตั้งแต่ม.ปลาย จนตอนนี้เรียนอยู่มหาลัยปีสามแล้วค่ะ
ฉันเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวโยธา ที่มหาลัยL อยากจะบอกเหลือเกินว่าสาขานี้มีแต่ผู้ชาย และฉันเองก็มีเพื่อนสนิทที่เป็นผู้ชายถึงสี่คนด้วยกัน
ซึ่งคนแรกชื่อ อัลฟ่า ไอ้นี่นิสัยชอบเอาแต่ใจและไม่ยอมใคร
คนที่สองชื่อ ภูผา นิสัยก็จะแบดแบดหน่อยแต่เรื่องปากหมานี่ยืนหนึ่งตัวตึงของกลุ่มเลยค่ะ
คนที่สามชื่อ เซน ไอ้คนนี้นิสัยมันกะล่อนแถมยังเจ้าชู้ตัวพ่ออีก
ส่วนคนที่สี่ชื่อ กองทัพ คนนี้ก็จะนิ่งๆหยิ่งๆหน่อย แต่ไม่รู้ทำไมหัวใจของฉันถึงหวั่นไหวกับคนแบบนี้ได้ก็ไม่รู้
"ไงพวกมึง วันนี้อาจารย์เลื่อนคลาสเหรอวะ"
จู่ๆ ก็มีเสียงใครบางคนดังขึ้นมา ซึ่งฉันจำเสียงมันได้ดี แล้วพอเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นไอ้เซนมันเดินมาถึงโต๊ะที่พวกฉันนั่งอยู่ ก่อนจะหย่อนตูดมันนั่งลงข้างๆอัลฟ่า
"เอ่อดิ แม่งกูไม่น่ารีบมาเลย สัส"
อัลฟ่าพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด คือที่มันพูดแบบนั้นก็เพราะวันนี้พวกเรามีเรียนกันตอนบ่ายโมง แต่อาจารย์พึ่งแจ้งเลื่อนคลาสไปเป็นบ่ายสองเพราะแกติดธุระ
"เห้ยพวกมึง คืนนี้ไปผับกูป่ะ รับรองมีแต่สวยๆเด็ดๆทั้งนั้นเลยเว้ย"
เซนพูดขึ้นอีกครั้งหลังจากสิ้นเสียงของอัลฟ่า ไอ้นี่ในสมองมันมีอยู่เรื่องเดียว คงไม่ต้องบอกหรอกเนอะว่าเรื่องอะไร
"ถ้าไม่เด็ดจริง มึงเจอตีนกูนะไอ้เซน" ภูผาที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์อยู่ก่อนหน้านี้เงยหน้าขึ้นมาพูดกับเซน ก่อนจะก้มลงไปเล่นโทรศัพท์ของมันต่อ
ไอ้บ้านี่ก็อีกคนเรื่องแบบนี้หละไวจริงจริ๊ง ฉันหละยอมใจ
ว่าแต่สวยๆเด็ดๆของมันนี่เป็นแบบไหนกันนะ แล้วของฉันหละไม่มีให้กระชุ่มกระชวยหัวใจบ้างเลยเหรอ ลองถามมันดูดีกว่า อิอิ พอคิดได้แบบนั้นฉันก็แกล้งถามมันออกไป
"มีผู้หล่อหล่อ กล้ามโตโต ให้ฉันบ้างป่ะ" ฉันส่งยิ้มหวานสไตล์ของฉันไปให้มันพร้อมกับตั้งใจรอฟังคำตอบ
"ถามแบบนี้ ปรึกษาว่าที่ผัวมึงก่อนมั้ยลิล" อ่าวไอ้นี่มาผัวบ้าผัวบออะไรของมันตรงนี้ แล้วทำไมมันต้องพยักพเยิดหน้าไปทางกองทัพด้วยวะ >0///<
"หึ"
ขวับ!! ฉันรีบหันไปมองที่มาของเสียงก่อนจะพบว่ากองทัพนั่งจ้องหน้าฉันอยู่
เอ่ออออ O///O
แล้วทำไมต้องจ้องขนาดนี้ด้วยเนี้ย ฉันรีบหันหน้าไปทางอื่นทันที ไอ้หัวใจบ้านี่ก็เต้นอยู่ได้ บ้าจริง
.
.
.
.
