"หม่อมฉันสามารถเชื่อคำพูดของพระองค์ได้จริงๆ หรือเพคะ"
พร้อมกับเงยหน้าสบตาเขาอย่างสตรีที่มีจริตจะก้าน
“หม่อมฉันได้แต่อยู่ในเรือนไม่กล้าออกไปสู้หน้าผู้ใด อันเนื่องด้วยว่าหม่อมฉันไม่สามารถทนฟังเรื่องราวของพระองค์และน้องรองได้ ผู้คนทั่วทั้งเมืองหลวง ต่างก็พูดกันว่าพระองค์ไม่ได้ต้องการเป็นคู่หมั้นคู่หมายกับหม่อมฉัน ผู้ที่พระองค์พึงใจนั้นคือน้องรองมากกว่า มิหนำซ้ำพระองค์ยังมิเคยมาพบหน้าหม่อมฉันแม้เพียงครั้ง เช่นนี้จะมิให้หม่อมฉันเชื่อได้อย่างไร"
‘เอาเซ่ พ่อคาสโนว่า พ่อจะตอบว่าอย่างไรจ๊ะ ในความทรงจำของน้องหนูเหมยฮวา พี่เล่นไม่มาพบหน้าน้องเขาเลย พี่ไปพบแต่หนูเยี่ยไป๋หลันเพียงเท่านั้น ดูสิว่าจะพี่จะแถจนถึงดาวพลูโตเลยไหม'
"เอ่อ คือว่าเรื่องนั้น"
แต่ก่อนที่องค์ชายเก้าลี่เฟิงหงจะได้ตอบคำถามของเหมยฮวา ประตูก็ถูกเปิดออกเสียก่อน ทำให้พวกเขาต้องหยุดการสนทนาลง และหันไปมองว่าผู้ที่เข้ามาคือผู้ใด
“เสด็จอา ใยพระองค์ถึงมาประทับที่โรงเตี้ยมนี้ได้”
“เปิ่นหวางได้ยินว่าเจ้าอยู่ที่โรงเตี้ยมนี้พอดี เปิ่นหวางเลยอยากเข้ามาพูดคุยด้วยเสียหน่อย"
พร้อมกับจ้องมองมาที่มือของเหมยฮวาที่ถูกองค์ชายเก้าลี่เฟิงหงกุมเอาไว้
'แม่ นั่นมันไม่ใช่อย่างที่หนูคิดใช่ไหมคะ หลัวหนูมาค่ะ เมื่อกี้เขาถูกเรียกว่าอะไรนะ เสด็จอา แสดงว่าหลัวหนูกับคู่หมั้นหนูเขารู้จักกันค่ะแม่ ไม่นะ เขาจะจำหนูได้รึเปล่าเนี่ย แล้วเขาโผล่มาที่นี่ตอนนี้ได้ยังไง นี่มันอะไรกันคะ สองรอบแล้วนะ กำลังจะมีแฟนคลับค่ะ กำลังจะให้ปลามาติดเบ็ดทีไร ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะคะ เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนยัยเนตรดาวแกอย่าพึ่งหลงประเด็น ตอนนี้แกจะทำยังไงถ้าเขาจำแกได้ขึ้นมา ดูจากสายตาของเขาที่จ้องมาที่แกสิ ตาย แกตายแน่ๆ ’
เหมยฮวาได้แต่จ้องมองหน้าเขาและอ้าปากค้างอย่างตกตะลึงตอนนี้นางไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงด้วยซ้ำ ใบหน้าของนางซีดเผือกราวกับไข่ต้ม มือเย็นเฉียบขึ้นมาทันใด จนทำให้คนที่กำลังกุมมือนางอยู่นั้นอดเป็นห่วงไม่ได้
"เหมยฮวานี่เจ้าไม่สบายหรืออย่างไรเหตุใดถึงได้มือเย็นเฉียบเยี่ยงนี้เล่า"
พร้อมกับใช้หลังมือมาแตะที่หน้าผากของนางอย่างแผ่วเบา มืออีกข้างที่กระชับมือนางเอาไว้แน่นขึ้นและเปลี่ยนมาเป็นลูบไล้อย่างแผ่วเบา
'หยุดค่ะพ่อ จะลูบให้หวยออกเลยไหมคะ ไม่เห็นเหรอหลัวหนูจ้องอยู่ เดี๋ยวก็ตายหมู่หรอกค่ะ แต่เอ๊ะทำไมฉันถึงทำตัวเหมือนแอบนัดเจอ กับชู้นอกบ้านแล้วสามีมาตามเจอเลยอ่ะ? ’
“เอ่อ องค์ชายทรงปล่อยมือของหม่อมฉันก่อนเพคะ หม่อมฉันไม่เป็นอันใดจริงๆ เพคะ”
แต่คนที่กำลังกุมมือนางอยู่นั้นหาฟังไม่ เขายิ่งกำชับมือแน่นขึ้นไปอีก
“ทูลเสด็จอา วันนี้หลานคงต้องพาคู่หมั้นของหลานไปพบท่านหมอก่อน เกรงว่านางคงจะไม่สบาย เอาไว้วันหน้าหากมีโอกาสหลานจะมาพูดคุยกับเสด็จอาเป็นแน่ แต่วันนี้หลานคงต้องขอตัวก่อน "
"อ่อ หลานลืมแนะนำนางให้เสด็จอาทรงรู้จัก นางคือคู่หมั้นของหลานเองพ่ะย่ะค่ะ"
“เช่นนั้นหรือ"
อ๋องเหวินซีห่าวตอบออกไปพร้อมกับจ้องใบหน้าของนางตาไม่กระพริบ
"งั้น หลานคงต้องขอตัวก่อน"
“พอดีว่าวันนี้เปิ่นหวางว่าง ไม่มีอะไรทำ งั้นเปิ่นหวางจะตามไปดูด้วย เผื่อว่ามีอะไรให้ช่วย"
หลังพูดเสร็จเขาก็เดินนำออกไปก่อนโดยไม่สนใจคำตอบรับหรือปฏิเสธจากอีกฝ่าย
ถึงแม้ว่าองค์ชายเก้าลี่เฟิงหงจะรู้สึกแปลกใจ ว่าเหตุใดท่านอ๋องเหวินซีห่าวผู้ที่ไม่เคยจะสนใจเรื่องราวอันใดของคนรอบข้าง จะมาให้ความสนใจกับตนเอง แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่ทำตามก็เท่านั้น
"เอ่อ องค์ชายเพคะ หม่อมฉันมิได้เป็นอันใดจริงๆ อย่าทรงกังวลพระทัยไปเลย"
“เจ้าจะไม่เป็นอันใดได้เยี่ยงไร ตอนนี้ใบหน้าเจ้าซีดเผือดราวกับไข่ต้ม มือของเจ้าก็เย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง ทำให้เปิ่นหวางเป็นห่วงเจ้ายิ่งนัก"
'ไม่ได้ซีดเพราะไม่สบายค่ะพ่อ ซีดเพราะเห็นผัวมายืนคุมค่ะโปรดเข้าใจเนตรด้วย'
"อย่าเถียงเปิ่นหวางอีกเลย เดี๋ยวเปิ่นหวางจะพาเจ้าไปหาหมอให้หมอตรวจดูก่อนหากเจ้าไม่เป็นอันใดจริงๆ เปิ่นหวางก็จะได้วางใจ"
“เจ้าเดินไหวหรือไม่ หากเดินไม่ไหวเปิ่นหวางจะได้อุ้มเจ้าไปเอง"
เขาพูดพร้อมกับทำท่าจะก้มลงมาอุ้มนาง
ก่อนที่นางจะทันได้ตอบอันใดกลับไป ก็สัมผัสได้ถึงสายตาของบุรุษผู้หนึ่งที่จ้องมองมาที่นาง
‘อะไรคะ เมื่อกี้เดินออกไปแล้วไม่ใช่เหรอ เดินกลับมาตอนไหนคะ รังสีดาเมจรุนแรงเกินไปแล้วค่ะ แม่ช่วยเนตรด้วย'
“ด...เดินไหว หม่อมฉันเดินเองได้ ไม่ต้องลำบากพระองค์เพคะ"
ในขณะที่ไม่มีใครทันสังเกต ซีอ๋องก็สะบัดผงบางอย่างไปกลางอากาศ ในบริเวณที่องค์ชายเก้าลี่เฟิงหงประทับอยู่ เพียงไม่นานองค์ชายเก้าก็มีอาการหน้ามืด และเริ่มอาเจียนออกมา
"องค์ชายทรงเป็นอะไรไปเพคะ ทรงไม่สบายหรือ เหตุใดพระพักตร์ของพระองค์ถึงได้ขาวซีดเช่นนั้นเล่า"
เมื่ออยู่ดีๆ องค์ชายเก้าก็มีอาการอาเจียนออกมา เหมยฮวาถึงกับตกใจจนพูดไม่ออกกับอาการที่เปลี่ยนไปอย่างกระทันกับบุรุษเบื้องหน้า
"เห็นทีว่าเจ้าคงไม่สามารถพานางไปพบหมอได้แล้ว เดี๋ยวถ้างั้นเปิ่นหวางจะอาสาพานางไปเอง เดี๋ยวเปิ่นหวางจะให้องครักษ์พาเจ้ากลับวังให้หมอหลวงตรวจอาการของเจ้าอีกทีก็แล้วกัน"
พูดเสร็จเขาก็เดินไปอุ้มเหมยฮวาจากไปในทันที โดยไม่รอให้อีกฝ่ายทันได้โต้แย้งใดๆ
“หม่อมฉันเดินเองได้เพคะ ขอพระองค์ทรงปล่อยฉันลงด้วย"
"เห็นทีเปิ่นหวางคงต้องตามติดเจ้าตลอดเวลากระมัง เพราะเพียงแค่เผลอแปบเดียวก็มีพวกแมวขโมยมาขโมยของๆ เปิ่นหวางเสียแล้ว"
ซีอ๋องพูดพร้อมกับจ้องหน้านางอย่างขุ่นเคือง เมื่อไม่เห็นนางตอบรับหรือปฏิเสธ เขาจึงก้มหน้าลงไปใกล้นางอีกครั้งจนจมูกเขาแทบจะชิดกับจมูกของนาง
“หือ เจ้าว่าอย่างไร ไม่ได้ยินที่เปิ่นหวางพูดหรือ หรือต้องให้เปิ่นหวางพูดให้เจ้าฟัง..อีกครั้ง"
พร้อมกับก้มลงมาใช้ลิ้นเลียที่ใบหูของนางและขบเม้มเบาๆ หนึ่งที