เสน่ห์ร้าย
พี่ชายเพื่อน
พุทธศักราช 2562
เวลาราวๆ ห้าโมงเย็น ที่ฟาร์มโคนมขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในอำเภอวังน้ำเขียวของจังหวัดนครราชสีมา
“ว้าว… ที่นี่อากาศดีมาก วิวสวยสุดๆ”
‘ดลยาร์’ สานนิ้วมือเข้าด้วยกันแล้วยืดขึ้นจนสุดแขนเหนือศีรษะ ยืนเขย่งปลายเท้าสูดโอโซนไว้เต็มปอด หลังจากเปิดประตูรถมินิออสตินของเพื่อนรักแล้วก้าวออกมาจากรถ ทอดสายตามองทุ่งหญ้าสีเขียวขจี ทอดยาวไปถึงชายเขาทาบทะมึนเป็นฉากหลังอยู่ไม่ไกล มีฝูงนกชักแถวบินกลับรังใต้ริ้วฟ้าสีแดง
“ถ้าชอบก็อยู่ที่นี่หลายๆ วันก็ได้นะ”
‘ปัทมา’ ซึ่งเป็นลูกสาวเจ้าของฟาร์มกล่าวกับ ดลยาร์ผู้เป็นเพื่อนสาวที่หล่อนชักชวนให้มาเที่ยวบ้านในระหว่างปิดเทอมใหญ่ หลังจากเรียนจบชั้นมัธยมปลาย และขั้นต่อไปก็คือระดับอุดมศึกษา
ปัทมาตัดสินใจไปว่าจะไปเรียนต่อต่างประเทศ ส่วนดลยาร์สอบเอ็นทรานส์ได้ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในโคราช หล่อนต้องย้ายมาเรียนที่โคราช และต้องอยู่หอพักใกล้มหาวิทยาลัย
ด้วยฐานะทางบ้านของดลยาร์ไม่ดีนัก หล่อนไม่มีกำลังทรัพย์มากพอจะไปเรียนต่อต่างประเทศเหมือนอย่างปัทมาที่โชคดีเกิดมาในครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยระดับมหาเศรษฐี
“ฟาร์มสวยมากจ้ะปัทม์… แต่คงอยู่ได้ไม่เกินอาทิตย์… นานกว่านี้แม่ฉันต้องบ่นแน่”
ดลยาร์กล่าวอย่างแสนเสียดาย
“งั้นตลอดสัปดาห์ที่แกอยู่ที่นี่ฉันจะพาเที่ยวให้ชุ่มปอดไปเลยดีป่ะ”
ปัทมากล่าว ดลยาร์คือเพื่อนที่ปัทมาสนิทที่สุด ทั้งสองแทบไม่มีความลับต่อกัน
“ขอบใจจ้ะเพื่อนรัก”
ดลยาร์กล่าว
“เรื่องเล็กน่ะ… ”
ปัทมาเอามือโอบไหล่เพื่อน
“ดูนั่นสิ… สวนกุหลาบสวยมากอ่ะเพื่อน ฉันขอเซลฟี่กับดอกกุหลาบแป๊บนะ”
ด้วยความตื่นตาตื่นใจกับสภาพแวดล้อมรอบๆ กาย ดลยาร์ล้วงเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาบันทึกภาพดอกไม้
“ตามสบายนะเพื่อน… เดี๋ยวฉันให้คนใช้มาช่วยยกกระเป๋าเข้าห้อง… พี่จอย… พี่แจ๋ม… ”
ปัทมากล่าวกับดลยาร์แล้วกวักมือเรียวสาวใช้สองคนที่กำลังเดินออกมาพอดี
“ค่ะคุณหนู”
สาวใช้รีบเข้ามาช่วยยกกระเป๋าสัมภาระออกจากฝากระโปรงด้านหลังของรถมินิออสตินสีดำคันหรูของปัทมา
และในระหว่างที่ดลยาร์กำลังเดินบันทึกภาพดอกไม้ ชมนกชมไม้อยู่เพลินๆ แล้วจู่ๆ ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อหล่อนเดินมาถึงมุมรั้วซึ่งเป็นเสาสูงท่วมศีรษะ แล้วจู่ๆ ก็มีผู้ชายตัวใหญ่คนหนึ่งก้าวเดินมาด้วยความเร็ว
“วะ… ว้ายยยย”
ดลยาร์ร้องด้วยความตกใจ ก่อนจะชนกับผู้ชายตัวใหญ่อย่างแรงจนเสียหลัก ร่างเซเข้าหาแปลงกุหลาบ แต่มือของชายปริศนาคว้าเอวหล่อนเอาไว้ทันท่วงที
ร่างนุ่มนิ่มถูกรั้งมากอดเพื่อไม่ให้หล่อนถลาลงทับต้นกุหลาบซึ่งเต็มไปด้วยหนาม ทำให้เขาเองก็เสียหลักล้มลงนอนกับพื้นโดยมีร่างของดลยาร์ทับอยู่ข้างบน ปากของหล่อนกับเขาประกบกันโดยบังเอิญ
“อื๊อ… ”
ดลยาร์ตกใจ!
