อีกแปดวันโรงเรียนประจำอำเภอจะเปิดการเรียนการสอน เด็กๆ บ้านเฉินทำการยื่นเรื่องขอเข้าเรียนต่อแล้ว อีกทั้งวันไปรับใบจบเฉินเฟิ่นอี้ยังได้รับหนังสือกลับมาหลายเล่ม ทางโรงเรียนไม่ได้มีเงินมากพอที่จะสนับสนุนนักเรียน นี่จึงถือว่าเป็นทุนการศึกษาให้คนที่ได้คะแนนสูงในการสอบ
เฉินเฟิ่นอี้เก็บเสื้ิอผ้าและของใส่กล่องอย่างเป็นระเบียบ ที่หมู่บ้านเก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จพอดี วันนี้จึงไม่ได้ไปทำงานและรอรับส่วนแบ่ง ย่าเฉินจึงให้ลุงใหญ่ไปตามคนที่มีรถใหญ่ในตำบลมา ค่าจ้างเท่าไรก็ยอมเพราะต้องขนของไปเยอะ
อีกอย่างวันนี้ได้ยินว่าเด็กที่เรียนต่อมัธยมปลายเริ่มเดินทางไปทำเอกสารกันแล้ว โชคดีที่เฉินเฟิ่นอี้ไม่ต้องการต่อแถวทำเอกสารจึงรีบยื่นตั้งแต่ได้รับใบจบมา เฉินเฟิ่นอี้ เฉินไห่หลิว เฉินตงเรียนมัธยมปลาย และเฉินเหม่ยเย่กับเฉินจางเรียนมัธยมต้น
[ภารกิจที่ 72 : ไปรับส่วนแบ่งกับบ้านเฉินเพื่อรับ 10 แต้ม]
เฉินเฟิ่นอี้ชะงัก ทั้งๆ ที่อีกไม่นานก็ต้องขนของขึ้นรถ ระบบเพิ่งจะมาแจ้งเตือนเธอ เธอถอนหายใจก่อนจะหันไปหยิบกระเป๋าและเดินออกจากห้องนอนเพื่อตามไปที่แบ่งอาหาร
ของเธอมีแค่ไม่กี่อย่างและมันก็ถูกเก็บตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ส่วนมากของที่ต้องขนเข้าอำเภอคือธัญพืชต่างๆ ที่เหลือ และรอรับส่วนแบ่งบางอย่างด้วย
“พี่เก็บของเสร็จแล้วเหรอคะ แล้วนั่นจะไปไหน” เฉินเหม่ยเย่ที่นั่งอยู่ในห้องโถงร้องถาม ข้างๆ หล่อนยังมีกล่องไม้วางอยู่ หล่อนคงเก็บของเสร็จแล้ว
“อืม ฉันจะไปดูที่แบ่งผลผลิตสักหน่อย” ถ้าจำไม่ผิดปีไหนที่ไม่ขาดแคลนขนาดนั้นจะมีผลผลิตไว้แบ่งขาย เฉินเฟิ่นอี้ก็อยากซื้อเก็บไว้เช่นเดียวกัน อย่างพวกข้าวขาว แป้งขาว หลังจากพวกเธอเข้าอำเภอคงไม่ยอมซื้อกัน
“ฉันไปด้วยสิคะ วันนี้ชิงชิงน้อยไม่ยอมมาหาฉันเลยค่ะ แม่เลยอุ้มไปเล่นกับเด็กบ้านอื่น” เฉินเหม่ยเย่ถอนหายใจ
“ไปสิ”
ก็ดีเหมือนกันเธอจะได้มีเพื่อนคุยระหว่างทาง เฉินเหม่ยเย่ขอตัวไปล้างมือสักครู่ เฉินเฟิ่นอี้จึงเดินไปหาเฉินไห่หลิว เฉินตง และเฉินจางที่ห้องของพวกเขาที่ถูกต่อเติมออกมานอกบ้าน นอกจากห้องพวกเขาแล้วก็ยังมีห้องของพี่ใหญ่เฉินรุ่นปัจจุบันอีก
เฉินเฟิ่นอี้เคาะประตูห้องเฉินตง ไม่นานเขาก็มาเปิด ดูเหมือนว่าของจะถูกเก็บหมดแล้วแต่ยังไม่ยกออกไป เธอมองเขาที่พอเปิดประตูเสร็จก็ขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างเกียจคร้าน หลายวันมานี้เฉินตงทำงานในแปลงนาทุกวันผิวของเขาจึงคล้ำลงมาก