ตอนนี้ผมกำลังนั่งมองร่างบางที่กำลังพูดคุยด้วยเสียงเจื้อยแจ้วอยู่กับพวกไอ้เซน คือผมเริ่มมองเธอตั้งแต่ที่เธอพูดประโยคเมื่อกี้ออกมา เป็นสาวเป็นนางทำไมต้องถามถึงผู้ชายด้วยวะ
และตอนนี้เธอก็เหมือนจะรู้ว่าผมกำลังจ้องเธออยู่ เพราะเมื่อกี้เธอหันมามองทางผม ก่อนจะรีบหันหน้าไปทางอื่น ไอ้อาการประหม่าแบบนี้ผมดูไม่ออกเลย (ประชด) และก่อนที่ใครจะได้พูดอะไรเสียงไอ้เซนก็ดังขึ้นอีกครั้ง
"เอาที่มึงสบายใจเลยครับคนสวย แล้วสรุปยังไงจะไปป่ะ นี่กูคัดแบบสวยๆเด็ดๆมาให้พวกมึงจริงๆนะเว้ย"
"ไป/ไปดิ/กูไป/อืม" พวกผมตอบไอ้เซนไปพร้อมกัน
"ว่าแต่จะสวยแค่ไหนกันวะ เพราะสวยกว่าดารากูก็ฟันมาแล้วเหอะ"
"ฟันแล้วทิ้งว่างั้น สันดานมึงนี่ไม่เคยเปลี่ยนเลย"
ไอ้ผาที่ก้มหน้าก้มตาเล่นแต่โทรศัพท์อยู่เงยหน้าขึ้นมาพูดอีกครั้ง ก่อนที่ลลิลจะพูดอีกประโยคตาม แล้วเธอจะไปยุ่งกับมันทำไม
"มึงอยากโดนกูฟันป่ะ เดี๋ยวจัดให้ จะเอาท่าไหนบอกภูผาคนนี้มาเลย"
สัสผา คนนี้ของกูโว้ยยย ผมได้แต่ตะโกนอยู่ในใจ เพราะจะให้ผมพูดออกไปตรงๆมันก็คงจะไม่ได้ ในเมื่อผมกับลลิลเราเป็นแค่เพื่อนกัน เพื่อนที่ผมพยายามรักษาระยะห่างมาตลอด
"ไอ้หน้าผา กูเพื่อนมึงป่ะ เชี่ย"
"เอ้า กูก็นึกว่ามึงอยากจะลองเปลี่ยนสถานะจากเพื่อนมาเป็นเมียกูซะอีก แล้วกูก็ชื่อ ภูผา ครับ เมียของเพื่อน"
ไอ้นี่กวนตีนอีกละ ผมรู้หรอกนะว่ามันกำลังแกล้งผมอยู่ คือทุกคนในกลุ่มต่างก็รู้แหละครับว่าผมกับลลิลต่างก็มีใจให้กัน เพียงแค่เราสองคนนั้นมีคำว่า เพื่อน คั่นอยู่ตรงกลาง
"บ้านป้ามึงดิ ไอ้หน้าผา"
"โอ๊ย! เจ็บนะโว้ย มึงฟาดมาได้ แขนกูแดงหมดแล้ว”
ผมได้แต่นั่งมองเพื่อนสองคนทะเลาะกัน นี่ก็ไม่เข้าใจโตจนหมาเลียตูดไม่ถึงอยู่ละ ยังชอบทะเลาะกันเป็นเด็ก
เพี๊ยะ!! เพี๊ยะ!!
“นี่แหนะ นี่แหนะ นี่แหนะ จะฟาดให้แขนหักเลย” ลลิลที่หยิบหนังสือขึ้นมาฟาดใส่ไอ้ผา ก็ยังฟาดไม่ยอมหยุด
“ยัยลิล ถ้ายังไม่หยุดเดี๋ยวกูจับกดลงโต๊ะนะ"
“กล้าก็ลองดิ” ก่อนที่ไอ้ผามันจะทำอย่างที่มันพูดจริงๆ ผมก็ใช้เท้าผมถีบไปที่โต๊ะจนเกิดเสียงดัง จนทำให้ทุกคนต่างหันมามองผมเป็นตาเดียว
"โทษที ส้นตีนกูกระตุก" ผมพูดออกไปแค่นั้นพร้อมกับจ้องมองเพื่อนทั้งสองคนที่เอาแต่ทะเลาะกันก่อนหน้านี้ แล้วดูหน้าของแต่ละคนสิ หึ
O_O ลลิล
O///O อัลฟ่า
O_O เซน
:) ภูผา
หลังจากนั้นพวกมันก็ไม่มีใครพูดอะไรกันอีกเลย เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์กัน ส่วนลลิลก็นั่งยิ้มให้กับหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองอยู่เช่นกัน มันมีอะไรนักหนาวะ เห็นแล้วก็หงุดหงิดชิบ
และไม่นานพวกเราก็พากันขึ้นเรียนตามเวลาที่อาจารย์นัด พอเรียนเสร็จพวกเราก็แยกย้ายกันกลับ แต่ก่อนที่ผมจะเดินไปที่รถผมก็หันไปพูดกับลลิลก่อน
"ลิล คืนนี้เดี๋ยวฉับไปรับนะ พอดีจะไปทำธุระแถวคอนโดเธอพอดี"
ผมเอ่ยบอกร่างบางออกไป คือความจริงก็ไม่ได้ไปทำธุระอะไรหรอกครับ แค่อยากไปรับเธอในฐานะ เพื่อนรัก ก็แค่นั้นเอง
"อืม ดีเหมือนกันฉันขี้เกียจขับรถอยู่พอดี งั้นเจอกันคืนนี้นะ"
พูดจบเธอก็เดินไปที่รถของเธอก่อนจะขับรถออกไป กับผมเธอไม่เคยขึ้นไอ้ขึ้นมึงเลย ส่วนมากเธอจะแทนตัวเองว่าฉัน แล้วเรียกผมว่านายมากกว่า
จะว่าไปตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาผมก็พยายามรักษาระยะห่างของเราสองคนเอาไว้นะ เพราะผมรู้ว่าเธอคิดยังไงและผมรู้สึกยังไง ซึ่งผมคิดว่ามันน่าจะดีกับเราทั้งสองคน
แต่ไม่รู้ทำไมเวลาที่ผมเห็นเธอยิ้มหรือพูดคุยกับผู้ชายคนไหนที่ไม่ใช่ผม ผมกลับรู้สึกหงุดหงิดและไม่ชอบใจเอามากๆเลย หรือว่าผมควรจะทำตามหัวใจของตัวเองซะที