“อ้าวน้องเขม มาพอดีเลย” โซนุตา สาวใหญ่คนสวยและเก่งเอ่ยทักรุ่นน้องสาว เมื่อเห็นเขมิกาเดินเข้ามาพอดี
“สวัสดีค่ะพี่โซ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวกล่าวทักทายพลางถามรุ่นพี่สาวเก่งตรงหน้า ตอนเธอเข้ามาทำงานกับศิวานันท์ใหม่ ๆ ก็ได้โซนุตาที่เป็นเลขาประธานบริษัทนี่แหละเป็นคนสอนงานให้ หลังจากนั้นหญิงสาวก็ยึดเอารุ่นพี่สาวเป็นแบบอย่าง หรือเรียกว่ามีโซนุตาเป็นไอดอลก็ว่าได้
“ท่านประธานเรียกหาจ้ะ” โซนุตาบอก ก่อนจะไล่หญิงสาวเข้าไปหาเจ้านายที่รออยู่ในห้องทำงาน
“งั้นเขมเข้าไปหาท่านประธานก่อนนะคะ” บอกเสร็จก็ปลีกตัวไปยังหน้าห้อง เคาะประตูส่งสัญญาณเสร็จก็เดินเข้าไปด้านในทันที
“สวัสดีค่ะท่านประธาน เห็นพี่โซบอกว่าท่านประธานเรียกเขมมีอะไรหรือเปล่าคะ”
คนที่ถูกเรียกว่าท่านประธานชักสีหน้าไม่พอใจ จนเขมิกาต้องยิ้มแห้งพลางก้มศีรษะขอโทษกลาย ๆ เมื่อได้รับสายตาตำหนิของคนที่อายุมากกว่าและเป็นเจ้านายของเธอมองมา
“ไม่ต้องมายิ้มแห้งเลย ป้าบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่ต้องเรียกว่าท่านประธาน แต่ให้เรียกว่าป้าแทน เด็กคนนี้นี่ บอกไม่เคยฟังเลย”
“ขอโทษค่ะ เขมแค่กลัวหลุดเวลาประชุมบอร์ดบริหาร”
“ไม่ต้องมาอ้างเลย เฮ้อ มานั่งเถอะ แล้วจากนี้ไปก็เรียกป้าว่าป้าได้แล้ว ถ้ายังรั้นไม่ฟังกัน ป้าจะหักเงินเดือน เข้าใจไหม”
ทิพย์ประภา ศิวานันท์ ผู้ดำรงตำแหน่งประธานบริษัท หรือหัวเรือใหญ่ของศิวานันท์กล่าวด้วยความไม่ชอบใจ ที่หญิงสาวตรงหน้าไม่เรียกตนตามที่เคยบอกไว้
เขมิกาช้อนสายตากลมโตของตนขึ้นมองอย่างอ้อนวอน หวังให้คนตรงหน้าเห็นใจแต่กลับได้สายตาดุมองมาแทน เธอจึงก้มหน้ารับคำอย่างว่าง่าย “เข้าใจค่ะ”
เมื่อเห็นหญิงสาวที่ตนเอ็นดูรับปากก็เปลี่ยนสายตาคมดุเป็นอ่อนโยนทันที พลางมีความรู้สึกผิดและสงสารผุดขึ้นมาในใจทุกครั้งที่เห็นเจ้าของใบหน้าสวยนี้
“หนูเขม... หนูยังรักลูกชายป้าอยู่ใช่ไหม”
ประโยคคำถามดังขึ้นมาอย่างไม่มีปีมีขลุ่ย ทำเอาเขมิกาที่ไม่ได้เตรียมใจมาฟังคำถามนี้ถึงกับชะงักไป หญิงสาวหลุบสายตามองมือตัวเองที่ประสานกันบนหน้าตักพร้อมกับเม้มปากเป็นเส้นตรง ไม่ตอบคำใด แต่กิริยาเช่นนี้ของเธอก็ทำให้คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนเข้าใจได้ไม่ยาก
คุณทิพย์ประภาถอนหายใจหนัก ๆ ออกมา ดีใจอยู่หรอกที่หญิงสาวตรงหน้ายังรักมั่นต่อบุตรชายของเธอ แต่ที่เธอถอนหายใจก็เพราะไม่รู้ว่าเจ้าลูกชายตัวดีจะยังคงรักหญิงสาวอยู่หรือเปล่า และหากมาเจอกันอีกครั้ง ลูกชายของเธอจะยอมปล่อยผ่านเรื่องราวในวันวานได้ไหม เพราะทั้งสองจบกันได้ไม่ดีนัก ซึ่งคนที่ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เปราะบางและขาดสะบั้นก็คือตัวเธอเอง
เป็นเธอที่ทำให้เด็กทั้งสองต้องจบกันอย่างไม่มีความสุข และแยกจากกันด้วยความทรงจำที่ไม่ดี...
“ป้าขอโทษนะหนูเขม” นึกถึงเรื่องราวเก่า ๆ คราใด คุณทิพย์ประภาก็อดไม่ได้ที่ต้องโทษตัวเองและกล่าวขอโทษหญิงสาวรุ่นลูกทุกครั้งไป
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ใช่ความผิดของคุณป้า ถ้าจะมีใครสักคนที่ผิด คนคนนั้นก็เป็นเขมเอง เป็นเขมที่ไม่มั่นคงมากพอ และเป็นเขมที่ไม่อธิบายให้เขาเข้าใจ”
เขมิกาปฏิเสธว่าไม่ใช่ความผิดของคุณทิพย์ประภา จริงอยู่ที่ผู้ใหญ่ตรงหน้าคือต้นเหตุที่ทำให้เธอกับเขาเลิกกัน แต่มันก็ไม่ทั้งหมด เพราะถ้าเธอมั่นคงมากพอและคุยกับเขาคนนั้นให้เข้าใจ เรื่องทุกอย่างมันคงไม่เป็นแบบนี้ อีกอย่าง จะให้เธอโทษผู้มีพระคุณได้อย่างไร การที่เธอเรียนจบจนคว้าเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาได้ไม่ใช่เพราะว่าได้รับทุนการศึกษาจากคนตรงหน้าหรอกเหรอ ไหนจะหน้าที่การงานที่เธอทำอยู่ทุกวันนี้อีก ถ้าไม่ใช่เพราะคนตรงหน้าให้โอกาส และทาบทามเธอมาทำงาน เธอจะมีชีวิตที่สดใสอย่างทุกวันนี้ไหม เด็กกำพร้าไร้ครอบครัวหนุนหลังอย่างเธอ ไม่กล้ากล่าวโทษคนที่มีพระคุณต่อชีวิตของตนเองเด็ดขาด
“เฮ้อ เอาเถอะ ถึงหนูเขมจะบอกว่าป้าไม่ผิด แต่ป้าก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าตัวเองไม่ใช่ต้นเหตุที่ทำให้หนูเขมและลูกชายป้าเสียใจ”
ครั้งนี้เขมิกาไม่พูดอะไร เธอเพียงนั่งฟังเงียบ ๆ เท่านั้น และก่อนที่จะอึดอัดกันไปมากกว่านี้ หญิงสาวจึงเป็นฝ่ายเปลี่ยนเรื่องถามถึงเหตุผล ที่คนอายุมากกว่าเรียกเธอเข้าพบแทน ไม่คาดว่าคำตอบที่ได้รับจะทำให้เธออึ้งงันไป
“อาทิตย์หน้าตาทิวจะกลับมา”
เขาคนนั้น รักแรก รักเดียว เจ้าของหัวใจของเธอกำลังจะกลับมา...