“นายเก็บของเสร็จแล้ว” เฉินเฟิ่นอี้นั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ในห้องพร้อมเอ่ยถาม
“ใช่ครับ รอแค่รถมาก็ขนของออกไปได้เลย” เฉินตงพยักหน้า จากที่นอนอยู่ก็ลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง
พี่น้องบ้านเฉินไม่เคยมีความลับต่อกันและเดินเข้าห้องกันได้อย่างสนิทสนม แต่หากมีคนอื่นที่ไม่ใช่สมาชิกบ้านเฉินอยู่ด้วยก็จะไม่มีใครทำ เพราะค่านิยมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สำหรับบ้านเฉินของพวกเธอนั้นเป็นพี่เป็นน้องกัน ต่างจากคนอื่นที่มองมาในเชิงชู้สาว
ประตูห้องนอนของเฉินตงถูกเปิดทิ้งไว้ ถึงพวกเธอไม่ได้สนใจค่านิยมแบบนี้แต่คนอื่นไม่ใช่ อย่างน้อยคงไม่คิดว่าเธอเข้าห้องน้องชายเพราะอยากได้เขาหรอกนะ
“เฉินไห่หลิวล่ะ” ประตูห้องของเขาถูกเปิดเอาไว้และไม่มีคนอยู่ เธอจึงมาเคาะห้องนอนของเฉินตง
“น่าจะไปที่แบ่งผลผลิตครับ”
“อืม พี่กับเหม่ยเย่ก็จะไปที่นั่น นายออกไปอยู่หน้าบ้านหน่อยเผื่อมีคนมาหา ทุกคนน่าจะไปดูส่วนแบ่งกันหมด แม่กับชิงชิงก็ออกไปหาเพื่อนบ้าน” เฉินเฟิ่นอี้อธิบาย ผู้ใหญ่บ้านเฉินนอกจากลุงใหญ่ที่เข้าไปตำบลกับแม่ที่พาน้องชายออกไปเล่นข้างนอก ทุกคนก็ไปรอรับส่วนแบ่งผลผลิตกันหมด
“ครับ”
เฉินเฟิ่นอี้ลุกขึ้นยืนเดินหันหลังให้เฉินตงเมื่อได้ยินเสียงน้องสาวตะโกนเรียก เฉินเหม่ยเย่ยืนหันซ้ายหันขวาอยู่หน้าบ้าน เธอจึงรีบเดินไปหาหล่อน
“ไปกันเถอะ”
เด็กสาวทั้งสองคนเดินออกจากบ้านไปยังสถานที่แบ่งผลผลิตของทุกปี ตอนนี้บ้านเฉินคงยังไม่ถึงเวลารับส่วนแบ่งเพราะไม่ได้ขัดสนขนาดนั้น บ้านไหนที่ขาดแคลน ขัดสน และเป็นบ้านที่มีแต่คนชรา ผู้หญิง และเด็กย่อมได้ส่วนแบ่งก่อนคนอื่น จากนั้นจึงไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ บ้านเฉินคงอยู่อันดับสุดท้าย ไม่อย่างนั้นเวลาเกือบเที่ยงแบบนี้ก็คงกลับไปถึงบ้านแล้ว
ไม่นานทั้งสองก็มาถึงบริเวณแบ่งผลผลิตที่มีคนต่อแถวอยู่รวมถึงสมาชิกบ้านเฉิน ตอนนี้คนเริ่มบางตาแล้วเพราะใครได้ก่อนก็รีบนำกลับไปจัดการ เฉินเฟิ่นอี้เห็นบ้านอี้ต่อแถวอยู่ด้านหน้าบ้านเฉินไม่ไกล หมายความว่าพวกเขาไม่ได้ขัดสน
“ย่า” เฉินเฟิ่นอี้รีบลากน้องสาวไปหาบ้านเฉินที่ยืนต่อแถวกันอยู่ ไม่รู้ว่าไปยืมรถลากของใครมาแต่ที่แน่ๆ ตอนนี้บ้านเฉินมีรถลากไว้ใช้
“เอ๊ะ ลุงใหญ่ของหลานมาแล้วเหรอ! ยังไม่ได่รับส่วนแบ่งเลย” ย่าเฉินอุทาน ด้านหน้ายังมีอีกประมาณสี่ถึงห้าคิว
“ยังหรอกค่ะ ฉันเห็นว่าทุกคนออกมานานแล้วจึงมาดูสักหน่อย” เฉินเฟิ่นอี้ตอบยิ้มๆ มองบ้านอี้ลากรถกลับไปด้วยความสุข การแจกจ่ายผลผลิตปีนี้เป็นที่น่าพอใจของทุกคน
“อ้อ รอก่อนๆ ปีนี้มีหลายบ้านที่ขาดแคลน บ้านเฉินของเราจึงได้ช้ากว่าคนอื่น” เพราะทุกคนเห็นบ้านเฉินรับประทานข้าวขาวอยู่ตลอด แต่ก็ไม่ได้มีใครสงสัย ลูกชายและหลานชายของบ้านเฉินต่างได้เป็นทหารจึงไม่เดือดร้อนแม้ไม่ได้ทำงาน
เฉินเฟิ่นอี้พยักหน้า หูของเธอยังได้ยินคนนินทาบ้านเฉินทันทีที่เธอและน้องสาวปรากฏตัว ช่วยไม่ได้ที่บ้านเฉินไม่ต้องการให้หลานสาวทำงานหลายอย่าง ทั้งแปลงนาและทำงานบ้าน จึงเป็นที่น่าอิจฉาของเด็กสาวทั่วหมู่บ้านเฟิ่งหลิน
“หลานสาวบ้านเฉินไม่ได้ทำงานในแปลงนา บ้านเฉินยังกล้าให้พวกหล่อนเสนอหน้ามาที่นี่อีกเหรอ” คนอื่นนินทากันแต่ไม่ใช่กับบ้านอี้ที่รับส่วนแบ่งเสร็จก็ลากรถออกมาถากถางบ้านเฉินอย่างเจ็บแค้น
เฉินเฟิ่นอี้เหลือบมองอี้เหม่ยเฟิ่งที่ยืนอยู่ด้วย หล่อนก็ไม่ได้ทำงานนี่ทำไมจึงพามาด้วย อ้อ ได้ยินว่าเมื่อวานบ้านหมิงมาหมั้นหมายอี้เหม่ยเฟิ่งแล้ว กลัวว่าหลานสาวจะน้อยหน้ามั้งจึงลากมาด้วย แต่แม่ของหล่อนลืมไปหรือเปล่าถึงกล้าเอ่ยถากถางพวกเธอ
“อี้เหม่ยเฟิ่งก็ไม่ได้ทำงานในแปลงนาเหมือนกันนี่ ทำไมถึงกล้าเสนอหน้ามาล่ะ” อย่างน้อยเธอกับน้องสาวก็ทำอาหารทุกมื้อ งานบ้านก็ทำ ซักผ้าก็แทบทุกวัน งานหลังบ้านอันไหนที่ทำได้เองก็ทำ แล้วอี้เหม่ยเฟิ่งล่ะ วันๆ เห็นเอาแต่แต่งตัวออกไปนอกหมู่บ้าน ทำงานหรือย่อมไม่ใช่อยู่แล้วเพราะอีกไม่กี่วันโรงเรียนก็จะเปิด
“แล้วยังไง อิจฉาลูกสาวของฉันเหรอ ถึงลูกสาวของฉันไม่ได้ทำงานแต่หล่อนก็เอาเงินให้บ้านอี้ตลอดไม่เคยขาด” สะใภ้ใหญ่อี้อวดเบ่ง
“อ้อ ที่แท้ก็มีผู้ชายเลี้ยงนี่เอง” สะใภ้ใหญ่เฉินพยักหน้าพร้อมเหยียดยิ้ม อวดลูกสาวแต่สุดท้ายก็ยังเกาะผู้ชายกิน ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้แต่งงาน ไม่แปลกที่บ้านอี้จะสนับสนุน
“นี่!”
“เงียบปากไปเลย!” ย่าอี้หันไปด่าลูกสะใภ้ที่ทำเรื่องามหน้า บอกให้อี้เหม่ยเฟิ่งอยู่ที่บ้านก็ไม่ฟังยังลากหล่อนมาด้วย นึกว่าจะอยู่เงียบๆ ก็มาประจานตนเอง
“แม่คะ”
“เจ้าใหญ่กลับ!”
