บทที่ 11 แก้แค้น

2849 คำ
บทที่ 11 แก้แค้น "สรุปว่าพี่อิฐไปมีเรื่องกับใครมาคะ" ปิ่นเอ่ยถามขณะที่มือเล็กก็ค่อย ๆ ทำแผลให้กับอิฐแผ่วเบา หลังจากที่มาถึงคอนโดฯ หญิงสาวก็จัดเตรียมอุปกรณ์พยาบาลที่มีติดห้องมาทำแผลให้กับอิฐ ซึ่งแน่นอนว่าเธอสงสัยแผลนี้มาตั้งแต่ต้นแล้วว่าเขาต้องไปมีเรื่องกับใครมาเป็นแน่ แต่อิฐบอกเพียงว่า 'มีเรื่องกับหมา' แถมยังเฉไฉเปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องอื่นอีก "ก็บอกแล้วไงว่า..." "หมามันต่อยคนไม่ได้หรอกค่ะ" ปิ่นขมวดคิ้วยุ่งและเอ่ยแทรกออกไปเมื่อรู้ว่าเขาจะตอบคำเดิม "แต่ตัวนี้มันต่อยได้ไง" "โอเคค่ะ ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก" ปิ่นยอมแต่โดยดี เธอบรรจงและพยายามกดน้ำหนักมือให้เบาที่สุด กลัวว่าใบหน้าหล่อ ๆ ของเขาจะระคายเคืองหรือบวมช้ำมากกว่าเดิม ความเงียบเข้าปกคลุมไม่มีคำใดเอ่ยออกมาจากปากของสองคน อิฐเบือนสายตาไปอีกทาง แต่อยู่ ๆ ก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกที่ใบหน้าหวาน ๆ ของปิ่นกำลังขยับเคลื่อนเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกที "แล้วหน้าเธอล่ะ โดนตบมาเหมือนกันนี่" อิฐทำลายความเงียบเมื่อเห็นรอยแดงบนแก้มของเธอ เขาเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างชัดเจน เธอถูกตบจนร่างกายทรุดลงกับพื้น แถมยังถูกด่าเหยียดต่อหน้าลูกค้าภายในร้าน ซึ่งคนคนนั้นคือพี่สาวใจยักษ์ที่เคยวางยาทำให้เขาและเธอมีความสัมพันธ์ที่เกินเลยต่อกัน เขาไม่คิดเลยว่าเด็กสาวตัวเล็ก ๆ จะต้องมาพบเจอกับเรื่องเลวร้ายเช่นนี้... "คนนั้นคือพี่มะเหมี่ยวค่ะ สวยใช่ไหมล่ะ" ปิ่นตอบยิ้ม ๆ แต่สายตาก็ยังจดจ้องกับการทำแผลตรงหน้า "ไม่เห็นจะสวย นิสัยก็แย่" อิฐรีบส่ายหน้าหวือ แค่เห็นการกระทำชั่วช้าเหล่านั้นเขาก็แทบไม่อยากจะมองหน้าผู้หญิงคนนั้นแล้ว ต่อให้สวยระดับนางงาม แต่ถ้านิสัยเป็นแบบนั้นเขาก็เห็นว่าเป็นคนไร้ค่าคนหนึ่ง "ใคร ๆ ก็บอกว่าพี่สาวของปิ่นสองคน พี่มะเหมี่ยวแล้วก็พี่มัดหมี่สวยเหมือนนางฟ้า ส่วนลูกเมียน้อยอย่างปิ่นเหมือนลูกคนใช้ หน้าตาน่าเกลียด" "ถ้านางฟ้านิสัยเลวแบบนั้นก็อย่ามีมันเลยสวรรค์อะ ให้นางฟ้าสองตนนั้นไปคุมนรกเถอะแม่คุณ" อิฐค่อนขอดอย่างเปิดเผย ตากระตุกยิบ ๆ ว่าใครเขาช่างเปรียบเทียบกันนัก นางฟ้ากับลูกคนใช้งั้นเหรอ? เหอะ...ลูกคนใช้ที่เขาเห็นออกจะน่ารัก! สายตาคมเคลื่อนมองที่แววตาหวาน ดวงตากลมโตของเธอเปล่งประกาย ยิ่งอยู่บนใบหน้าหวาน ๆ ก็ยิ่งทำให้ผู้หญิงคนนี้สวยงามเข้าไปใหญ่ เขาล่ะอยากจะเห็นหน้าใครคนช่างเปรียบเทียบเสียจริงว่านางฟ้าที่ว่าน่ะคือนางฟ้าจอมปลอมที่ย้อมแมวมาจากขุมนรกหรือเปล่า "เสร็จแล้วค่ะ พรุ่งนี้ก็คงหล่อเหมือนเดิม" หญิงสาวเอ่ยขึ้นเมื่อจัดการทำแผลให้กับคนตัวโตเสร็จ เธอนั่งลงบนพื้นพรม จัดการเก็บข้าวของใส่กล่องอย่างเป็นระเบียบ โดยที่การกระทำเหล่านั้นอยู่ในสายตาของอิฐตลอด "แล้วเธอล่ะ ไม่ทายาสักหน่อยเหรอ" "ไม่ค่ะ ปิ่นหนังหนา โดนตบมาจนชินแล้ว" ปิ่นยิ้มพลางหัวเราะให้กับโชคชะตา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอโดนตบโดยฝีมือของผู้เป็นพี่ เรียกได้ว่านับไม่ถ้วนที่เธอเป็นคนรองมือรองเท้าให้กับคนในบ้านหลังนั้น "อยากแก้แค้นหรือเปล่า" "หืม แก้แค้นอะไรคะ" "ก็แก้แค้นกับคนที่ตบเธอไง" อิฐมองหญิงสาวอย่างเอาคำตอบ ลึก ๆ ก็หวังอยากให้เด็กคนนี้ตอบโต้กลับไปบ้าง ซึ่งตัวเขาเองนี่แหละที่จะจัดการให้เธอเอง "ไม่เอาหรอกค่ะ ปิ่นสู้พวกเขาไม่ได้หรอก ปิ่นอยากอยู่เงียบ ๆ ดีกว่า" "ก็ไม่ได้บอกว่าจะให้เธอสู้คนเดียวสักหน่อย ลืมไปแล้วหรือไงว่าฉันก็อยู่ทั้งคน" ประโยคนั้นทำเอาปิ่นถึงเงียบไปในทันที แววตาหวานกระตุกวูบ ก่อนที่เธอจะปรับให้มันเป็นปกติและเชยใบหน้าขึ้นมองเขาด้วยความรู้สึกบางอย่าง "ไม่ดีกว่าค่ะ แค่นี้ปิ่นก็รบกวนพี่อิฐมากแล้ว นี่ก็ไม่รู้ว่าจะตอบแทนยังไงแล้วค่ะ" "อยากจะตอบแทนอะไรนัก ที่ช่วยก็เพราะอยากช่วย ไม่ได้อยากให้ใครมาตอบแทน" อิฐขมวดคิ้วมองคนตัวเล็กด้วยสายตาดุ หากสนิทสนมกันมากกว่านี้เขาคงได้จับเธอมาตีสั่งสอน พูดถึงแต่คำว่าตอบแทน ทำเหมือนกับว่าตัวเขาช่วยเหลือเพราะหวังผลอะไรแบบนั้น "ก็ปิ่น..." "ฉันจะกลับแล้ว ล็อกห้องดี ๆ ด้วยล่ะ" อิฐหยัดกายขึ้นและเดินตรงไปยังประตู โดยที่ไม่ได้หันมามองคนตัวเล็กเลยสักนิด ตอนนี้เขากำลังหงุดหงิด ไม่ควรแสดงอารมณ์ออกไปให้เธอกลัว เพราะเวลาที่เขาโกรธมันน่ากลัวกว่าตอนนี้หลายร้อยเท่า "ค่ะ ขับรถกลับดี ๆ นะคะ" ปิ่นเดินตามมายังประตูและมองตามแผ่นหลังกว้างที่กำลังเดินออกไป เจ้าของห้องใจดีเดินจากไป ตามด้วยประตูห้องที่ปิดลงและเข้าสู่ห้วงรัตติกาลในที่สุด วันถัดไป ปิ่นเลิกเรียนในเวลาบ่ายสอง สถานที่ถัดไปจากมหาวิทยาลัยก็คงไม่พ้นร้านกาแฟที่ทำงานของเธอ หญิงสาวก้าวไปตามทางฟุตพาทเพื่อตรงไปยังวินมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ตึกเยื้องตรงข้าม แต่พอจะข้ามถนนกลับมีรถมอเตอร์ไซค์ทรงสูงคันหนึ่งขับเข้ามาจอดปาดหน้า พานทำให้ขาเล็กต้องชะงักกึกด้วยความตกใจ "จะไปไหน เดี๋ยวฉันไปส่ง" เสียงเข้มเอ่ยขณะที่ใบหน้ายังถูกปกปิดด้วยหมวกกันน็อกเต็มใบ ปิ่นขมวดคิ้วมองเล็กน้อย แต่ไม่นานก็รู้ได้ทันทีว่าเขาคนนั้นคือใคร "ไม่เป็นไร ฉันไปเองได้" "ก็จะไปส่งอะ" อีกฝ่ายยังย้ำชัดคำเดิม อีกทั้งตอนนี้ยังถอดหมวกกันน็อกออก เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังทำท่าฟึดฟัดไม่พอใจกับการถูกปฏิเสธ "นี่ลุค นายจะไปส่งฉันทำไม ฉันจะ..." "ก็อยากไปส่ง เธอเป็นเพื่อนฉัน ฉันเห็นเพื่อนเดือดร้อนฉันก็ต้องช่วยดิ" "ฉันไม่ได้เดือดร้อนอะไร นายไปเถอะ ฉันจะนั่งวินไปทำงานแล้ว เดี๋ยวสาย" ปิ่นถอนหายใจหนัก ๆ อยากจะบอกออกไปมากว่าเธอไม่ใช่เพื่อนของเขาสักหน่อย พูดคุยกันแค่ไม่กี่คำกี่ประโยค จะให้เขาขับรถไปส่งมันก็แปลก ๆ ยังไงชอบกล "ดื้อจังวะ ทำไมถึงดื้อนัก" "นี่นาย...!" ครืด...ครืด... ก่อนที่ปิ่นจะได้เอ่ยคำใดออกไปแรงสั่นจากโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น มือเล็กหยิบมันออกมาก็พบว่าเป็นเบอร์แปลกที่ไม่ได้บันทึกเอาไว้ ก่อนจะรับสายก็ไม่วายส่งสายตาไม่พอใจให้กับคนตรงหน้าที่กอดอกมองไม่ยอมไปเสียที "ฮัลโหล สวัสดีค่ะ" (สวัสดีครับ ผมโทรมาจากสถานีตำรวจนะครับ...) "คะ...ใครนะคะ ตำรวจเหรอคะ!?" ปิ่นเบิกตากว้างเมื่อได้ยินประโยคแรกจากปลายสาย เธอสนทนาอยู่ชั่วครู่จนได้ความว่าเธอต้องไปที่สถานีตำรวจโดยด่วน เหตุเพราะมีอะไรเกิดขึ้นบางอย่างซึ่งตัวเธอเองก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกเช่นกัน "อะไร มีอะไรหรือเปล่า" ลุคเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของปิ่นที่เปลี่ยนไป "คือ...เมื่อกี้มีคนโทรมาอะ บอกว่าให้ฉันไปที่สถานีตำรวจด่วน" "ฮะ? สถานีตำรวจเหรอ" "อื้อ ไม่รู้ว่าเป็นพวกแก๊งคอลเซนเตอร์หรือเปล่า" "ไม่น่านะ ถ้าเป็นพวกหลอกลวงมันก็คงไม่ให้เธอไปที่สถานีตำรวจหรอกมั้ง แต่เธอน่ะไปทำอะไรผิดมาหรือเปล่า" "ไม่มีนะ ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย..." เสียงเล็กเอ่ยแผ่วเบาพลางนึกคิดถึงความผิดพลาดของตัวเอง แต่ไม่ว่าจะคิดเท่าไหร่ก็ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองทำอะไรผิดถึงได้มีตำรวจโทรมาหาแบบนี้ "งั้นก็ขึ้นรถแล้วไปที่สถานีตำรวจกัน" "ไม่ต้อง ๆ เดี๋ยวฉันไปเอง" "เผื่อเธอโดนหลอกทำไงล่ะ ให้ฉันไปด้วยนี่แหละ สองหัวน่าจะดีกว่าหัวเดียวนะ" ลุคตบที่เบาะมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าประโยคนั้นทำเอาปิ่นถึงกับคิดเปลี่ยนใจตอบตกลงเขาในทันที "กะ...ก็ได้" "ไม่มีหมวกของเธอนะ ปกติพกมาแค่ใบเดียว" "อื้ม ไม่เป็นไร" "เกาะดี ๆ ล่ะ ฉันจะซิ่งแล้ว" ปิ่นขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะที่ดังติดมากับคำพูดของเขา เธอไม่รู้ว่าเขาจะแกล้งอะไรหรือเปล่า แต่ก็ใช้ปลายนิ้วจับที่ชายเสื้อนักศึกษาของเขาเอาไว้ในระหว่างที่ตัวเองกำลังนั่งซ้อนท้าย โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าการกระทำนั้นทำให้รอยยิ้มของเขาผลิบานอย่างไม่รู้ตัว… ทั้งสองคนมาถึงที่หมายโดยใช้เวลาเพียงสิบนาที ปิ่นรีบลงจากรถและตรงปรี่เข้าไปด้านในด้วยความร้อนรน แต่สิ่งที่เห็นเป็นอันดับแรกกลับทำให้เธอชะงักด้วยความตกใจ "พี่เหมี่ยว..." "อีปิ่น! นี่มึงกล้าแจ้งความจับกูเหรอ! อีน้องเวร อีน้องทรยศ!" ทันทีที่ปิ่นเดินเข้าไปเธอก็ได้รับคำด่าทอกลับมาในทันที ตอนนี้เธอยังจับจุดอะไรไม่ถูก แต่สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือมะเหมี่ยวที่กำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตรงหน้าของนายตำรวจหนุ่ม ถัดไปข้าง ๆ ก็คือแม่เลี้ยงของเธอนั่นเอง "นังปิ่น! แกทำแบบนี้กับพี่แกได้ยังไงฮะ!? แกใช้มารยาอะไรถึงได้ไปบอกตำรวจว่าเหมี่ยวทำร้ายร่างกายแก!" "ทำร้ายร่างกายเหรอคะ แต่ปิ่นไม่..." "ผมมีหลักฐานทุกอย่าง แล้วผมก็ส่งให้ตำรวจแล้วเรียบร้อยด้วย ถ้าคุณอยากเห็นผมก็ยินดีที่จะเปิดให้ดูตรงนี้" ทว่า...ก่อนที่ปิ่นจะเอ่ยปฏิเสธกลับมีเสียงเข้มที่แทรกขึ้น พอหันกลับไปมองก็พบว่าเขาคนนั้นคืออิฐที่เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ที่ข้างกายของเธอ "พะ...พี่อิฐ!" "นี่แกเป็นใคร! เป็นผัวอีปิ่นมันเหรอ!?" "มะ...ไม่ใช่นะคะแม่ เขาไม่ใช่..." "เป็นอะไรมันก็ไม่สำคัญหรอก รู้แค่ว่าลูกสาวของคุณกำลังโดนข้อหาทำร้ายร่างกาย กรุณาเตรียมค่าปรับแล้วก็ค่าทำขวัญเอาไว้ด้วย!" อิฐเอ่ยเสียงเรียบแต่กลับเต็มไปด้วยความดุดันที่เปล่งออกไป "พะ...