แค้นฝังหุ่น100%

1695 คำ
“ก็อะไร” คนสูงกว่ายังคงกัดฟันกรอดเค้นเสียงถามไม่เลิก ยิ่งเวลาเห็นอีกคนเริ่มหายใจติดๆ ขัดๆ ก็ต้องยิ่งต้อนให้จนมุม เวลาเห็นคนอย่างเธอเสียหน้า เขารู้สึกดีขึ้นมาแบบบอกไม่ถูก ด้านลลนา ดวงหน้าใสแอบเหลือบขึ้นไปมองใบหน้าคมขาวจัดอย่างประเมินสถานการณ์ ก่อนจะรีบฟุบกลับหลบตาเมื่อเห็นว่าเขาจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว แต่มันแปลกที่อาการโมโหอย่างกับจะกินหัวเธอได้เมื่อสักครู่นี้ ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไป เธอแอบเห็นมันเจือไปด้วยแววอมยิ้มระคนขำซะด้วยซ้ำ… ทำไมนะ “ก็คุณจะต่อยฉัน” คนหน้าตาเหลอหลารีบพูดรัวๆ ตามที่ใจคิด “ผู้ชายต่อยผู้หญิงมันไม่เป็นสุภาพบุรุษ” เธอยังคงยืนยันเจตนารมณ์เดิม แต่คราวนี้เสียงอ่อยลงไปอย่างเห็นได้ชัด ได้ยินเสียงอีกฝ่ายทำเสียงฮึในลำคอแล้วตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว “แล้วผู้หญิงที่กำหมัดต่อยผู้ชายปาวๆ อย่างเธอมันเป็นสุภาพสตรีนักหรือไงล่ะ” คิ้วหนาข้างหนึ่งเลิกขึ้นเป็นเชิงถามด้วยท่าทางกวนประสาทสิ้นดี ผู้ชายอะไร ขี้ประชดประชัน เปลี่ยนอารมณ์เร็วเป็นบ้า “เกอะ...ก็” แต่พอเอาเข้าจริงก็พูดไม่ออก คือมันไม่ใช่วิถีทางของสตรีไทยจริงๆ นั่นล่ะ “จะเอะอะแทนคนอื่นไปทำไม ฉันไปปล้ำเธอหรือไง”เขาถอนหายใจ เค้นเสียงถามต่อไปไม่เลิก ถ้าผู้หญิงไม่เสนอมา คนอย่างเขาก็มีศักดิ์ศรีพอที่จะไม่สนองกลับไปหรอก ยัยบ๊อง “เกอะ…ก็ไม่” ร่างบางกระซิบเพียงแผ่ว บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงหน้าแดงจัดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ คิ้วเรียวขมวดมุ่น สับสนทั้งกับอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของทั้งตัวเองและคนตรงหน้า ก่อนจะก้าวถอยหลังลงไปแทบไม่ทัน เมื่อช่วงขายาวของใครอีกคนเริ่มสาวเท้าเข้ามาใกล้ “แล้วฉันบอกจะต่อยเธอหรือเปล่า” ภัทรพลแกล้งถามเสียงเข้มพลางสาวเท้าใกล้เข้าไปอีก ดวงตาเรียวคมหรี่ลงอย่างพอใจเมื่อเห็นเจ้าของร่างเล็กส่ายหัวยุ่ง ต่างกับดวงตากลมเริ่มมองซ้ายมองขวาสลับกันไปมา คงกำลังหาทางหนีทีไล่เต็มที่ “ฉันก็แค่…” คนตัวโตยังแกล้งต้อนให้อีกฝ่ายขยับถอยลงไปเรื่อยๆ ก่อนหยุดลงเมื่อร่างบางถอยไปจนชิดกำแพง แขนยาวยกขึ้นมาแตะมือขวาไว้กับกำแพงด้านหน้าจำกัดพื้นที่กั้นไม่ให้เธอไปไหน เห็นยัยแสบยิ่งตกใจ เขาก็ยิ่งอารมณ์ดี ยิ่งได้เห็นคอเล็กๆ สั้นๆ ของเธอย่นลงหงอลงไปอย่างไม่รู้ตัวด้วยแล้ว ขอบอกอีกครั้งว่า มันสะใจเป็นบ้า ต่างกับลลนาที่รู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ตามแบบฉบับผู้ชายที่เจือด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์นิดๆ ที่ลอยเข้ามากระทบจมูก ทำให้เธอไปต่อแทบไม่เป็น นี่เธอแพ้กลิ่นผู้ชายหรอเนี้ย เจ็บใจตัวเองเป็นบ้า ถ้ารู้อย่างนี้ แค่ต่อยหน้ามันยังน้อยไป ต้องทำให้เจ็บปวดแสนสาหัส เจี๋ยนทิ้งให้เป็นหมันไปเลยยิ่งดี จะได้ไม่มีอะไรเอาไว้ใช้สืบพันธุ์ !! ริมฝีปากบางยุกยิกสาปส่งคนตัวโตอยู่กับตัวเอง กลิ่นกายอ่อนๆ ที่ลอยมากระทบประสาทสัมผัสอีกครั้ง ทำให้ร่างบางได้แต่ยืนแข็งทื่อไม่ต่างจากถูกผีอำ เสียวสันหลังวาบขึ้นไปอีก เมื่อเสียงห้าวกล่าวออกมาเรียบๆ แถมมองมาด้วยตาวิบวับแบบแปลกๆ “อยู่นิ่งๆ “ โกรธเว้ย ขอย้ำอีกครั้งว่าโกรธ สาบานเลย ว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้อีกครั้ง จะไม่วูบสำนึกผิด และอีตาพี่ภัทรบ้าจะไม่มีโอกาสได้หน้าระรื่นลุกขึ้นมาสืบพันธุ์แพร่เชื้อกระจายลูกหลานได้อีกต่อไปแน่!! ป๊อก ความเจ็บหนึบตามมาหลังเสียงนั้น คนที่กำลังหลับตาปี๋ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาพลางยกมือขึ้นลูบๆ คลำๆ บริเวณหน้าผาก ก่อนเสียงหัวเราะดังลั่นของใครบางคนจะเรียกสติเจ้าของใบหน้าหมวยให้ค่อยๆ ช้อนตาขึ้นไปมองอีกครั้ง “ฮ่าๆๆ ” เสียงหัวเราะได้ยินยังคงดังต่อเนื่องไม่หยุด นี่ล่ะตัวการ ไอ้พี่ภัทรขี้เก๊ก กล้าดียังไงถึงได้มาดีดหน้าผากเขา จะให้พูดอีกกี่ครั้ง ว่าผู้ชายตัวโตๆ ไม่ควรรังแกผู้หญิง!! เจ้าของร่างเล็กขมวดคิ้วยุ่ง แยกเขี้ยวส่งค้อนวงโตกลับไปให้ มือก็ยังอดไม่ได้ที่จะยกขึ้นลูบๆ คลำๆ อยู่แต่แถวหน้าผากของตัวเอง ปากเล็กจิ้มลิ้มกำลังจะขยับเหมือนต้องการพูดอะไรออกไป แต่ถูกคนตัวโตขัดไว้ซะก่อน “ฮ่าๆๆ แค่การเอาคืนเล็กๆ น้อยๆ จากฉัน เข้าใจมั้ย ยัยแก้มยุ้ย” ว่าไม่พอ มือหนาทั้งสองข้างยังเอื้อมเข้ามาหยิกแก้มเธอแรงๆทั้งยังหัวเราะไม่เลิก ลลนาได้แต่ยกมือปัดป่ายสะบัดมือของใครอีกคนที่ยังดึงแก้มเธอไม่ยอมหยุดนั้นให้วุ่น เธอเกลียดๆๆ เกลียดอีตาพี่ภัทร หลายครั้งแล้วนะ เขามีสิทธิ์อะไรมาเรียกชื่อเธอว่า “แก้มยุ้ย” มันมีให้เฉพาะคนพิเศษในครอบครัวเรียก แต่เขาไม่ใช่ และเขาไม่มีสิทธิ์ !! ลลนาคิดอย่างโมโห มือบางกำแน่นเตรียมจะยกขึ้นมาปล่อยหมัดใส่คนตรงหน้าอีกครั้ง แต่คราวนี้คนตัวโตเหมือนจะรู้ทันเปลี่ยนจากการหยิกแก้มเอื้อมมือมารับไว้ได้ซะก่อน มือหนาอีกข้างกำลังยกขึ้นเตรียมดีดลงตรงหน้าผากบางอย่างไม่ยอมแพ้กลับไป ถ้าไม่ถูกเสียงใสที่ดังมาแต่ไกลขัดขึ้นซะก่อน “แพนด้า แกมาทำอะไรแถวนี้ เข้างานไปได้แล้วไป ไปช่วยฉันรับแขก” เสียงใสของเจ้าของร่างเล็กที่วันนี้สวยเป็นพิเศษในชุดเจ้าสาวเรียกให้ทั้งคนกำลังจะ “ขย้ำ” และ “ถูกขย้ำ” หลุดออกจากพะวงแห่งสงครามกำปั้นและมะดีด ทั้งคนตัวเล็กและตัวโตหันไปยังเจ้าของเสียงเรียกพร้อมกัน ว่าที่เจ้าสาวมองหน้าทั้งสองคนสลับกันไปมา ทำไมสองคนนี้มาอยู่ด้วยกันได้ แถมยังมีอารมณ์ต่างกันลิบลับ ยืนข้างกันซะเปล่า แต่คนหนึ่งนั้นก็คือยัยแพนด้าเพื่อนเธอทำหน้างอยังกับไม่พอใจใครมาเป็นชาติ ส่วนผู้ชายตัวสูงอีกคนกลับยืนเอามือล้วงกระเป๋าด้วยสีหน้าสบายๆ อมยิ้มน้อยๆ เหมือนกำลังถูกใจอะไรบางอย่างอย่างไรอย่างนั้น “เอ๊ะ นั่นพี่ภัทรไปทำอะไรมาคะ ทำไมมุมปากมันเขียวๆ ช้ำๆ อย่างนั้นล่ะ” นริศราถามอีกครั้งด้วยความสงสัย เห็นคนตรงหน้ายกมือขึ้นลูบมุมปากตัวเองนิดหน่อย ปรายตาไปมองคนข้างๆ อีกนิด ก่อนตอบออกมาด้วยท่าทางสบายๆ เหมือนเดิม “อ้อ ไม่มีอะไรหรอกค่ะเกด พี่ซุ่มซ่ามเดินชนประตูนิดหน่อย” ภัทรพลตอบไปด้วยรอยยิ้มขำๆ ปรายตาไปทางตัวต้นเหตุก็เห็นทำเป็นเนียนลอยหน้าลอยตาเหมือนไม่รู้เรื่อง หันมาทางว่าที่เจ้าสาวของน้องชายอีกที ก็เห็นเจ้าตัวเกาหัวแกร็กๆ พยักหน้าหงึกๆ เหมือนอารมณ์ประมาณว่า “ไม่เข้าใจแต่พยายามเข้าใจ” อะไรประมาณนั้น ก็น่ารักอย่างนี้ไงเล่ายัยตัวเล็ก ไอ้หมอน้องน้องชายของเขาถึงได้รักได้หลงหัวปลักหัวปลำขนาดนี้ ภัทรพลคิดพลางส่ายหน้าให้กับตัวเองยิ้มๆ แอบสะดุด เมื่อได้ยินเสียงจิ๊จ๊ะของใครบางคนดังขึ้นมากระทบประสาทหู “เกดคะ เกดขา น่าหมั่นไส้” ร่างบางยังคงเบ้ปากลอยหน้าลอยตาพูด เห็นท่าทางกวนประสาทขนาดนั้น ความจริงก็อยากจะดีดป๊อกซ้ำอีกซักที แต่พอมาคิดอีกที… ไม่ดีกว่า ต่อหน้าว่าที่น้องสะใภ้ เขาไม่เคยมีประวัติเสียหาย ถ้ายัยตัวเล็กรู้ว่าเขากับยัยเตี้ยแก้มยุ้ยแพนด้าขอบตาดำเพื่อนรักของเธอ แอบทั้งจิกทั้งกัดกันอยู่บ่อยๆ เวลาลับหลังเธอแล้วจะไม่สบายใจเอาซะเปล่าๆ ก็เธอเป็นคนในครอบครัวของเขา ยังไงก็ต้องดูแลจิตใจกันเป็นพิเศษ “อืม ไม่มีอะไรหรอกค่ะเกด แล้วออกมาทำอะไรตรงนี้ เข้าไปในงานดีกว่านะคะ เจ้าบ่าวตามหาตัวแย่แล้ว” ภัทรพลว่าพลางเดินไปแตะแขนน้องสะใภ้เบาๆ ให้เดินเข้าไปในงานด้วยกัน นริศราทำเพียงพยักหน้าหงึกหงักก่อนยอมเดินตามไปแต่โดยดี แล้วก็เพิ่งนึกขึ้นได้จึงหันมาเรียกเพื่อน “แล้วแกไม่เข้าไปพร้อมกันเหรอ เพื่อนมากันเยอะแล้วนะ” ถ้าตาไม่ฝาด เขาเห็นยัยแก้มยุ้ยตัวแสบยังทำปากบ่นงึมงำพึมพำอะไรไม่เลิก แต่พอเพื่อนหันมาเท่านั้นล่ะ กลับทำสีหน้าปกติสุขทันที สงสัยก็คงไม่อยากให้เพื่อนรู้เหมือนกัน “อือ เดี๋ยวฉันตามเข้าไป” เธอบอกพลางยิ้มให้เพื่อน นริศราพยักหน้ารับจากนั้นก็ยอมเดินหันหลังเข้าไปในงานแต่โดยดี เห็นอย่างนั้นเขาจึงจะเดินตามไปบ้าง แต่ก็ไม่วายหันไปมองยัยแก้มยุ้ยอีกครั้ง เธอเดินเข้ามาหา อยู่ห่างกันในระยะประมาณสองก้าว คงกะระยะดีแล้วว่าให้พูดกันพอได้ยิน และประโยคที่คุณเธอพูดออกมานั้น ก็เล่นเอาเขาทำหน้าไม่ถูกว่าควรจะปั้นหน้าเอาไว้ในอารมณ์ไหนดี “อย่าคิดนะว่าไม่มีใครรู้ ถ้าคิดจะตีท้ายครัวน้องชาย บอกไว้เลยว่ายัยยุ้ยคนนี้แหละจะขัดขวางให้ถึงที่สุด” เธอพูดแล้วสะบัดหน้าเดินออกไปเกาะแขนเพื่อนรัก ไม่วายยังหันมาแลบลิ้นปลิ้นตาให้อีกต่างหาก ไม่พอ ริมฝีปากบางยังงุบงิบออกมาอย่างไม่มีเสียง แต่จับใจความได้ว่า ไม่-มี-ทาง เฮ้ย ยัยบ้า ใครมันจะไปคิดอกุศลขนาดนั้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม