#เดย์เจ้าเอย 2
“ทำไมไม่โทรหา” พี่เดย์ที่ยืนอยู่ข้างรถเปิดประตูรถรอฉันและเอ่ยถามเสียงเข้มผสมกับความหงุดหงิด
“หนูทำเบอร์หาย” พอตอบไปตรง ๆ ก็ได้ยินเสียงถอนหายใจดังมาเฮือกใหญ่
“ขึ้นรถ” พี่เดย์บอกเสียงห้วน ฉันจะร้องไห้แล้วนะทำไมเขาถึงได้เย็นชาใส่ฉันแบบนี้ด้วยล่ะ หรือเขาลืมฉันไปแล้วเลยหงุดหงิดที่ต้องมารับแบบนี้
ตอนนี้ได้แต่นั่งตัวลีบอยู่ในรถ ไม่กล้าส่งเสียงรบกวนเจ้าของรถเลยสักนิด ใบหน้านิ่ง ๆ ของเขาทำให้ฉันเริ่มกลัว กลัวว่าเขาจะไม่ชอบใจที่ต้องมารับฉันแบบนี้ บางทีเขาอาจจะลืมฉันไปแล้วก็ได้เพียงแต่อาจจะเป็นคุณป้าที่ขอร้องให้เขามารับฉัน อ่า ไปไหนก็มีแต่ทำให้คนอื่นลำบากสินะยัยเจ้าเอย
“พักอยู่ไหน”
“คอนโด...”
“ไกลจัง” นั่นสิ ไกลขนาดนั้นเขายังต้องลำบากไปส่งอีก จากที่ดีใจและตื่นเต้นจะได้เจอพี่เดย์ตอนนี้หัวใจฉันมันห่อเหี่ยวไม่มีชิ้นดีเลยล่ะ ฉันจะหวังอะไรจากคนที่ไม่เจอกันมาสิบกว่าปีนะ
“กินข้าวหรือยัง”
“กินแล้วค่ะ” ฉันโกหกล่ะ ความจริงฉันยังไม่กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า แต่ที่บอกว่ากินแล้วเพราะกลัวเขาจะลำบากแวะร้านสะดวกซื้อให้แค่นั้นแหละ เดี๋ยวรอกลับไปถึงคอนโดแล้วฉันค่อยเดินไปร้านสะดวกซื้อเองก็ได้
“พรุ่งนี้เรียนกี่โมง” เขายังถามต่อด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ เหมือนเดิม
“เก้าโมงครึ่งค่ะ”
ตอบเสร็จแล้วเขาก็เงียบไป พอเขาเงียบฉันก็เงียบตามกระทั่งเขาขับรถมาถึงคอนโดที่ฉันพักอยู่ พี่เดย์เลี้ยวรถเข้าไปจอดที่ช่องจอดรถก่อนจะเปิดประตูรถลงไปด้วยท่าทีสบาย ๆ แต่ฉันนี่สิไม่เข้าใจเขามาก ๆ
“เอ่อ ขอบคุณที่มาส่งนะคะ แล้วก็ขอโทษด้วยที่รบกวนแบบนี้” ฉันหอบหิ้วกระเป๋าและของตัวเองมาถือไว้ก่อนจะถอยหลังห่างจากคนที่มาส่งเมื่อเขากำลังใช้สายตาที่ดูน่ากลัวนั่นจ้องมองฉัน
“ขึ้นห้องเอาของไปเก็บก่อน จะพาไปกินข้าว” เขาบอกแค่นั้นก่อนจะใช้สายตาจ้องฉันจนฉันต้องเดินเข้าไปในตัวคอนโดโดยมีเขาเดินตามหลังมาด้วย
เมื่อลิฟต์เปิดออกตรงชั้นที่ฉันพักก็ไม่รีรอที่จะก้าวออกมา คนตัวสูงกว่าก็ยังก้าวตามหลังมาเงียบ ๆ เมื่อถึงหน้าห้องพักฉันก็เกิดอาการลังเลไม่รู้จะบอกให้เขากลับไปยังไงนี่มันจะสองทุ่มด้วยแล้วกลัวว่าเขาจะต้องขับรถไกล
“เปิดประตู”
“คือ...”
“อะไร?”