เป็นฉากสั้นๆ ที่กลีบปากบดเข้าด้วยกันได้อย่างเหลือเชื่อราวกับมีแรงดึงดูดที่มองไม่เห็น ดึงดูดหล่อนกับเขาเข้าหากันในทันทีที่หัวใจสองดวงโคจรเข้ามาใกล้กันตามลิขิตแห่งโชคชะตาที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว
ตอนที่ริมฝีปากสัมผัสกัน เกิดความรู้สึกเสียวซ่านอันประหลาดแล่นพล่านลงมาถึงปลายเท้าของหญิงสาว
“เธอ… เจ็บหรือเปล่า”
ชายปริศนาถาม!
ทั้งสองตะลึงมองหน้ากัน ตาจ้องตา ดลยาร์จ้องใบหน้าหล่อเหลาขณะที่หล่อนยังคร่อมอยู่กลางลำตัวของเขา
“มะ… ไม่เป็นไรค่ะ… ”
ดลยาร์ขยับออกมาเมื่อตั้งสติได้ เอามือแตะริมฝีปากของตัวเองด้วยความเขินอาย
ช่างบังเอิญ!
เมื่อกี้ริมฝีปากเขากับหล่อนประกบกันพอดี ไม่รู้สิ… มันรู้สึกใจเต้นแรง เกิดอาการวาบหวิวแปลกๆ อย่างที่ดลยาร์ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยในชีวิต
“ขอโทษค่ะ… หนูมัวแต่ถ่ายภาพดอกไม้จนเพลิน… ไม่ทันได้ระวัง”
“เป็นความผิดของผมด้วยที่เดินเร็วจนไม่ทันได้ระวังว่าจะมีใครเดินสวนมา”
ชายหนุ่มขยับลุกขึ้นยืนเมื่อหล่อนผละออกจากอ้อมกอดของเขา
“แล้วหนูเป็นใคร… แล้วเข้ามาที่นี่ได้ยังไงคะ”
หัวคิ้วเป็นแพสีดำหนาชิดเข้าหากัน ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย
“หนูเป็นเพื่อนของปัทมาค่ะ”
หญิงสาวเฉลยข้อสงสัย
“อ๋อ… รู้ละ เห็นยัยปัทม์บอกว่าจะมีเพื่อนมาพักด้วยหนึ่งสัปดาห์… ที่แท้ก็เธอนี่เอง”
“ค่ะ… ถ้างั้นคุณคงเป็นพี่ยักษ์”
ดลยาร์เดา ด้วยปัทมาเคยเอ่ยถึงพี่ชายคนนี้ให้ฟังบ่อยๆ แต่ดลยาร์ไม่เคยเห็นหน้า เพิ่งรู้ว่าเขาหล่อวัวตายควายล้ม หน้าตาคมคร้ามมีความเป็นฝรั่งอย่างเด่นชัดเพราะว่าแม่ของยักษ์เป็นคนอิตาลี ยักษ์เป็นลูกต่างแม่แต่พ่อเดียวกับปัทมา
“โอ้ว… นึกว่าหายไปไหน ได้เจอกันแล้วงั้นปัทม์คงไม่ต้องแนะนำแล้วมั้งคะพี่ยักษ์”
เป็นเสียงของปัทมาที่ดังมาจากด้านหลัง
ครั้นเมื่อเดินเข้ามาใกล้หล่อนก็ต้องเอ่ยถามด้วยความสงสัย เมื่อเหลือบไปเห็นใบหญ้าและเศษดินติดอยู่ที่เสื้อของยักษ์
“ว้าย… ตัวพี่ยักษ์เปื้อนหมดเลย… เกิดอะไรขึ้นคะนี่”
ปัทมาถามรัวๆ ด้วยความสงสัย
“พี่เดินเร็วไปน้อยก็เลยชนกับเพื่อนของปัทม์ที่มุมรั้ว”
ยักษ์อธิบาย
“มันไม่ใช่ความผิดของพี่ยักษ์หรอกค่ะ… ยาร์ซุ่มซ่ามเองต่างหาก มัวแต่ถ่ายภาพดอกไม้จนไม่ได้มองทางข้างหน้าก็เลยชนกัน”
หล่อนแทนตัวเองว่า ‘ยาร์’
“พี่ก็เดินเร็วไปนิดจนไม่ทันได้ระวัง”
ยักษ์กล่าว ต่างคนต่างแย่งกันรับผิด
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
ปัทมาถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง