กลับถึงบ้านจงเป่าเปาก็รีบจัดการตัดกระดาษ โดยการตัดเป็นแผ่นๆ แน่นอนว่าผู้ตัดย่อมเป็นท่านตา และให้ท่านตาเจาะรูร้อยเชือกเพื่อทำเป็นเล่มให้ด้วย
จงฮุ่ยชิวทำตามคำสั่งของหลานสาวโดยไม่เอ่ยสิ่งใด ส่วนอันเจียอีกำลังเตรียมของเพื่อทำขนมไปขายในวันพรุ่งนี้
“ท่านตาเจ้าคะ เป่าเปาอยากขึ้นเขาไปเก็บผิงกั่วอีกเจ้าค่ะ” เด็กน้อยตัวกลมตอนนี้กำลังนอนราบคว่ำหน้าไปกับแคร่ ในมือถือถ่านที่เหลาจนแหลม ขีดเขียนบางอย่างลงบนกระดาษ ขาก็สลับกันขึ้นลง
“เจ้าจะเอามาหมักหรือ” เขารู้ว่าขนมแพนเค้กที่อร่อยๆ นั้น ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะผิงกั่วที่หลานสาวของตนนำมาหมัก ไม่ใช่ว่าเขากับภรรยาไม่สงสัยในตัวหลานสาวผู้นี้ แต่ในเมื่อนางทำแล้วมีความสุขไม่ได้เดือดร้อนใคร ก็ปล่อยให้นางทำไปเถิด
“ใช่เจ้าค่ะ ถ้าหมดจะทำแพนเจ้กไม่ได้” ทำแพนเค้กไม่ได้ ก็ไม่มีของขาย ไม่มีของขายก็ไม่มีเงิน เป่าเปาปวดใจยิ่งนักถ้าไม่มีเงิน
“เช่นนั้นวันพรุ่งพวกเราไปขายขนม อีกวันเราหยุดพักขึ้นเขาไปเก็บผิงกั่วกันดีหรือไม่” จงฮุ่ยชิวกล่าว
จงเป่าเปาขมวดคิ้วครุ่นคิด กำลังคำนวณผลได้ผลเสีย แต่ก็เห็นด้วยกับท่านตา เราควรมีวันพักบ้าง เมื่อได้คำตอบให้ตนเองแล้วก็พยักหน้ารับ “เจ้าค่ะ”
“แล้วนั่นเสี่ยวเป่าเปากำลังทำสิ่งใด” เห็นนางขีดๆ เขียนๆ สักพักก็ยื่นถ่านมาให้เหลา อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
“เสร็จแย้วเจ้าค่า” จงเป่าเปาหยิบกระดาษขึ้นมาชูให้ท่านตาดู ในกระดาษมีรูปขนมแพนเค้กวางซ้อนๆ กันอยู่ในจาน ถึงแม้จะมีเพียงแค่สีดำของถ่าน แต่กลับสวยงามยิ่ง ด้านล่างมีตัวอักษรเขียนว่า ‘ขนมแพนเค้ก’
เหตุผลที่จงเป่าเปาทำป้ายหน้าร้าน อันเนื่องมาจากจงเป่าเปาพูดไม่ชัดนั่นเอง จากแพนเค้กจึงเป็นแพนเจ้ก ทุกคนจึงเข้าใจว่ามันคือขนมแพนเจ้ก ท่านตากับท่านยายก็ไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะบอกกับทุกคนว่ามันเรียกว่า ขนมแพนเค้ก ไม่ใช่ แพนเจ้ก จึงได้ปล่อยเลยตามเลย แต่จงเป่าเปาไม่อยากให้ทุกคนเข้าใจผิด จึงต้องทำป้ายหน้าร้านเช่นนี้
“ไอหยา เสี่ยวเป่าเปาของตาช่างเป็นเด็กที่วิเศษยิ่ง” ผู้เป็นตายิ้มหน้าบานเท่าชามข้าว ไม่ว่าจะเป็นการคัดอักษร คำนวณ วาดภาพ หลานสาวเขาช่างมีพรสวรรค์จริงๆ ไม่มีใครสอนสั่งแต่นางก็ทำได้ด้วยตนเอง ถึงแม้จะสงสัยแต่ไม่อยากถามให้นางลำบากใจ
“คิกคิก เป่าเปาจะเอาไปติดหน้าย้านเจ้าค่ะ”
แค่หลานสาวพูดเพียงเท่านี้ เขาก็เข้าใจแล้ว ไม่อยากให้ใครเรียกชื่อขนมผิดสินะ
“ได้ๆ เดี๋ยวตาจะทำไม้ติดป้ายให้เสี่ยวเป่าเปาเอง” จงฮุ่ยชิวยื่นสมุดที่ทำเสร็จแล้วให้หลานสาว และรับแผ่นกระดาษป้ายร้านมาแทน เพื่อจะทำแผ่นไม้ติด
จงเป่าเปารับสมุดมา จัดการบันทึกรายรับรายจ่ายทันที เริ่มจากเมื่อวานขายได้ 650 อีแปะ วันนี้แพนเค้ก 300 ชิ้น ไม่ราดน้ำผึ้งขายได้ 120 ชิ้น เป็นเงิน 360 อีแปะ ราดน้ำผึ้งขายได้ 160 ชิ้น เป็นเงิน 640 อีแปะ โอ้โห วันนี้ขายได้ 1,000 อีแปะ หรือ 1 ตำลึงเงินเชียวหรือ รวม 2 วัน ขายได้ 1 ตำลึงเงิน 650 อีแปะ ไม่รวยวันนี้ก็ไม่รู้จะรวยวันไหนแล้วเป่าเปาเอ๋ย
แต่ถัดจากบรรทัดรายได้ ก็เป็นรายจ่าย เขียนไปก็เจ็บปวดไป ถึงแม้สรุปสุดท้ายจะเหลือกำไรถึง 1 ตำลึงเงินก็ตาม
มื้อเย็นของทั้งสามเป็นข้าวต้มหมูใส่ไข่ เป่าเปากินไปถึง 2 ถ้วยเลยทีเดียว ยิ่งสร้างความสุขให้สองผู้เฒ่าเป็นอย่างมาก เพราะเขาไม่อยากเห็นพุงน้อยๆ ของหลานสาวเล็กลง การที่นางกินเยอะๆ แบบนี้ดีแล้ว
“ยายเฒ่า แล้วเรื่องขนมที่แม่นางเหล่านั้นแนะนำให้เจ้าทำเพิ่ม เจ้าจะทำหรือไม่” ระหว่างนั่งย่อยอาหารก็สอบถามภรรยาไปด้วย
“ข้าคิดว่าทำเพียง 300 ชิ้นก่อน พวกเราทำกันเอง ถ้าทำเยอะเกินไปข้ากลัวว่าจะไม่ไหว” อันเจียอีกล่าว
“ข้าเห็นด้วยกับเจ้า อีกอย่างข้าคิดว่าอีกไม่นานคงมีร้านค้าทำเลียนแบบเรา ไม่รู้ตอนนั้นจะยังขายดีเช่น 2 วันที่ผ่านมาหรือไม่” ถึงแม้ขนมของเขาจะมีสูตรลับอยู่ก็ตาม แต่อะไรๆ ก็ไม่แน่นอน
“ถึงตอนนั้นเป่าเปาจะให้ท่านยายทำขนมชนิดใหม่เจ้าค่ะ” เด็กน้อยตัวกลมพูด ทั้งๆ ที่ยังมีถังหูลู่อยู่เต็มปาก
“กลืนก่อนค่อยพูด” อันเจียอีเอ่ยเสียงดุ แต่ไม่ได้ดุจริงจังอันใด
“คิกคิก เป่าเปาโดนท่านยายดุด้วยเจ้าค่ะท่านตา” จะมีเด็กคนไหนบ้างที่โดนดุแล้วยังหัวเราะออกมาได้อีก ถ้าเป็นบ้านอื่นคงร้องไห้ขี้มูกโป่งไปแล้ว
“เพราะท่านยายรักเจ้าอย่างไรเล่า ท่านยายจึงดุเจ้า” จงฮุ่ยชิวกล่าว
“เพราะท่านยายยักข้าหยือเจ้าคะ” เด็กน้อยเอียงคอถามด้วยดวงตาสุกใส
“ใช่” ผู้เป็นตากล่าวยืนยัน
“เช่นนั้นท่านยายก็ต้องรักท่านตามากๆ ใช่หยือไม่เจ้าคะ” เด็กน้อยถามต่อ
“เหตุใดถามเช่นนั้นเล่า” ผู้เป็นตาไม่เข้าใจที่หลานสาวถาม แต่ผู้เป็นยายกำลังกลั้นขำสุดชีวิต
“ก็ท่านยายดุท่านตาทุกวันเยยเจ้าค่ะ”
จบประโยคนี้อันเจียอีก็ไม่สามารถกลั้นขำได้อีกต่อไป ต่างจากจงฮุ่ยชิวที่กล่าวสิ่งใดไม่ออกไปชั่วขณะ
“ใช่ไหมเจ้าคะ ท่านยายยักท่านตามากใช่หยือไม่เจ้าคะ”
ยัง ยังไม่หยุดอีก จงฮุ่ยชิวคิด
“ใช่ๆ ยายรักตาเจ้ามาก”
“คิกคิก เป่าเปาชอบให้ทุกคนยักกันเจ้าค่า” เด็กน้อยที่นั่งห้อยขา แกว่งขาไปมา ในมือถือถังหูลู่ส่งเข้าปาก ยิ้มอย่างมีความสุข นางชอบบรรยากาศแบบนี้ บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสุข ความอบอุ่น
เพียงแค่เด็กน้อยมีความสุข ผู้เฒ่าทั้งสองก็มีความสุขแล้ว ทั้งสองคิดตรงกันว่า จงเป่าเปาคือส่วนที่มาเติมเต็มคำว่าครอบครัว ถึงแม้จะไม่ได้เป็นพ่อกับแม่ แต่การเป็นตากับยายก็ดีไม่ต่างกัน โชคดีจริงๆ ที่วันนั้นตัดสินใจที่จะเลี้ยงดูนางแทนการปล่อยนางทิ้งไว้ในป่าเพียงลำพัง
วันนี้ก็ยังมีลูกค้ามารอแม่ค้าก่อนอีกแล้ว เมื่อเห็นแม่ตัวตัวน้อยก็รีบเข้าแถวทันที
“โอ๊ะ มากันเย็วมากๆ เยยเจ้าค่ะ” เสียงเล็กๆ จากร่างเล็กทักทายลูกค้า
“ข้ากลัวจะมาซื้อไม่ทันจึงต้องรีบมาอย่างไรเล่า” ลูกค้าคนที่หนึ่งเอ่ยตอบ
“ข้าตั้งแผงสักครู่ขอรับ” จงฮุ่ยชิวไม่คิดว่าจะมีลูกค้ามายืนรอมากมายถึงเพียงนี้ จนต้องรีบตั้งแผงเพื่อที่ลูกค้าจะได้ไม่ต้องรอนาน
“ข้าช่วยขอรับ” พี่ชาย 2-3 คนเดินเข้ามาช่วยตั้งแผง
“ขอบคุณขอรับ” จงฮุ่ยชิวกล่าว
“ไม่เป็นอันใดขอรับ ท่านตั้งแผงเสร็จไวพวกข้าก็จะได้ซื้อขนมไวขึ้นขอรับ” ไม่ใช่ว่ายืนรอนานหรือจะรอไม่ไหวรอกนะ แต่พวกเขาอยากจะกินขนมไวๆ ต่างหากเล่า แค่คิดก็หิวแล้ว
“ขอบคุงพี่ชายเจ้าค่ะ” แม่ค้าตัวน้อยขวัญใจลูกค้าทั้งหลายกล่าวขอบคุณเสียงใส “เป่าเปาขอแจ้งว่าวันพรุ่งย้านหนมหยุด 1 วันเจ้าค่ะ” เพื่อที่วันพรุ่งนี้ลูกค้าจะได้ไม่มารอเก้อ จึงถือโอกาสแจ้งตอนนี้เสียเลย
หลายคนเสียดายที่วันพรุ่งนี้จะไม่ได้กินขนมอร่อยๆ แต่ก็ไม่เอ่ยสิ่งใด ให้พวกนางได้พักบ้างก็ไม่แปลก แต่แค่วันเดียวก็พอนะ มากกว่านี้พวกเขาไม่ยอมหรอกนะ
“แพนเจ้กราคาเท่าเดิมเจ้าค่า พี่ฉาวเอาเท่าไหร่เจ้าคะ” เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแม่ค้าตัวน้อยก็เริ่มทำงาน
“พี่สาวเอาอย่างละ 5 ชิ้น”
“เจ้าค่ะ” จงเป่าเปาหันไปรับขนมจากท่านยายมาส่งให้
“หืม ชื่อขนมแพนเค้กหรือ พี่สาวคิดว่ามันชื่อขนมแพนเจ้กเสียอีก” หญิงสาวคนแรกเอ่ย ทำให้หลายคนเพิ่งสังเกตป้าย
“คิกคิก เป่าเปาพูดไม่ชัดเจ้าค่ะ มันชื่อขนมแพนเจ้กตามป้านเยยเจ้าค่ะ” จงเป่าเปาชี้แจง
เหล่าลูกค้าพยักหน้าเข้าใจ
จนมาถึงลูกค้าคนสุดท้ายที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“พี่ฉาวฟางซิน ย้องไห้เหยอเจ้าคะ” เด็กน้อยเอียงคอถามด้วยความสงสัย
“ก็ข้าคิดว่าจะไม่ได้กินขนมแล้วนะสิ” วันนี้นางตื่นสาย มาถึงร้านแถวก็ยาวเสียแล้ว กลัวว่าจะไม่ได้กินอีก ถ้าไม่ได้กินนางจะร้องจริงๆ นะ
“แพนเจ้กยังเหยือเจ้าค่ะ โอ๋ๆ ไม่ย้องนะเจ้าคะ” ภาพที่เห็นตรงหน้ากลายเป็นเด็กน้อยวัย 3 หนาว กำลังปลอบเด็กหญิงวัย 8 หนาว
“ข้าเหมาหมดเลย เอาราดน้ำผึ้งนะ”
ถึงแม้จะบอกว่าเหมาหมด แต่หลานฟางซินก็ได้มาเพียงแค่ 2 ชิ้นเท่านั้น แล้วมันจะไปพอได้อย่างไรกันเล่า!