“เปล่าค่ะ” ได้แต่เปิดประตูห้องพักแล้วปล่อยให้แขกที่ไม่ค่อยเต็มใจเชิญเดินเข้าห้องอย่างกับห้องตัวเอง ห้องฉันไม่ได้หรูหราหรอกเปิดมาก็เจอกับเคาน์เตอร์ห้องครัวเล็ก ๆ มีโต๊ะเก้าอี้ชุดหนึ่งเดินลึกเข้าไปก็จะเจอกับโซฟาและทีวีประตูระเบียงห้อง อีกประตูเป็นประตูห้องนอนที่ตอนนี้ของก็ยังไม่ได้จัด ของยังอยู่ในกล่องและกระเป๋าเดินทางอยู่เลย
“เอาของไว้จะพาออกไปกินข้าว” พี่เดย์เอ่ยบอกอีกครั้งเมื่อเขาเดินสำรวจห้องพักจนพอใจ ฉันเอากระเป๋าไปวางบนเตียงรวมถึงสิ่งของอื่น ๆ ที่ถืออยู่ในมือ
พี่เดย์พาเดินไปที่หน้าคอนโดที่มีร้านอาหารเรียงรายอยู่เต็มไปหมด เขาเลือกร้านอาหารตามสั่งที่คนไม่ค่อยเยอะให้จากนั้นก็สั่งอาหาร ฉันที่ยังไม่รู้จะกินอะไรได้แต่นั่งนิ่งที่สำคัญฉันโกหกเขาไปด้วยไงก่อนหน้านี้ว่ากินข้าวแล้ว
“เอาโทรศัพท์มานี่” พี่เดย์แบมือมาตรงหน้าฉัน คำสั่งที่ฟังดูห้วน ๆ นั้นทำเอาฉันทำหน้าไม่ถูก ไม่เข้าใจทำไมต้องดุด้วย
“เอาโทรศัพท์มาครับ” ฉันวางโทรศัพท์ตัวเองลงบนมือเขาก่อนจะเสมองออกไปหน้าร้าน แม้ในใจจริง ๆ อยากจะจ้องพี่เดย์ขนาดไหนแต่ท่าทางเฉยชาของเขาทำให้ฉันเลือกที่จะไม่มองฉันกลัว กลัวว่าเขาไม่ได้คิดเหมือนกัน
“มีเพื่อนแล้วกี่คน” จู่ ๆ เขาก็ถามขึ้นมา
“สองคนค่ะ” อาหารถูกยกมาวางบนโต๊ะมีเพียงกับข้าวสามอย่างและตามด้วยข้าวสวยสองจาน
“ผู้หญิงหรือผู้ชาย” คราวนี้อดที่จะมองเขาไม่ได้จริง ๆ เขาขยับปากถามทั้งที่มือและสายตากำลังจดจ้องไปที่หน้าจอโทรศัพท์ฉัน
“ทั้งสองค่ะ”
“อือ กินข้าวเถอะ เมมเบอร์เพื่อนให้หมดแล้วนะเผื่อโทรมาแล้วไม่ได้รับ ก็ลองสุ่มโทรเบอร์พวกนี้ดูบอกพวกมันไว้แล้ว” เบอร์เพื่อนเขาอย่างนั้นเหรอ?
“ไม่รู้ว่ากินเผ็ดได้ไหม เลยสั่งรสไม่จัดให้น่ะ” ฉันกินเผ็ดได้นะ ส้มตำที่นู่นฉันยังกินได้เลยไม่อยากจะอวด
“มีอะไรก็โทรมาเข้าใจไหม โทรศัพท์ก็ต้องใส่รหัสพี่ทำให้แล้วรหัสวันเกิดกับเดือนเกิดเรา” แต่เขาจำได้ด้วยเหรอ วันเกิดฉันน่ะ
“ค่ะ” หลังจากกินข้าวเสร็จพี่เดย์ก็เดินไปส่งถึงหน้าห้องและแน่นอนว่าเขาย้ำเรื่องการเปิดปิดประตู ใครแปลกหน้ามาเคาะห้ามเปิดถ้าไม่ใช่เขาก็ห้ามเปิดล็อกประตูระเบียงดี ๆ แล้วก็อะไรไม่รู้อีกเยอะแยะมากมาย พอเขากลับไปฉันก็เริ่มจัดของอีกครั้ง กว่าทุกอย่างจะลงตัวก็เกือบเที่ยงคืน
ด้วยความที่ของไม่ได้เยอะอะไรมากทำให้ใช้เวลาในการจัดไม่นานเสื้อก็ไม่ได้เยอะเมื่อเคลียร์ทุกอย่างเสร็จฉันก็ทำความสะอาดห้องอีกนิดหน่อยก่อนจะอาบน้ำเตรียมนอน
แต่ความรู้สึกมันแปลกนะเป็นการอยู่คนเดียวที่ความรู้สึกบอกว่าไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียว ความกลัวเริ่มเกาะกุมความรู้สึกฉันจนต้องเปิดไฟในห้องไว้ ก่อนจะหยิบสิ่งที่เยียวยาความเหงาในใจฉันขึ้นมาดูอย่างเช่นทุกคืน
“จะยังจำได้ไหมนะหรือลืมไปแล้ว” ฉันพึมพำถามตัวเองมือก็ลูบกรอบรูปที่ทำจากไม้ไอศกรีมแบบที่เด็ก ๆ ทำ เป็นกรอบรูปที่ฉันไม่กล้าเอารูปใส่และเป็นสิ่งที่ฉันต้องมองเห็นทั้งก่อนนอนและหลังตื่นนอน ของขวัญวันเกิดจากเขาเมื่อฉันอายุห้าขวบ
“พี่จะจำได้ไหมนะ”
พี่จะรออย่างที่หนูรอไหมพี่เดย์