“คิกคิก” จงเป่าเปามองดูท่าทางนั้นของหลานฟางซินด้วยความขบขัน
“เป่าเปาน้อยหัวเราะพี่สาวเหรอ”
“คิกคิก เดี๋ยวเป่าเปามานะเจ้าคะ” กล่าวจบก็เดินไปที่ตะกร้าใบหนึ่ง เปิดตะกร้าและหยิบกล่องออกมา “หนมของพี่ฉาวเจ้าค่ะ”
หลานฟางซินมองกล่องนั้นด้วยความมึนงง “อะไรหรือ”
“โดนัทเจ้าค่ะ เป่าเปาเก็บไว้ให้พี่ฉาว” เด็กน้อยยิ้มแฉ่งอวดฟันขาว
เมื่อได้ยินคำตอบหลานฟางซินก็รีบยื่นมือไปรับกล่องนั้นมาถือไว้ทันที ได้มาแล้วก็เปิดออก มีโดนัทหลายสิบชิ้นอยู่ในนั้น
“ให้พี่สาวหรือ” หลานฟางซินยิ้มจนตาหยี
“ใช่เจ้าค่ะ เป่าเปาเก็บไว้ให้พี่ฉาว” นางเก็บไว้ให้หลานฟางซินจริงๆ คิดไว้แล้วว่าถ้าวันนี้พี่สาวไม่มา ก็จะนำไปให้ที่จวนด้วยตนเอง
“ของซื้อของขายจะมาให้เฉยๆ ไม่ได้หรอกนะ เดี๋ยวพี่สาวให้เงิน” หลานฟางซินกำลังจะหยิบถุงเงินข้างเอวมาจ่ายค่าขนม แต่ก็โดนเด็กน้อยห้ามเอาไว้เสียก่อน
“ไม่เอาเจ้าค่ะ เป่าเปาอยากตอบแทนที่พี่ฉาวช่วยเป่าเปาเจ้าค่ะ”
“ก็ได้ๆ คิกคิก ขอบใจเป่าเปาน้อยมากนะ” หลานฟางซินกอดกล่องขนมไว้แน่น “วันพรุ่งนี้มาขายหรือไม่”
“มาเจ้าค่ะ”
“ได้ๆ วันพรุ่งนี้พี่สาวจะมารอซื้อขนมของเป่าเปาน้อยนะ”
“ขอบคุงพี่ฉาวเจ้าค่ะ วันนี้เป่าเปากลับก่อนนะเจ้าคะ" ท่านตากับท่านยายเก็บแผงเสร็จแล้ว นางจึงเอ่ยลาหลานฟางซิน
“ไปซื้อเกวียนวัวกันเย้ยยย” เมื่อหลานฟางซินจากไปแล้ว จงเป่าเปาก็เดินกลับมาหาท่านตาท่านยาย
สองผู้เฒ่าได้แต่ส่ายหัวให้กับหลานสาวผู้อยากใช้เงินจริงๆ แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ย่อมตามใจนางอยู่ดี
วัว 2 ตัว กับเกวียนเทียม 1 เล่ม ทำให้ครอบครัวจงหมดเงินไปหลายสิบตำลึงเงินเลยทีเดียว สองผู้เฒ่าตกใจกับจำนวนเงินที่เสียไป แต่เด็กน้อยกลับดีใจที่มีเกวียนวัวเป็นของตนเองแล้ว ต่อไปก็ไม่ต้องนั่งเบียดกับผู้อื่น จะขนของมาขายมากเท่าใดก็ย่อมได้
หึหึ
ท่าทางกอดอก ยืนยิ้ม พยักหน้าคนเดียวของเด็กน้อย ทำให้สองผู้เฒ่าหันหน้ามองกันโดยไม่ได้นัดหมาย ไม่รู้ในหัวสมองน้อยๆ นั้น กำลังคิดสิ่งใดอยู่อีก
วันนี้ครอบครัวจงกลับถึงหมู่บ้านเร็วกว่าทุกวัน เนื่องจากไม่ต้องซื้อของเพราะซื้อมาตุนไว้เสียมากมายแล้ว อีกทั้งยังไม่ต้องรอเกวียนรับจ้างอีกด้วย จงเป่าเปาจึงนั่งหลังตรงเชิดหน้าขึ้นน้อยๆ ชาวบ้านที่เห็นต่างก็ชี้มือชี้ไม้ให้ผู้อื่นๆ ดู
“ไอหยา บ้านจงช่างร่ำรวยเสียจริง มีเงินซื้อเกวียนวัวด้วย” ชาวบ้านคนที่หนึ่งกล่าว ถึงแม้จะเป็นเกวียนวัว แต่พวกเขาก็รู้ว่ามันแพงไม่ใช่น้อย
“ก็ได้เงินจากเรื่องคราวนั้นตั้ง 2,000 ตำลึงเงินเชียวนะ ซื้อเกวียนวัวแค่นี้จะนับเป็นอะไรได้” ชาวบ้านคนที่สอง
“ใช่ๆ ให้หลานเจ็บตัวนิดๆ หน่อยๆ แต่ได้เงินมากมายขนาดนั้น ช่างน่าอิจฉาเสียจริง” ชาวบ้านคนที่สาม
“พวกเจ้าช่างพูดมากเสียจริง ถ้าอยากได้เงินเยอะๆ ก็ลองเอาบุตรสาวบุตรชายของพวกเจ้าไปให้คนพวกนั้นรังแกเสียเลยสิ จะได้รวยอย่างบ้านจง” ภรรยาท่านผู้นำที่นั่งฟังมาสักพักแล้วเอ่ยขึ้นอย่างทนไม่ได้
“เรื่องอะไรข้าจะต้องให้ลูกข้าเจ็บตัวด้วยเจ้าคะ”
“ขนาดเจ้ายังไม่กล้าทำ แล้วเจ้าคิดว่าบ้านจงจะทำเช่นนั้นหรือ” เจอประโยคนี้ของภรรยาท่านผู้นำหมู่บ้านเข้าไป หญิงชาวบ้านแต่ละคนจึงได้เงียบปากลง
ผู้ไม่ถูกนินทานั้นไม่มี บางคนตายไปแล้วยังถูกนินทา นับประสาอะไรกับคนเป็น ใช่ว่าชาวบ้านทุกคนจะชอบบ้านจงเสียเมื่อไหร่ มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด มีคนริษยาเป็นเรื่องปกติของมนุษย์
ครอบครัวจงที่เป็นประเด็นให้ผู้คนพูดถึงกลับไม่ได้รับรู้อันใดเลย มาถึงบ้านก็ช่วยกันขนของลงจากเกวียนเพื่อนำไปล้างทำความสะอาด ส่วนจงฮุ่ยชิวจูงวัว 2 ตัวไปผูกไว้ให้พวกมันกินหญ้า
“ท่านตาเจ้าขา ท่านยายเจ้าขา พวกเยาขึ้นเขากันดีหยือไม่เจ้าคะ” กลับมาถึงบ้านเร็วก็ไม่รู้จะทำอันใด จึงลองชวนสองผู้เฒ่าขึ้นเขา
“จะไปเก็บผิงกั่วหรือ คราวก่อนที่เก็บมาไม่พอหรือ” อันเจียเอ่ยถาม
“ยีสต์ทำไว้เยอะๆ ย่อมดีเจ้าค่ะท่านยาย แต่วันก่อนเป่าเปาเห็นต้นอะไยไม่ยู้แว๊บๆ จึงอยากยองไปดูเจ้าค่ะ”
“ได้ๆ งั้นขึ้นเขากัน” ท่านตาผู้ตามใจหลานสาวเอ่ยขึ้น เขาก็อยากรู้ว่าต้นที่หลานสาวบอกมันคือต้นอะไร เพราะหลานสาวของเขาไม่ใช่เด็กธรรมดา ทุกอย่างที่นางบอกจะกลายมาเป็นเงินเป็นทองให้กับพวกเขา
หลานเขาคืออัจฉริยะ!
หลานเขาคือยอดคน!
เมื่อได้ข้อสรุปทั้งสามคนก็เตรียมตัวขึ้นเขา พวกเขามีรถเข็นแล้วด้วยนะ จึงนำของทุกอย่างใส่รถเข็น วางรถเข็นไว้ที่ตีนเขา จากนั้นก็สะพายตะกร้าเดินขึ้นเขาต่อไป
“ต้นที่เสี่ยวเป่าเปาบอกมันอยู่ตรงไหนหรือ”
จงเป่าเปาหันซ้ายหันขวา ยกนิ้วชี้ไปตรงจุดที่ทำเครื่องหมายไว้ “ตรงนั้นเจ้าค่ะ”
จงเป่าเปาเดินนำสองผู้เฒ่าไปยังทิศทางที่ชี้บอกเมื่อครู่นี้ ขอให้เป็นต้นที่คิดไว้ด้วยเถิด สาธุ เด็กน้อยอยากจะยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัว ภาวนาให้เป็นต้นที่นางคิด
เมื่อมาถึงจุดที่ทำเครื่องหมายไว้ และได้เห็นต้นไม้นั้นที่ขึ้นอยู่มากมายหลายหมู่ชัดๆ จงเป่าเปาก็กรี๊ดร้องออกมา
กรี๊ดดดดดด
เสียงกรี๊ดของเด็กน้อยทำให้สองผู้เฒ่ารีบเดินเข้ามาหา เห็นจงเป่าเปากระโดดหมุนตัวไปรอบด้วยความดีใจ
“ท่านตา ท่านยาย ดูสิเจ้าค่ะ ต้นนั้นๆ”
จงฮุ่ยชิวกับอันเจียอีมองไปยังต้นไม้ที่หลานสาวชี้ ทั้งเขาและชาวบ้านย่อมเคยเห็นต้นไม้นี้มาก่อน เพียงแต่เมื่อเก็บไปประกอบอาหาร ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร จากนั้นจึงไม่มีใครเก็บมันไปอีก ลักษณะของมันบางต้นก็สูงหลายจั้ง มีผลทรงรียาวห้อยตามกิ่งและลำต้น ผิวขรุขระ
“เสี่ยวเป่าเปาต้นนั้นไม่มีใครเขาเก็บหรอกนะ” จงฮุ่ยชิวบอกหลานสาว
“ทำไหมหยือเจ้าคะ” นางเอียงคอถามด้วยความสงสัย
“มันเอาไปทำอาหารไม่ได้อย่างไรเล่าเสี่ยวเป่าเปา” อันเจียอีไขข้อสงสัยของหลานสาว
“คิกคิก” ได้ยินคำตอบก็ปิดปากหัวเราะ
“เหตุใดจึงหัวเราะเล่า”
“ต้นนี้คือสุดยอดความอาหย่อยเยยนะเจ้าคะท่านยาย”
“สุดยอดความอร่อยหรือ?” อันเจียอียังไม่เข้าใจว่ามันจะอร่อยอย่างไร
“ใช่เจ้าค่ะ” ในเมื่อไม่มีใครรู้จัก เช่นนั้นนางจะเป็นผู้บุกเบิกเอง ก้อนเงิน ก้อนทอง กำลังลอยมาหานางแล้ว คิกคิก
“เสี่ยวเป่าเปาของตา เจ้าช่วยบอกตาได้หรือไม่ว่ามันคือต้นอะไร”
“ได้เยยเจ้าค่ะ ต้นนี้ก็คือ ‘ต้นโกโก้’ เจ้าค่ะ”