พี่อิฐคะ แต่ปิ่นไม่อยากทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่" "ไม่ได้ ยัยนี่จะได้รู้ซะบ้างว่าไม่ควรไปตบใครสุ่มสี่สุ่มห้า แล้วฉันบอกไว้เลยนะนอกจากค่าทำขวัญแล้วยัยพี่ใจยักษ์ของเธอก็ต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับที่คลับด้วย" "ไม่นะ! พวกแกมันหน้าเลือด ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย ฉันก็แค่สั่งสอนน้องสาวของฉันเท่านั้น!" "เก็บคำแก้ตัวไว้แล้วก็ควักเงินออกมาดีกว่า อย่าพูดให้มากเลยมันน่ารำคาญ" อิฐกอดอกมองฝ่ายตรงข้ามที่พยายามหาข้อแก้ตัวได้อย่างหน้าด้าน ๆ "พี่อิฐ นี่เหรอคะวิธีแก้แค้นที่พี่อิฐหมายถึง" มือเล็กกระตุกที่แขนเสื้อของคนตัวโตเมื่อนึกถึงคำพูดของเขาเมื่อคืนนี้ เธอไม่ได้ต้องการให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ เธออยากอยู่อย่างสงบโดยที่ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับใครโดยเฉพาะคนในบ้านหลังนั้นที่ไม่เคยเห็นว่าเธอเป็นคนในครอบครัว "มันก็ต้องวิธีนี้แหละ อ้อ! แล้วก็ต้องขอโทษปิ่นด้วย นอกจากจะต้องจ่ายเงินแล้วเธอก็ต้องขอโทษน้องสาวของเธอด้วย" อิฐหันไปเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้ามอีกครั้ง วันนี้เขาต้องจัดการให้สิ้นซากเสียที หากตามมาราวีอีกก็คงได้จับเข้าตะรางสั่งสอนอีกแน่ "นี่แก! อีปิ่น อีน้องชั่ว แกทำกับฉันอย่างนี้ได้ยังไงฮะ อีบ้า!" "อ้าว ด่าอีกเหรอ คุณตำรวจครับ เพิ่มข้อหาให้อีกได้ไหมครับ ขนาดอยู่ในสถานีตำรวจแบบนี้ยังไม่สลด" "อีบ้า กรี๊ด!!! อีชั่ว อีน้องเวร แกทำอย่างนี้กับฉันได้ยังไง อีปิ่น!" "ถ้าคุณยังโวยวายไม่หยุดแบบนี้ผมคงต้องให้คุณไปสงบสติอารมณ์ในห้องขังนะครับ!" เสียงเข้มของนายตำรวจหนุ่มตวาดขึ้นอย่างสุภาพแต่กลับมีความดุดันและหนักแน่น ที่ทำเอาภายในโรงพักถึงกับตกอยู่ในความเงียบ ตอนนี้มะเหมี่ยวจำต้องเงียบลงเมื่อผู้เป็นแม่หยิกแขนจนเขียวช้ำหวังประคองสติให้เย็น หากเดือดดาลไปมากกว่านี้ก็คงต้องไปอยู่ในห้องขังสกปรกเป็นแน่ "ว่าไงครับ จ่ายเงินแล้วก็ขอโทษน้องสาวคุณซะ" อิฐย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคุมสติได้บ้างแล้ว "ฉันไม่มีเงินหรอก เหอะ! บ้านจนขนาดนี้แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายยะ พ่ออีปิ่นมันเหลือแต่หนี้สินไว้ให้เนี่ย ทุเรศสิ้นดี!" "ไม่จริง! แม่ต่างหากที่ใช้เงินฟุ่มเฟือย พ่อมีทั้งที่ดินแล้วก็เงินในธนาคาร แต่แม่ก็เอามาใช้จนหมด!" "นี่แก! อีปิ่น อีเนรคุณ! ฉันเลี้ยงแกมานะ แกจะ...!" "ผมจะขอพูดเป็นครั้งสุดท้ายนะครับ! ถ้ายังโวยวายอีกครั้งผมจะให้คุณไปอยู่ในห้องขังหนึ่งคืน! ไปทั้งแม่ทั้งลูกเลยเป็นไง!" นายตำรวจตวาดกร้าวออกมาอีกครั้งด้วยความหนักแน่น คราวนี้ไม่มีท่าทีนุ่มนวลหรือว่าพูดเล่นเลยสักนิด "ถ้าอยากรีบจบก็จ่ายมา แล้วก็ขอโทษปิ่นด้วย ถ้าไม่มีเงินก็ขายบ้านทิ้งซะ ไปอยู่ใต้สะพานลอยหรืออะไรก็ได้" อิฐตอบอย่างนึกรำคาญ เขาไม่ได้สนใจอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายจะมีเงินหรือเปล่า เขาเพียงต้องการทวงคืนความยุติธรรมและแก้แค้นให้กับเด็กสาวคนนี้เท่านั้น "ไม่ต้องจ่ายค่าทำขวัญให้ปิ่นหรอกค่ะ ปิ่นไม่อยากได้ แต่ปิ่นขอแค่คำขอโทษก็ยังดี" "นี่เธอ..." "แค่นี้ก็พอแล้วล่ะค่ะพี่อิฐ" ปิ่นเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง ๆ มันมีความอ่อนโยนแต่ก็มีความเด็ดขาดอยู่ในตัว เธอไม่ได้ต้องการเงินจากใครทั้งนั้น เธอขอเพียงแค่คำขอโทษดี ๆ ที่ออกมาจากปากคนหยิ่งยโสอย่างมะเหมี่ยวก็เพียงพอ "เอ้า เร็วดิ ขอโทษสักที! ขอโทษให้มันจริงใจด้วยนะ!" อิฐถอนหายใจออกมาหนัก ๆ แต่ก็ต้องยอมรับกับการตัดสินใจของหญิงสาวที่ถึงแม้ว่าจะขัดใจเขาก็ตาม "ยัยเหมี่ยว รีบขอโทษมันเร็ว ฉันจะได้รีบกลับ!" "แม่!" "เลือกเอาว่าแกจะขอโทษหรือจ่ายเงิน!" คำพูดของผู้เป็นแม่ทำให้มะเหมี่ยวจำต้องเลือกขอโทษที่เป็นทางออกที่ดีที่สุด คนจนตรอกไม่มีอำนาจและไม่มีเงินทองอย่างพวกหล่อนจะต่อกรอะไรได้ แม้ว่าคำขอโทษจะทำให้รู้สึกเสียศักดิ์ศรี แต่มันก็ยังดีกว่าการต้องสูญเสียเงินที่ไม่เคยมีเก็บ "ฉัน...ฉันขอโทษ! ขอโทษที่ทำร้ายแกอี...เอ่อขอโทษนะปิ่น" คำขอโทษออกมาจากปากของคนที่ปิ่นอยากได้ยินมากที่สุดทำให้เธอถึงกับผุดรอยยิ้มขึ้นมา ไม่ใช่ว่าเธอยกโทษให้ทั้งหมด แต่เธอก็รู้สึกดีที่อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ยังลดศักดิ์ศรียอมรับกับความผิดของตัวเอง "ค่ะ ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะคะ ปิ่นออกมาจจากชีวิตของพี่แล้ว ปิ่นรู้ว่าพี่กับแม่เกลียดปิ่น เพราะงั้นเราก็อย่ายุ่งเกี่ยวกันอีกเลยค่ะ" ประโยคทิ้งท้ายทำให้แววตาหวานสั่นไหว เธอยังคงเจ็บปวดอยู่เสมอกับคำว่า 'เกลียด' ปิ่นอยู่อาศัยในบ้านหลังนั้นด้วยความทุกข์ทรมานแต่ก็ใจไม่กล้าพอที่จะออกจากบ้านไปเผชิญหน้าเพียงลำพัง เธอจึงยอมก้มหน้ารับกรรมมานานนับปี แต่ในเมื่อวันนี้เธอเป็นอิสระแล้วเธอก็ไม่คิดหันหลังกลับไปอีก เธอจะลืมเลือนคนในบ้านหลังนั้นให้หมด ลืมเลือนทุกอย่างที่เคยทำให้เธอเจ็บปวด แม้กระทั่งสถานะลูกเมียน้อยของตัวเองที่เธอจะลบมันออกจากห้วงความคิดไปตลอดชีวิต
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม