แรงสาปทะเลใต้

1100 คำ
แรงสาปทะเลใต้ เหตุการณ์ไม่สงบที่มัสยิดกรือเซะเมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๔๗ ที่ผ่านมายังอยู่ในความทรงจำของประชาชนชาวไทย เพราะมีการตายหมู่เกิดขึ้นถึง ๑๐๘ ศพ ผู้ตายส่วนใหญ่คือคนไทยที่อยู่ในวัยรุ่น-วัยเรียนซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญของครอบครัวและประเทศชาติในอนาคต อีกทั้ง สถานที่อันเป็นจุดจบคือบริเวณภายในมัสยิดสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพี่น้องชาวไทยอิสลาม ในห้วงเวลาวิกฤตนั้นทุกฝ่ายอยู่ในความอดทน ยึดเอาขันติธรรมเป็นที่ตั้ง ไม่มีใครต้องการเห็นเลือดไหลนองพื้นที่สันติ แต่เหมือนว่าแรงกดดันที่มองไม่เห็นตัวมีอำนาจพิเศษเหนือกว่าอำนาจทั่วไป มันกำลังบงการให้ความขัดแย้งคราวนี้ยุติลงด้วยความตาย ! นั่นเพราะว่าทุกอณูเนื้ออากาศที่ห่อหุ้มมัสยิดกรือเซะยังอุดมไปด้วยคำสาปแช่งแรงอาถรรพ์ที่ยังมีชีวิต พร้อมสำแดงเดชทันทีที่เหตุการณ์สุกงอม มัสยิดกรือเซะเป็นโบราณสถานสำคัญแห่งหนึ่งในจังหวัดปัตตานี สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๗ ตั้งอยู่ตำบลกรือเซะ อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ติดถนนเพชรเกษม สายปัตตานี-นราธิวาส ห่างจากตัวเมืองปัตตานีประมาณ ๘ กิโลเมตร รูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นศิลปะตะวันออกกลาง ตัวมัสยิดสร้างขึ้นเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสยาว ๒๐ เมตร สูง ๗๔ เมตร เสากลมก่ออิฐถือปูน เริ่มลงมือก่อสร้างในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา แต่ก็ยังสร้างไม่เสร็จจนกระทั่งทุกวันนี้ เพราะไม่มีใครกล้าท้าทายคำสาปของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ลิ้มกอเหนี่ยวคือน้องสาวของหลิ่มโตะเคี่ยมซึ่งมีนิวาสสถานอยู่ที่ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ วันหนึ่งหลิ่มโตะเคียมได้นำสินค้าบรรทุกเรือสำเภามาค้าขายในภาคใต้ของไทย ได้แวะขึ้นขายสินค้าที่บ้านกรือเซะ เมืองปัตตานี เมื่อหลิ่มโตะเคี่ยมได้ติดต่อสัมพันธ์นานวันเข้าก็เกิดติดใจในน้ำใจของชาวเมือง จนกระทั่งได้ชอบพอกับธิดาสาวเจ้าเมือง ถึงกับยอมรับนับถือศาสนาอิสลามและเข้าพิธีแต่งงาน หลิ่มโตะเคี่ยมนอกจากจะมีความสามารถในการค้าขายแล้วยังมีฝีมือในการก่อสร้างอีกด้วย จึงจัดการสร้างมัสยิดขึ้นเพื่อแสดงความศรัทธา ความรัก และใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมของอิสลามมิกชน การก่อสร้างได้รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว เพราะได้รับความร่วมมือ ร่วมใจจากชาวบ้านกรือเซะและชุมชนใกล้เคียงด้วยดี แต่พอสร้างถึงส่วนโค้งโครงหลังคาก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อลิ้มกอเหนี่ยวเดินทางตามหามาจากประเทศจีน นางเฝ้าอ้อนวอนให้พี่ชายกลับบ้าน แต่หลิ่มโตะเคี่ยมไม่ยอมฟัง ไม่รับรู้ เพราะเขาได้ทุ่มเทความรักต่อหญิงสาวชาวปัตตานีและความศรัทธาที่มีต่อพระเจ้าแล้ว จึงก้มหน้าก้มตาสร้างมัสยิดต่อไป น้องสาวจึงโกรธแค้นมาก แต่ไม่รู้จะทำประการใดดี จึงประชด หนีไปผูกคอตายกับกิ่งมะม่วงหิมพานต์ด้านทิศเหนือจากจากจุดที่กำลังก่อสร้างอยู่ประมาณ ๕๐ เมตร ก่อนสิ้นใจ นางได้กล่าวคำสาปแช่ง แสดงความอาฆาตไว้ว่า “ถึงแม้หลิ่มโตะเคี่ยมจะมีความชำนาญในการก่อสร้างเพียงใด ก็ขอให้การก่อสร้างมัสยิดนี้ไม่มีวันสำเร็จสมบูรณ์ ขอให้มีอันพังพินาศและมีเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นไม่สิ้นสุด ณ ผืนดินถิ่นนี้” หลิ่มโตะเคียมทำพิธีฝังศพน้องสาวใต้ต้นมะม่วงหิมพานต์และต่อมาที่ฮวงซุ้ยด้านหน้ามัสยิดชาวบ้านเรียกว่า ‘ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว’ หลังจากความเศร้าสลดเบาบางลงแล้ว หลิ่มโตะเคียมก็ลงมือสร้างมัสยิดต่อไป เมื่อจะลงมือสร้างโดมเป็นสัญลักษณ์เหมือนมัสยิดทั่วไป เหตุการณ์ประหลาดก็เกิดขึ้นโดยฟ้าผ่าลงมาที่โดมมัสยิดพังทลาย แต่หลิ่มโตะเคี่ยมก็ไม่ย่อท้อ ลงมือสร้างโดมต่อไป พอจวนจะเสร็จ ก็ถูกฟ้าผ่าลงมาอีกเป็นครั้งที่ ๒ และที่ ๓ เสมือนว่าคำสาปแช่งของลิ้มกอเหนี่ยวได้แสดงปาฏิหาริย์ให้ปรากฎแล้ว และนับวันจะมีอาถรรพ์มากขึ้น ดังนั้น หลิ่มโตะเคียมจึงยอมแพ้ต่อวิญญาณน้องสาวและประกาศงดการก่อสร้างตั้งแต่บัดนั้น เพื่อเห็นแก่ความสงบสุขของชุมชน ครั้นต่อมาอีกประมาณ ๑๐๐ ปี ชาวบ้านกรือเซะได้ร่วมกันซ่อมแซมมัสยิดเพื่อให้เสร็จสมบูรณ์ แต่ก็ถูกฟ้าผ่าพังทลายลงอีกหลายครั้ง จนกระทั่งทุกฝ่ายไม่มีใครกล้าแตะต้องปล่อยให้ทุกอย่างอยู่ในสภาพเดิมเช่นนั้น เพื่อแสดงความเคารพต่อวิญญาณของลิ้มกอเหนี่ยวผู้มีจิตใจเด็ดเดี่ยว หลังเหตุการณ์เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๔๗ ทางราชการและพ่อค้าประชาชนได้นำงบประมาณมาก่อสร้างมัสยิดกรือเซะให้เสร็จสมบูรณ์ แต่ในระหว่างก่อสร้างนั้น ธรรมชาติแปรปรวน ปรากฏการณ์ทางสังคมอันร้าวลึกได้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เสียงปืน กลิ่นคาวเลือดและความตายระบาดทั่วแผ่นดินปัตตานี เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๔๗ เหตุการณ์เกิดขึ้นที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ครั้งแรกมีผู้เสียชีวิตในที่ชุมนุม ๖ ศพ วันรุ่งขึ้นมียอดคนตายรวม ๘๕ ศพ และในจำนวน ๗๘ ศพเป็นการตายที่เกิดขึ้นขณะที่ตกเป็นผู้ต้องหาของทางราชการ จากการชันสูติของคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพบว่า เป็นเพราะสภาพร่างกายค่อนข้างอิดโรย เนื่องจากอยู่ในช่วงถือศีลอด อากาศร้อนและอยู่ในรถอย่างแออัดเป็นเวลานาน จึงทำให้ขาดอากาศหายใจ ทันที่ที่ร่างไร้วิญญาณเหล่านั้นถูกฝังลงดิน เสียงสวดมนต์จากหุบเขาพญาโหงได้ดังกระหึ่มขึ้น! “เราขอสาบานด้วยอัลลอฮ์ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป พวกอธรรมจะต้องอดตาหลับขับตานอน ทรัพย์สินที่เขาปล้นไปจากพวกเราจะถูกทำลายอย่างย่อยยับ ชีวิตของพวกเขาจะต้องประสบกับบาปกรรมที่ได้ก่อไว้ พระนครของพวกเขาจะถูกไฟเผาวอดวาย เช่นเดียวกับพระนครปาตานีถูกเผา เลือดของพวกเขาจะถูกหลั่งไหลบนแผ่นดินและรินลงในน้ำ อาวุธของพวกเราคือไฟและน้ำมัน!.ไฟและน้ำมัน!.ไฟและน้ำมัน!!.” สอดคล้องกับถ้อยคำของผู้สวดมนต์อยู่ในมัสยิดกรือเซะ “บอกไม่ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปนี้ แต่โดยส่วนตัวแล้วเชื่อว่านรกแตกแน่!!!!” เมื่อเหตุการณ์ที่ตากใบผ่านไปหนึ่งเดือน เสียงเตือนจากนักศึกษาปริญญาเอกศาสนาเปรียบเทียบ มหาวิทยาลัยอิสลามนานาชาติ มาเลเซีย บอกไว้ว่า “โอ้ !พระเจ้าขอให้พระองค์จงประทานความมีสติและแนวสันติในการแก้ *****

เริ่มอ่านเรื่องราวที่ยอดเยี่ยมได้ที่นี่

ดาวโหลดโดยการสแกนรหัส QR เพื่ออ่านเรื่องราวมากมายฟรี และหนังสือที่ได้รับการอัปเดตทุกวัน

อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม