จงฮุ่ยชิวกับอันเจียอีต้องการพาหลานสาวกลับไปรักษาตัวต่อที่บ้าน แต่ท่านหมอผู้เฒ่าต้องการให้เด็กน้อยพักอยู่ที่นี่เพื่อดูอาการก่อน เพราะกลัวว่าเด็กน้อยจะมีไข้ขึ้นมากลางดึก แต่พวกเขาเกรงใจไม่กล้ารบกวน จนหลานเฟยหรงต้องเอ่ยอนุญาต พวกเขาจึงได้พักอยู่ที่นี่ 1 คืน
ตั้งแต่หลับไปจงเป่าเปารู้สึกตัวขึ้นมาเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น นางได้รับยาขมเข้าไป จากนั้นก็หลับต่อ
และก็เป็นอย่างที่ท่านหมอผู้เฒ่าบอก ตกดึกจงเป่าเปาตัวร้อนเหมือนไฟ สองผู้เฒ่าต้องช่วยกันดูแล ยังมีท่านหมอผู้เม่าที่คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง เด็กน้อยนอนละเมอจนอันเจียอีต้องเข้าไปกอด ลูบหลัง ลูบไหล่ เพื่อปลอบนาง แขกของจวนหลานอ๋องไม่ได้นอนพักเลยตลอดทั้งคืน
จนรุ่งเช้าเด็กน้อยในอ้อมกอดของท่านยายก็ขยับตัวยุกยิกๆ ลืมตาขึ้นมา คนแรกที่ได้เห็นก็คือท่านยาย เมื่อรู้ว่าตนเองอยู่ในอ้อมกอดของท่านยายก็หลับตาซุกหน้าเข้าหาไออุ่น
เจ็บจัง รู้สึกว่าตามร่างกายจะร้าวระบมไปหมด
“ท่านยาย” จงเป่าเปาเพียงแค่เอ่ยขึ้นมาเบาๆ แต่คนที่กอดนางอยู่กลับได้ยินเต็มสองหู รีบลุกขึ้นมานั่งอย่างไว
“เสี่ยวเป่าเปาเจ้ารู้สึกตัวแล้ว” ผู้เป็นยายน้ำตาคลอ
“ฮึก ท่านยาย ข้าเจ็บ” จงเป่าเปาโถมตัวกอดท่านยาย ขออ้อนหน่อยแล้วกัน
“ไม่เป็นไรนะ ไม่ร้องๆ ยายขอโทษที่ปกป้องเจ้าไม่ได้”
เด็กน้อยส่ายศีรษะไปมา จงฮุ่ยชิวที่ออกไปด้านนอก เข้ามาเห็นภาพภรรยากับหลานสาวนั่งกอดกันบนเตียงก็รีบเดินเข้าไปหา
“หลานตาเจ้าตื่นแล้ว” เขาพูดออกมาด้วยความดีใจ การที่ต้องเห็นหลานสาวตัวน้อยนอนป่วย เป็นอะไรที่เขาไม่ชอบเลยจริงๆ
“ท่านตา” ปากน้อยๆ เอ่ยเรียกผู้เป็นตา
เพียงแค่ได้ยินหลานสาวเรียก จงฮุ่ยชิวก็เดินเข้าไปกอดทั้งคู่ทันที ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าควรไปตามท่านหมอผู้เฒ่ามาดูอาการหลานสาวเสียก่อน
เพียงไม่นานหลานฟางซินและท่านหมอผู้เฒ่าก็เดินเข้ามาในห้อง จงเป่าเปารู้แล้วว่าที่นี่คือจวนของหลานอ๋อง ตามคำบอกเล่าของผู้เป็นยาย และพี่สาวฟางซินที่นางรู้จักก็เป็นบุตรสาวของท่านอ๋องด้วย
ไอหยา นี่นางรู้จักคนใหญ่ คนโตเชียวหรือ
“พี่ฉาวฟางซิน” เห็นหน้าพี่สาวคนสนิท เด็กน้อยก็เอ่ยเรียก หรือต้องใช้คำราชาศัพท์นะ
“เป่าเปาน้อย เจ็บหรือไม่” หลานฟางซินเดินเข้าไปหาเด็กน้อย
“เจ็บเจ้าค่ะ” เจ็บก็บอกว่าเจ็บ ไม่จำเป็นต้องโกหกสักหน่อย
สองสาวต่างวัยยังไม่ได้พูดคุยอะไรต่อ ท่านหมอผู้เฒ่าก็เอ่ยบอกให้ผู้อื่นออกไปรออยู่หน้าห้อง เพราะเขาจะตรวจอาการเด็กน้อยแล้ว แต่ทุกคนกลับขออยู่ที่นี่ด้วย พวกเขาอยากอยู่ข้างๆ จงเป่าเปา ท่านหมอจึงยอมอนุญาต
ถึงแม้จะเห็นรอยฟกช้ำมาแล้ว แต่เมื่อมาเห็นอีกครั้ง ดวงตาของอันเจียอีและหลานฟางซินก็เอ่อคลอด้วยน้ำตาทุกครั้งที่เห็น นางต้องเจ็บมากแน่ๆ ยิ่งแผลที่หน้าผาก ที่ยังไม่เคยมีผู้ใดเห็น ก็ยิ่งทำให้ทุกคนเจ็บปวด รอยแผลนั้นในวันหน้าย่อมทิ้งรอยไว้อย่างแน่นอน
“ไข้ลดแล้ว เดี๋ยวข้าจะเขียนเทียบยาให้ กินติดต่อกัน 3 วัน ส่วนรอยช้ำก็ทายา ไม่นานก็หาย” เมื่อตรวจดูอาการ ทำแผลที่หน้าผากแล้ว ก็แจ้งอาการให้ทั้งคนป่วย และคนอื่นๆ ได้รับรู้ “ส่วนแผลที่หน้าผาก ข้าคงต้องบอกตามตรงว่าอาจจะทิ้งร่องรอยเอาไว้ได้” ท่านหมอผู้เฒ่ากล่าว
จงเป่าเปายกมือขึ้นลูบผ้าพันแผลที่หน้าผาก ในภายภาคหน้าหน้าผากของนางคงจะมีแผลเป็นสินะ
อันเจียอีเห็นท่าทางนั้นของหลานสาว ก็เข้าไปหา “ไม่เป็นไรนะ ไม่ไรเป็น”
“เป่าเปาไม่ได้เป็นอันใดเจ้าค่ะท่านยาย” เด็กน้อยกอดผู้เป็นยาย แผลแค่นี้ไม่มีผลอะไรกับชีวิตนางหรอกนะ
เมื่อจงเป่าเปามีอาการดีขึ้น สองผู้เฒ่าจึงพานางมาเข้าพบครอบครัวของหลานอ๋อง ตลอดเวลาเด็กน้อยจะคอยลอบมองพี่ชายของพี่สาวฟางซินบ่อยๆ พี่ชายช่างหน้านิ่งยิ่งนัก พูดคุยกันไม่นานครอบครัวจงก็ขอตัวเพื่อกลับบ้านของตนเอง หลานเฟยหรงจึงให้คนของตนไปส่ง
กลับมาถึงบ้าน คนแรกที่พวกเขาเห็นคือ จูซูฮวาและบุตรชายอย่างโม่โฉว
“อาจู ข้าขอโทษทีที่วันนี้ไม่ได้แจ้งเจ้าว่าหยุดทำขนม” อันเจียอีคิดว่าที่จูซูฮวามาวันนี้เป็นเรื่องการทำขนม จึงเอ่ยขอโทษอย่างรู้สึกผิด
“ไม่เป็นอันใดเจ้าค่ะ” จูซูฮวาเอ่ยตอบ สายตามองไปยังจงเป่าเปาที่อยู่ด้านข้าง “ที่ข้ามาวันนี้ เพราะข้าทราบข่าวที่เกิดขึ้นเมื่อวานเจ้าค่ะ เมื่อวานมาหาแล้วแต่พวกท่านไม่อยู่ ข้าจึงลองมาวันนี้อีกครั้งเจ้าค่ะ”
“เข้าไปคุยกันข้างในเถิด” จงฮุ่ยชิวที่เปิดประตูรั้วกล่าว
ทุกคนจึงเข้ามาในบ้าน จงเป่าเปาอยากอยู่คุยกับสหายและท่านป้าจู แต่ทุกคนกลับบอกให้นางไปพักผ่อน ด้วยเป็นเด็กที่เชื่อฟังจึงยอมไปนอนแต่โดยดี
“เจ้ารู้เรื่องได้อย่างไรหรือ” เป็นจงฮุ่ยชิวที่เอ่ยถาม
“เมื่อวานมีชาวบ้านในหมู่บ้านเห็นเหตุการณ์เจ้าค่ะ เมื่อกลับมาจึงเล่าให้คนอื่นฟัง ตอนนี้ทุกคนในหมู่บ้านรู้เรื่องหมดแล้วเจ้าค่ะ พวกเขายังฝากข้าให้มาถามพวกท่านว่าเป็นอย่างไรบ้าง”
“ขอบคุณเจ้าที่เป็นห่วง พวกข้าไม่เป็นอันใด มีแต่จงเป่าเปาที่เจ็บหนัก ช่วงนี้คงต้องหยุดขายขนมไปก่อน” เสียรายได้ไม่น้อยเลย แต่อย่างน้อยคนพวกนั้นก็โดนจัดการแล้ว
“เจ้าค่ะ ถ้ามีอะไรให้ข้าช่วยพวกท่านบอกข้าได้เลยนะเจ้าคะ”
“ได้ๆ เสี่ยวโฉวมาหายายสิ ยายมีขนมมาให้เจ้าด้วย” อันเจียอียื่นขนมไปให้โม่โฉว เด็กน้อยหันมองมารดาของตน เมื่อมารดาพยักหน้าจึงยิ้มแป้นเดินมารับขนมจากอันเจียอี
“ขอบคุณท่านยายขอรับ”
ครอบครัวจงไม่ได้ไปขายขนมที่ตลาด 2 วันแล้ว จงเป่าเปานั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด ขาดรายได้ ขาดรายได้ คนพวกนั้นทำให้นางขาดรายได้!
ช่วง 2 วันที่ผ่านมานางจึงทำได้เพียงอยู่บ้านเฉยๆ จะทำอันใด ท่านตากับท่านยายก็จะคอยห้ามตลอด นางจึงมานั่งกินขนมที่ท่านยายทำให้ที่แคร่หน้าบ้าน มืออีกข้างถือถ่านที่เหลาจนแหลม เขียนบัญชีรายรับรายจ่าย แต่ช่วง 2-3 วันมานี้ มีแต่รายจ่ายไม่มีรายรับ เห้อ เป่าเปาเครียด
“เสี่ยวเป่าเปา มาเปิดประตูรั้วเร็วเข้า” จงเป่าเปาหันไปตามเสียงเรียก เอ๋ ท่านผู้นำหมู่บ้านมาหรือ
“ท่านปู่ผู้นำ” จงเป่าเปารีบวิ่งไปเปิดรั้วบ้าน แต่ตาก็มองเลยไปด้านหลัง เห็นเป็นบุรุษหลายคนอยู่ในชุดเครื่องแบบของทางการ และชาวบ้านที่ตามมา
“พวกเขามาหาครอบครัวเจ้า ตากับยายของเจ้าอยู่หรือไม่”
“อยู่เจ้าค่ะ เดี๋ยวเป่าเปาไปเยียกนะเจ้าคะ” กล่าวจบปุ๊ป ก็ใช้ขาสั้นๆ วิ่งไปเรียกท่านตากับท่านยาย เมื่อสองผู้เฒ่าเห็นแขกยังอยู่นอกรั้วบ้านก็รีบเชิญเข้ามาในบ้านทันที