เฉินเฟิ่นอี้ส่ายหน้าให้บ้านอี้ที่ฟึดฟัดออกไป เธอก็ไม่แปลกใจที่บ้านอี้สนับสนุนหลานสาวให้แย่งคู่หมั้นคนอื่น พวกเธอไม่รู้เลยว่าก่อนหน้านั้นบ้านอี้ได้เงินไปเท่าไรจึงกล้าลงมือ
“ต่อไปบ้านเฉิน”
สมาชิกบ้านเฉินต่างช่วยกันลากรถเข็นไปยังที่รับส่วนแบ่ง ย่าเฉินส่งใบแต้มค่าแรงให้คณะกรรมการของหมู่บ้านนำไปตรวจสอบว่าตรงกันหรือไม่ ก่อนจะช่วยกันคัดแยกผลผลิตให้กับบ้านเฉินที่เป็นบ้านสุดท้ายของการรับผลผลิตในปีนี้
ข้าวขาวหนึ่งกระสอบยกใส่รถเข็น เฉินเฟิ่นอี้ไม่แน่ใจน้ำหนักของมันแต่ทุกคนคงรู้กัน ต่อไปก็เป็นธัญพืชที่ขัดสีและยังไม่ได้ขัดสี ที่ขาดไม่ได้ก็เป็นแป้งขาวและแป้งข้าวโพด
เฉินเฟิ่นอี้มองผลผลิตที่ถูกยกใส่รถเข็นจนพูน มีบางอันที่ใส่ไม่พอจนต้องยกลงรอมาเอารอบสอง ผู้ใหญ่บ้านเฉินต่างช่วยกันลากและดันรถเข็นกลับ ที่แบ่งผลผลิตจึงมีเพียงคณะกรรมการ เฉินเฟิ่นอี้ เฉินเหม่ยเย่ และเฉินไห่หลิวที่หันมามองอย่างรู้ทัน
“อะไรกัน” มองเธอแบบนี้คงไม่ใช่รู้ว่าเธอจะซื้อธัญพืชเพิ่มหรอกนะ
“พี่ไม่ซื้อเหรอครับ”
อ่า เฉินเฟิ่นอี้ชะงักมองหน้าเฉินไห่หลิวที่มองอยู่ เธอถอนหายใจตอนแรกคิดว่าเขาจะตามทุกคนกลับบ้านเสียอีก เฉินเฟิ่นอี้หันไปมองคณะกรรมการที่มองอยู่
“ฉันสามารถซื้ออะไรเพิ่มได้บ้างคะ” ทุกคนได้รับส่วนแบ่งไปหมดแล้วแต่เฉินเฟิ่นอี้ก็เห็นว่าผลผลิตยังเหลือเยอะ ซึ่งมันก็สามารถซื้อได้โดยที่ไม่ต้องใช้คูปอง ต่างจากตอนเอาไปขายในสหกรณ์ของหมู่บ้านที่ต้องใช้คูปอง
“อยากได้อะไรล่ะ ฉันจะดูให้” เลขาธิการถามพลางมองกระดาษในมือ มันเป็นข้อมูลว่าเหลืออะไรบ้างหลังแจกจ่ายไปแล้ว
“ข้าวขาวหนึ่งร้อยชั่ง ธัญพืชอย่างละยี่สิบชั่ง แป้งขาวยี่สิบชั่ง ถั่วอย่างละสามสิบชั่ง” เฉินเฟิ่นอี้ไล่เรียงสิ่งที่เธอต้องการ ทำเอาคณะกรรมการของหมู่บ้านที่กำลังช่วยกันนับของถึงกับหันมามองเป็นตาเดียว แค่ข้าวขาวมันก็แพงมากแล้ว!
“เธอล้อเล่นหรือเปล่า บ้านเฉินจะซื้อข้าวขาวไปทำไมเยอะขนาดนั้น” เลขาธิการหมู่บ้านถามด้วยความสงสัยและหรี่ตามอง
คงเพราะเมื่อครู่บ้านเฉินก็ได้ข้าวขาวไปแล้วหนึ่งกระสอบ พอเธอมาซื้ออีกกลัวว่าจะนำไปขายมั้ง แต่นี่เฉินเฟิ่นอี้จะเอาไว้ให้บ้านเฉินรับประทาน ส่วนของพวกเธอนั้นเฉินเฟิ่นอี้เห็นในระบบแลกของแล้ว อย่างน้อยบ้านเฉินคงอยู่ได้หนึ่งเดือน
“เปล่าค่ะ ฉันต้องการซื้อจริงๆ ระหว่างเรียนพวกเราจะเข้าไปพักในอำเภอค่ะ ของพวกนี้จึงจำเป็นมาก” เฉินเฟิ่นอี้ตอบ
“ทั้งหมดสามสิบสองหยวน”
เฉินเฟิ่นอี้ชะงักกับราคาที่แพงมาก! ไม่แปลกใจที่หลายๆ บ้านต่างไม่ยอมซื้อข้าวขาวรับประทาน ยิ่งแป้งขาวที่มีราคาแพงไม่ต่างกันหลายคนจึงเลือกซื้อธัญพืชหยาบแทน