Start

1415 คำ
สวัสดีค่ะทุกคน ก่อนอื่นฉันขอแนะนำตัวเองก่อนนะคะ ฉันมีชื่อเล่นว่า "ลลิล" ที่แปลว่า พระจันทร์,ความน่ารัก ส่วนชื่อจริงจริงของฉันคือ ลลิลทิพย์ ไตรวิชญ์กุล ฉันเป็นคนเชียงรายที่บ้านของฉันทำไร่องุ่นกับไร่ส้ม เนื้อที่ก็ไม่มากเท่าไรก็แค่เกือบเกือบเก้าพันไร่เห็นจะได้และฉันก็ย้ายเข้ามาเรียนที่กรุงเทพตั้งแต่ม.ปลาย จนตอนนี้เรียนอยู่มหาลัยปีสามแล้วค่ะ ฉันเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวโยธา ที่มหาลัยL อยากจะบอกเหลือเกินว่าสาขานี้มีแต่ผู้ชาย และฉันเองก็มีเพื่อนสนิทที่เป็นผู้ชายถึงสี่คนด้วยกัน ซึ่งคนแรกชื่อ อัลฟ่า ไอ้นี่นิสัยชอบเอาแต่ใจและไม่ยอมใคร คนที่สองชื่อ ภูผา นิสัยก็จะแบดแบดหน่อยแต่เรื่องปากหมานี่ยืนหนึ่งตัวตึงของกลุ่มเลยค่ะ คนที่สามชื่อ เซน ไอ้คนนี้นิสัยมันกะล่อนแถมยังเจ้าชู้ตัวพ่ออีก ส่วนคนที่สี่ชื่อ กองทัพ คนนี้ก็จะนิ่งๆหยิ่งๆหน่อย แต่ไม่รู้ทำไมหัวใจของฉันถึงหวั่นไหวกับคนแบบนี้ได้ก็ไม่รู้ "ไงพวกมึง วันนี้อาจารย์เลื่อนคลาสเหรอวะ" จู่ๆ ก็มีเสียงใครบางคนดังขึ้นมา ซึ่งฉันจำเสียงมันได้ดี แล้วพอเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นไอ้เซนมันเดินมาถึงโต๊ะที่พวกฉันนั่งอยู่ ก่อนจะหย่อนตูดมันนั่งลงข้างๆอัลฟ่า "เอ่อดิ แม่งกูไม่น่ารีบมาเลย สัส" อัลฟ่าพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด คือที่มันพูดแบบนั้นก็เพราะวันนี้พวกเรามีเรียนกันตอนบ่ายโมง แต่อาจารย์พึ่งแจ้งเลื่อนคลาสไปเป็นบ่ายสองเพราะแกติดธุระ "เห้ยพวกมึง คืนนี้ไปผับกูป่ะ รับรองมีแต่สวยๆเด็ดๆทั้งนั้นเลยเว้ย" เซนพูดขึ้นอีกครั้งหลังจากสิ้นเสียงของอัลฟ่า ไอ้นี่ในสมองมันมีอยู่เรื่องเดียว คงไม่ต้องบอกหรอกเนอะว่าเรื่องอะไร "ถ้าไม่เด็ดจริง มึงเจอตีนกูนะไอ้เซน" ภูผาที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์อยู่ก่อนหน้านี้เงยหน้าขึ้นมาพูดกับเซน ก่อนจะก้มลงไปเล่นโทรศัพท์ของมันต่อ ไอ้บ้านี่ก็อีกคนเรื่องแบบนี้หละไวจริงจริ๊ง ฉันหละยอมใจ ว่าแต่สวยๆเด็ดๆของมันนี่เป็นแบบไหนกันนะ แล้วของฉันหละไม่มีให้กระชุ่มกระชวยหัวใจบ้างเลยเหรอ ลองถามมันดูดีกว่า อิอิ พอคิดได้แบบนั้นฉันก็แกล้งถามมันออกไป "มีผู้หล่อหล่อ กล้ามโตโต ให้ฉันบ้างป่ะ" ฉันส่งยิ้มหวานสไตล์ของฉันไปให้มันพร้อมกับตั้งใจรอฟังคำตอบ "ถามแบบนี้ ปรึกษาว่าที่ผัวมึงก่อนมั้ยลิล" อ่าวไอ้นี่มาผัวบ้าผัวบออะไรของมันตรงนี้ แล้วทำไมมันต้องพยักพเยิดหน้าไปทางกองทัพด้วยวะ >0///< "หึ" ขวับ!! ฉันรีบหันไปมองที่มาของเสียงก่อนจะพบว่ากองทัพนั่งจ้องหน้าฉันอยู่ เอ่ออออ O///O แล้วทำไมต้องจ้องขนาดนี้ด้วยเนี้ย ฉันรีบหันหน้าไปทางอื่นทันที ไอ้หัวใจบ้านี่ก็เต้นอยู่ได้ บ้าจริง . . . . ตอนนี้ผมกำลังนั่งมองร่างบางที่กำลังพูดคุยด้วยเสียงเจื้อยแจ้วอยู่กับพวกไอ้เซน คือผมเริ่มมองเธอตั้งแต่ที่เธอพูดประโยคเมื่อกี้ออกมา เป็นสาวเป็นนางทำไมต้องถามถึงผู้ชายด้วยวะ และตอนนี้เธอก็เหมือนจะรู้ว่าผมกำลังจ้องเธออยู่ เพราะเมื่อกี้เธอหันมามองทางผม ก่อนจะรีบหันหน้าไปทางอื่น ไอ้อาการประหม่าแบบนี้ผมดูไม่ออกเลย (ประชด) และก่อนที่ใครจะได้พูดอะไรเสียงไอ้เซนก็ดังขึ้นอีกครั้ง "เอาที่มึงสบายใจเลยครับคนสวย แล้วสรุปยังไงจะไปป่ะ นี่กูคัดแบบสวยๆเด็ดๆมาให้พวกมึงจริงๆนะเว้ย" "ไป/ไปดิ/กูไป/อืม" พวกผมตอบไอ้เซนไปพร้อมกัน "ว่าแต่จะสวยแค่ไหนกันวะ เพราะสวยกว่าดารากูก็ฟันมาแล้วเหอะ" "ฟันแล้วทิ้งว่างั้น สันดานมึงนี่ไม่เคยเปลี่ยนเลย" ไอ้ผาที่ก้มหน้าก้มตาเล่นแต่โทรศัพท์อยู่เงยหน้าขึ้นมาพูดอีกครั้ง ก่อนที่ลลิลจะพูดอีกประโยคตาม แล้วเธอจะไปยุ่งกับมันทำไม "มึงอยากโดนกูฟันป่ะ เดี๋ยวจัดให้ จะเอาท่าไหนบอกภูผาคนนี้มาเลย" สัสผา คนนี้ของกูโว้ยยย ผมได้แต่ตะโกนอยู่ในใจ เพราะจะให้ผมพูดออกไปตรงๆมันก็คงจะไม่ได้ ในเมื่อผมกับลลิลเราเป็นแค่เพื่อนกัน เพื่อนที่ผมพยายามรักษาระยะห่างมาตลอด "ไอ้หน้าผา กูเพื่อนมึงป่ะ เชี่ย" "เอ้า กูก็นึกว่ามึงอยากจะลองเปลี่ยนสถานะจากเพื่อนมาเป็นเมียกูซะอีก แล้วกูก็ชื่อ ภูผา ครับ เมียของเพื่อน" ไอ้นี่กวนตีนอีกละ ผมรู้หรอกนะว่ามันกำลังแกล้งผมอยู่ คือทุกคนในกลุ่มต่างก็รู้แหละครับว่าผมกับลลิลต่างก็มีใจให้กัน เพียงแค่เราสองคนนั้นมีคำว่า เพื่อน คั่นอยู่ตรงกลาง "บ้านป้ามึงดิ ไอ้หน้าผา" "โอ๊ย! เจ็บนะโว้ย มึงฟาดมาได้ แขนกูแดงหมดแล้ว” ผมได้แต่นั่งมองเพื่อนสองคนทะเลาะกัน นี่ก็ไม่เข้าใจโตจนหมาเลียตูดไม่ถึงอยู่ละ ยังชอบทะเลาะกันเป็นเด็ก เพี๊ยะ!! เพี๊ยะ!! “นี่แหนะ นี่แหนะ นี่แหนะ จะฟาดให้แขนหักเลย” ลลิลที่หยิบหนังสือขึ้นมาฟาดใส่ไอ้ผา ก็ยังฟาดไม่ยอมหยุด “ยัยลิล ถ้ายังไม่หยุดเดี๋ยวกูจับกดลงโต๊ะนะ" “กล้าก็ลองดิ” ก่อนที่ไอ้ผามันจะทำอย่างที่มันพูดจริงๆ ผมก็ใช้เท้าผมถีบไปที่โต๊ะจนเกิดเสียงดัง จนทำให้ทุกคนต่างหันมามองผมเป็นตาเดียว "โทษที ส้นตีนกูกระตุก" ผมพูดออกไปแค่นั้นพร้อมกับจ้องมองเพื่อนทั้งสองคนที่เอาแต่ทะเลาะกันก่อนหน้านี้ แล้วดูหน้าของแต่ละคนสิ หึ O_O ลลิล O///O อัลฟ่า O_O เซน :) ภูผา หลังจากนั้นพวกมันก็ไม่มีใครพูดอะไรกันอีกเลย เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์กัน ส่วนลลิลก็นั่งยิ้มให้กับหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองอยู่เช่นกัน มันมีอะไรนักหนาวะ เห็นแล้วก็หงุดหงิดชิบ และไม่นานพวกเราก็พากันขึ้นเรียนตามเวลาที่อาจารย์นัด พอเรียนเสร็จพวกเราก็แยกย้ายกันกลับ แต่ก่อนที่ผมจะเดินไปที่รถผมก็หันไปพูดกับลลิลก่อน "ลิล คืนนี้เดี๋ยวฉับไปรับนะ พอดีจะไปทำธุระแถวคอนโดเธอพอดี" ผมเอ่ยบอกร่างบางออกไป คือความจริงก็ไม่ได้ไปทำธุระอะไรหรอกครับ แค่อยากไปรับเธอในฐานะ เพื่อนรัก ก็แค่นั้นเอง "อืม ดีเหมือนกันฉันขี้เกียจขับรถอยู่พอดี งั้นเจอกันคืนนี้นะ" พูดจบเธอก็เดินไปที่รถของเธอก่อนจะขับรถออกไป กับผมเธอไม่เคยขึ้นไอ้ขึ้นมึงเลย ส่วนมากเธอจะแทนตัวเองว่าฉัน แล้วเรียกผมว่านายมากกว่า จะว่าไปตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาผมก็พยายามรักษาระยะห่างของเราสองคนเอาไว้นะ เพราะผมรู้ว่าเธอคิดยังไงและผมรู้สึกยังไง ซึ่งผมคิดว่ามันน่าจะดีกับเราทั้งสองคน แต่ไม่รู้ทำไมเวลาที่ผมเห็นเธอยิ้มหรือพูดคุยกับผู้ชายคนไหนที่ไม่ใช่ผม ผมกลับรู้สึกหงุดหงิดและไม่ชอบใจเอามากๆเลย หรือว่าผมควรจะทำตามหัวใจของตัวเองซะที
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม