คำสาปขุนบรม

1099 คำ
คำสาปขุนบรม ในอดีตกาลคำว่า ‘สุวรรณภูมิ’ หมายถึงดินแดนหลายประเทศรวมกันในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือที่เรารู้จักกันดีว่าอาเซียนในปัจจุบันซึ่งประกอบด้วย ไทย พม่า ลาว เขมร เวียดนาม มาเลเซีย รวมทั้งหมู่เกาะบางส่วนของอินโดนีเซีย บรูไนและฟิลิปปินส์ คนต่างชาติชาวชมพูทวีป เช่น กษัตริย์ นักการเมือง และขุนนางตกอับซึ่งเนรเทศตัวเองเดินทางมาหลบเร้นเลียแผลที่นี่ ไม่เว้นแม้กระทั่งนักบวช สาวกของศาสนาต่าง ๆ ก็จะมาเผยแพร่ลัทธินิกายกันให้คึกคักไปหมด ดังหลักฐานทางโบราณสถาน โบราณวัตถุที่ปรากฏอยู่ทั่วไป อีกทั้งขนบธรรมเนียม ประเพณีวิถีชีวิตของผู้คนในแถบถิ่นดังกล่าวข้างต้นจึงคล้ายคลึงกัน เพราะความเชื่อที่สืบทอดกันมาจากกลุ่มบุคคลในสายอารยธรรมเดียวกัน ความไม่ปรองดองของผู้คนภายในหรือภายนอกขอบเขตก็ตาม ล้วนมีวิวัฒนาการมาจากอดีตกาล ประวัติศาสตร์สุวรรณภูมิได้จารึกร่องรอยไว้ ซึ่งคนรุ่นหลังยังเล่าขานกันอยู่ตามท้องถิ่นต่าง ๆ ความขัดแย้งและการเข่นฆ่าระหว่างดินแดนยังไม่หมดไป แถมบางแห่งยังรุนแรงขึ้น อดนึกถึงคำสาปของผีบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งบ้านเมืองในยุคแรก ซึ่งเรารู้จักกันดีในวงการศึกษาเรื่องตำนานว่า “ขุนบรม” ขุนบรมผู้นำชุมชนในยุคแรกได้ตั้งเมือง ‘นาบ่อน้อย’ ขึ้นระหว่างใจกลางของดินแดนสุวรรณภูมิ ก่อนสถาปนาเสาหลักปักลงฝังดิน ขุนบรมได้ประกอบพิธีกรรมบวงสรวงฟ้า ดินและสายน้ำ ตั้งจิตอธิษฐานร่วมกันเป็นเครือญาติที่เหนียวแน่น จากนั้น การบริหารกิจการบ้านเมืองจึงดำเนินไปด้วยดี อีกทั้งฝนฟ้าก็ตกต้องตามฤดูกาล ผลผลิตอุดมสมบูรณ์ เมื่อประชาชนมีสุขภาพกายแข็งแรง สุขภาพจิตดีประชากรก็ก่อเกิดและทวีขึ้นตามลำดับดังคำกล่าวว่า ‘มากดั่งทราย หลายดั่งน้ำ’ ประชากรทุกคนคือทรัพยากรที่มีค่ากว่าสิ่งใด เพราะเป็นทรัพย์สินมีชีวิต มีจิตใจและมีศักยภาพในตัวเองอย่างไม่สิ้นสุด ซึ่งจะร่วมมือกันสร้างสรรค์สิ่งดีงามให้กับบ้านเมืองเพื่อส่งทอดไปถึงลูกหลาน เหลนในอนาคต ทุกคนในเมืองนาบ่อน้อยต่างขยันขันแข็ง และอดทนในการประกอบอาชีพ ‘ฝูงไพร่ก็ไถนา ฝูงข้าก็ฟันไร่’ ขุนบรมมีลูกชาย ๗ คนซึ่งเกิดจากภรรยา ๒ คน คือ ๑. ขุนลอ ๒. ยี่ผาลาน ๓. สามจูสง ๔. ไสผง ๕. งัวอิน ๖. ลกลม ๗. เจ็ดเจิง เมื่อลูกชายเติบโต ขุนบรมก็แบ่งปันสมบัติให้อย่างยุติธรรม เริ่มด้วยมอบรางวัลอันมีความหมาย เอางาช้างด้านขวามาตัดออกเป็น ๔ ท่อน แบ่งให้ลูกชายคนที่ ๑,๒,๓ และ ๗ ซึ่งเกิดจากภรรยาคนที่หนึ่ง เอางาช้างด้านซ้ายมาตัดออกเป็น ๓ ท่อน แจกลูกชายคนที่ ๔,๕ และ ๖ ซึ่งเกิดจากภรรยาคนที่สอง จากนั้นก็แบ่งปันทรัพย์สมบัติอันมีค่าที่มีอยู่มากมายมหาศาลคือ ‘ทองคำ’ ให้เท่ากัน ในการบริหารกิจการบ้านเมืองนั้น ขุนบรมได้ยึดนโยบายพึ่งตนเองมาโดยตลอด ปรัชญาและวิสัยทัศน์ที่ขุนบรมมอบให้ลูกชายทั้งหมดคือ ความสมัครสมานสามัคคี ห้ามพี่น้องเบียดเบียนกัน ห้ามแย่งชิงทรัพย์สมบัติตลอดทั้งให้เคารพกันและกัน ข้อห้ามดังกล่าวคือกฎอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งประกาศก้องต่อแผ่นฟ้า สายน้ำและผืนดิน ว่า “ถ้าผู้ใดเอารี้พลไปตกแดน เอาหอกดาบเขนแพนไปตกทุ่ง รบเอาบ้านเอาเมืองกัน ให้ผู้นั้นพินาศฉิบหาย ทำอันใดอย่าได้เป็น เข็นอันใดอย่าให้ได้ ! เที่ยวทางให้ฟ้าผ่า! เที่ยวป่าให้เสือกิน!.” เมื่อขุนบรมสิ้นชีวิต ลูกชายทั้งหมดก็ปฏิบัติตามคำสั่งของบิดาอย่างเคร่งครัดกล่าวคือ น้องคนเล็กคือเจ็ดเจิงอยู่ครองเมืองบ้านบ่อน้อย ส่วนพี่ชายทั้ง ๖ ได้แยกย้ายกันไปสร้างเมืองตามดินแดนต่าง ๆ ทั่วสุวรรณภูมิ ดังนี้ ขุนลอ ไปสร้างอาณาจักรล้านช้าง ยี่ผาลาน ไปสร้างอาณาจักรสิบสองพันนา สามจูสง ไปสร้างอาณาจักร หัวพันทั้งห้า หก ไสผง ไปสร้างอาณาจักรล้านนา ลกลม ไปสร้างอาณาจักรพันพัน ลังกาสุกะ งัวอิน ไปสร้างอาณาจักร อโยธยา อาณาจักรเหล่านั้นมีความสัมพันธ์ด้วยดีในฐานะบ้านพี่เมืองน้อง เกี่ยวดองสัมพันธ์ทางเครือญาติที่มีความเป็นปึกแผ่น แน่นหนาทั้งด้านเศรษฐกิจและการทหาร ครั้นเวลาผ่านไปผู้สืบเชื้อสายก็เริ่มหย่อนยานในข้อปฏิบัติ กระทั่งฝ่าฝืนกฎอันศักดิ์สิทธิ์ ! เริ่มจาก แม่ทัพเชื้อสายสามจูสงผู้ไปสร้างหัวพันทั้งห้าหกได้ยกกองทัพข้ามเขตมาตีเมืองหลวงพระบางเชื้อสายลูกผู้พี่ครองอยู่ เจ้าเชียงลอโอรสองค์ใหญ่ออกต่อสู้ สิ้นพระชนม์ในที่รบ พระไชยจักรพรรดิ์ขึ้นทำการรบแทน แต่สุดท้ายต้องหลบหนีออกจากเมืองไปหลบภัยที่เมืองเชียงคาน คราวนี้ก็เป็นหน้าที่ของโอรสองค์ต่อมาคือเจ้าแท่งคำรับอาสาออกป้องกันเมืองอย่างสุดความสามารถ แล้วสิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ! ในขณะนั้นเกิดลมพายุพัดกระหน่ำ ฝนตกฟ้าคะนองหนัก แล้วเกิดแสงประกายเจิดจ้าขึ้นกลางอากาศ ลูกไฟมากมายร่วงกราว แตกกระจายกลางกองทัพเชื้อสายสามจูสง แม่ทัพพร้อมทหารถูกเซ่นสังเวย เหตุการณ์อัปยศคราวนั้นถูกจารึกให้เป็นฉากแรกแห่งความขัดแย้งระหว่างสายเลือดขุนบรม ซึ่งจบลงด้วยอาญาฟ้า-ดิน ซากศพกองเกลื่อนกลาดทั่วสมรภูมิ ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งอยู่นานนับเดือน เพราะแร้งกาไม่สามารถแทะทึ้งให้หมดสิ้นภายในเร็ววัน อีกทั้งยังส่งผลกระทบหลายอย่างต่อผู้คน เช่น มลภาวะ ความเครียด และโรคระบาด สภาพการณ์ปกครองเริ่มหวั่นไหว คลอนแคลน เนื่องจากตำแหน่งปกครองหลายตำแหน่งว่างลงพร้อมกันในทันทีทันใด บุคคลผู้อ่อนด้อยประสบการณ์และอายุ ขาดการสั่งสมความดีที่จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสำคัญ ในที่สุดก็เกิดความหวาดระแวงกันและกัน จึงเอาแต่จับดาบเข้าประหัตประหารกันอย่างคลุ้มคลั่งราวกับชาตินี้อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ นับแต่บัดนั้น ร่องรอยจากหน้าพงศาวดาร ประวัติศาสตร์ที่สร้างแล้วและอยู่ระหว่างการก่อสร้างก็ตามล้วนขีดเขียนด้วยรอยเลือดและไฟอาฆาตที่เผาผลาญเมืองและผู้คนผ่านยุคผ่านสมัยมาหลายร้อยปี ดินแดนสุวรรณภูมิได้เปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่าง แต่ทว่าสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่เหนียวแน่นคือกฎอันศักดิ์สิทธิ์ของขุนบรมซึ่งนับวันผลุดโผล่ขึ้นมากล่าวโทษและลงทัณฑ์ขั้นรุนแรง ไม่มีอำนาจใดยับยั้งได้เพราะ นี่คือคำสาปขุนบรมผีเจ้าโคตร ******
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม