บทที่ 5คูปองเนื้อ

2139 คำ
ตั้งแต่ได้ใช้ชีวิตในร่างของเฉินเฟิ่นอี้นี่ก็ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเธอจะทำอาหารมื้อกลางวันไปส่งที่แปลงนาทุกวัน จะมีบางวันที่ป้าสะใภ้หรือแม่ของเธอมาช่วยถือตะกร้าอาหาร ต้องบอกว่าทุกคนมีเรี่ยวแรงมากขึ้นจริงๆ เมื่อรับประทานข้าวขาวเป็นมื้อกลางวัน ยิ่งช่วงนี้บ้านเฉินจับกระต่ายที่ออกมากินธัญพืชที่กำลังเก็บเกี่ยวได้ ทุกคนก็ดูเหมือนจะเจริญอาหารมากขึ้น หากเป็นปีก่อนๆ กระต่ายจะถูกนำไปขายในตำบล แต่เฉินเฟิ่นอี้ไม่ให้นำไปขาย อีกทั้งบางครั้งเธอก็ได้เนื้อกระต่ายเป็นรางวัล ปริมาณเนื้อกระต่ายจึงมีมากกว่าเดิม ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงสอบของน้องๆ แล้ว เฉินเฟิ่นอี้จึงต้องทำอาหารที่มีประโยชน์ และการสอบเลื่อนชั้นปีที่ว่าจริงๆ ทางโรงเรียนเรียกว่าสอบเทียบ หลังจากจบเทอมนี้ชั้นปีสุดท้ายก็จบการศึกษาทั้งมัธยมต้น และมัธยมปลาย ทำให้คนที่ยังไม่จบต้องสอบเทียบว่าจะผ่านหรือเปล่า ถ้าสอบผ่านก็จะจบแต่สอบไม่ผ่านต้องไปเรียนใหม่ทั้งหมด ทีแรกผู้ปกครองของเด็กต่างไม่พอใจเพราะถ้าสอบไม่ผ่านและให้เข้าไปเรียนในอำเภอใหม่ เงินที่เคยจ่ายค่าเทอมไปล่ะ? อีกอย่างค่าใช้จ่ายในอำเภอไม่ใช่น้อยๆ แต่มีเด็กหลายคนที่เห็นด้วยกับการตัดสินใจครั้งนี้ เพราะหากสอบผ่านมันก็คุ้มค่าไม่ใช่เหรอ [คะแนนรวม : 89 แต้ม ] เฉินเฟิ่นอี้มองกระดานใสตรงหน้าด้วยความภูมิใจ วันนี้เธอได้เพิ่มมาตั้งสิบห้าแต้มในการปลูกผักคนเดียว ยังดีที่สวนหลังบ้านมีแปลงผักที่ว่างแปลงหนึ่ง ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ผ่านง่ายๆ แน่ จากนั้นจึงกดไปยังปุ่มรางวัลพิเศษ “คูปองเนื้อ!” มีหลายครั้งที่เฉินเฟิ่นอี้ได้รับคูปองหรือตั๋วเงิน แต่สิ่งที่ทำให้เธอตกใจเป็นอย่างมากนั่นก็คือคูปองเนื้อสองชั่งจำนวนห้าใบ! ขอแค่ได้หนึ่งใบเฉินเฟิ่นอี้ก็พอใจเป็นอย่างมาก แต่วันนี้เธอได้รับถึงห้าใบเลยนะ! คูปองเนื้อจำนวนห้าใบถูกเฉินเฟิ่นอี้เก็บลงในกล่องเก็บของสำคัญ นอกจากคูปองแล้วในนี้ยังมีตั๋วเงินและเงินอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเงินเก็บแต่เดิมของเฉินเฟิ่นอี้ก็มีสามหยวน ตั๋วเงินที่ได้รับจากระบบก็ยังมีถึงสองร้อยหยวน! เงินจำนวนนี้ไม่น้อยเลย ไม่มีใครรู้ว่าเฉินเฟิ่นอี้มีเงินเก็บเท่าไหร่และเธอก็จะไม่บอกใคร สัปดาห์หน้าจะมีการสอบเทียบและอีกหนึ่งเดือนหลังจากนั้น โรงเรียนในอำเภอจะมีการเปิดการศึกษา ซึ่งเฉินเฟิ่นอี้คิดที่จะหาบ้านเช่าอยู่รวมกับน้องๆ เดือนหนึ่งคงไม่เกินสิบหยวน ซึ่งลุงสามของพวกเธอรับรู้เรื่องนี้แล้ว และบอกว่าหากทุกคนไปเรียนในอำเภอต้องหาบ้านเช่าสักหลังเพราะมันจะสะดวกมากกว่า หลังจากนี้จะส่งเงินมาเพิ่มซึ่งไม่ได้บอกว่าเท่าไหร่ แต่เฉินเฟิ่นอี้คิดว่าลุงสามต้องทำภารกิจเสี่ยงอันตรายเพิ่มแน่ นี่คงเป็นเหตุผลที่เขาไม่ยอมแต่งภรรยา แม้ปู่เฉินย่าเฉินจะหาภรรยาให้ลุงสามแล้วก็ตาม ยังดีที่เฉินไห่หลิวกับเฉินตงเรียนมัธยมต้น เฉินเฟิ่นอี้จึงสามารถอ่านหนังสือด้วยได้ เนื่องจากการขาดแคลนหนังสือและทรัพยากรต่างๆ เฉินเฟิ่นอี้จึงไม่มีหนังสือเก็บไว้ที่บ้าน จะมีก็แต่สมุดที่อ่านไม่ค่อยได้เพราะหมึกจางลง ดูเหมือนเธอต้องให้พ่อของเธอพาเข้าไปในอำเภอและซื้อเนื้อมาทำอาหาร แต่คงไม่ใช่วันนี้และพรุ่งนี้เพราะการขอหยุดไม่ใช่เรื่องง่ายหากไม่มีเรื่องจำเป็นจริงๆ ไม่เหมือนกับวันที่เฉินเฟิ่นอี้ล้มป่วย ที่คณะกรรมการในหมู่บ้านอนุญาตให้ผู้หญิงบ้านเฉินหยุดเพราะมันเป็นเหตุสุดวิสัย “ชิงชิงน้อย” เฉินเฟิ่นอี้อ้าแขนออกเล็กน้อยให้น้องชายที่กำลังเล่นอยู่กับย่าเฉินวิ่งมาหา ก่อนจะอุ้มขึ้นและหอมแก้มอย่างที่เคยทำ เฉินชิงชิงหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี “พี่ฉาววว” เฉินชิงชิงใช้มือกอดคอพี่สาวที่อุ้มตนเองแน่น ก่อนที่เฉินเฟิ่นอี้จะเดินไปหาย่าเฉินที่นั่งอยู่พร้อมยิ้มกว้าง เพราะเธอเห็นว่าย่าเฉินมีอายุมากแล้วทั้งยังชอบนอนพักกลางวันจึงเลี้ยงน้องชายให้ เฉินชิงชิงปกติก็ชอบนอนกลางวันแต่หลายวันมานี้คงร้อนมากเกินไปจึงไม่ยอมนอน “พอเห็นพี่สาวแล้วลืมย่าเลยนะเจ้าห้า” ย่าเฉินว่าหลานชายพร้อมทั้งยื่นอาหารกลางวันของเฉินชิงชิงให้เฉินเฟิ่นอี้จัดการเหมือนที่ผ่านมา วันนี้มีภารกิจปลูกผัก เฉินเฟิ่นอี้จึงให้ป้าสะใภ้มาเอาอาหารเอง โดยที่เธอทำเตรียมไว้ให้แล้ว ซึ่งป้าสะใภ้ใหญ่กับป้าสะใภ้รองก็เพิ่งมาเอาไปไม่นาน พอดีกับที่เธอปลูกผักเสร็จ เฉินเฟิ่นอี้ฉีกเนื้อกระต่ายตุ๋นใส่ถ้วยให้น้องชาย อาหารมื้อกลางวันของเขามีเนื้อกระต่ายตุ๋นฉีก ไข่ตุ๋นผักตำลึงที่ใส่ข้าวลงไปด้วยและน้ำซุปผักหลายชนิดที่มีรสชาติหวาน ก่อนจะจับน้องชายนั่งเก้าอี้ที่ให้พ่อของเธอทำขึ้น และวางอาหารลงบนโต๊ะให้เขาตักรับประทานเอง ส่วนเธอก็คอยมองห่างๆ ก่อนหน้านี้ย่าเฉินจะป้อนเขาเพราะกลัวเลอะเทอะ แต่พออยู่ในความดูแลของพี่สาวอย่างเธอ เฉินเฟิ่นอี้จึงฝึกน้องให้รับประทานเอง เพราะเด็กวัยนี้ก็รู้ความมากแล้ว ส่วนชุดที่เลอะเธอก็ทำความสะอาดหลังรับประทานเสร็จพร้อมอาบน้ำให้เขา ย่าเฉินจึงไม่มีข้อโต้แย้งอีก “ตั้งแต่หลานทำอาหารให้เขา เจ้าห้าก็อ้วนขึ้นมาก” ย่าเฉินหัวเราะพร้อมชี้ไปยังเสื้อที่เล็กลง และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ปกติถ้าไม่ใช่มันบดก็จะเป็นฟักทองผสมข้าว “เขายังเด็กค่ะ ควรได้รับสารอาหารให้ครบ” เฉินเฟิ่นอี้กล่าวยิ้มๆ ยื่นมือที่มีผ้าไปเช็ดปากให้น้องชายที่รับประทานอย่างเอร็ดอร่อย เสื้อผ้าของเขาก็ไม่ได้เลอะมาก เพราะเฉินเฟิ่นอี้ยื่นคำขาดว่าหากอยากรับประทานของอร่อยแบบนี้อีก ต้องรับประทานให้หมดและห้ามเลอะ ซึ่งเขาก็ทำได้ดีมากจนคนในบ้านเฉินแปลกใจ “หลานปลูกผักเสร็จแล้วหรือ” “เสร็จแล้วค่ะ ฉันกินข้าวแล้วจึงมาดูชิงชิง” เพราะมันถึงเวลานอนพักกลางวันของย่าเฉินแล้ว “อ้อ ย่าจะเดินไปบ้านหลินสักหน่อย ได้ยินว่าหลานสะใภ้บ้านหลินคลอดลูกเมื่อเช้า” ย่าเฉินบอกพร้อมชี้ไปยังบ้านหลินที่อยู่ไม่ไกล “ค่ะ” ตกเย็นเฉินเฟิ่นอี้ก็ทำอาหารรอทุกคนกลับมา วันนี้มีตุ๋นกระต่ายที่เหลืออยู่ และมีคะน้าผัดน้ำมันที่ทุกคนชอบรับประทานอีก พอมีเนื้อกระต่ายในมื้ออาหาร ไข่ไก่ในบ้านจึงยังเหลือแต่ก็ไม่ได้เยอะมาก เพราะเฉินเฟิ่นอี้จะต้มให้น้องๆ คนละฟองก่อนไปเรียน ส่วนเฉินชิงชิงนั้นจะได้รับประทานแค่ในมื้อกลางวัน “ฉันช่วยค่ะ” เฉินเหม่ยเย่ที่กลับมาถึงบ้านก็ตรงมายังห้องครัวเหมือนกับทุกวัน ช่วงหลังๆ มา ผลการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของหล่อนดีขึ้นมากเพราะมีพี่สาวช่วยสอนทุกวัน คุณครูจึงไม่ได้สั่งการบ้านให้ทำ ทำให้หล่อนมีเวลาว่างเข้าครัวช่วยพี่สาว เฉินเฟิ่นอี้พยักหน้าพร้อมลุกออกจากที่นั่งปล่อยให้เฉินเหม่ยเย่หั่นคะน้า ส่วนเธอเดินไปดูหม้อตุ๋นกระต่ายที่กำลังได้ที่ เติมน้ำลงไปเล็กน้อยพร้อมปิดฝา ไม่รู้ว่าย่าเฉินเห็นเธอต้องล้างหม้อบ่อยๆ หรือเปล่า ถึงกัดฟันซื้อหม้อใบใหม่มาหุงข้าว “เฉินไห่หลิวกับเฉินตงล่ะ” เฉินเฟิ่นอี้ถามถึงน้องชายอีกสองคน หลายวันมานี้พวกเขาชอบเข้ามาป่วนในครัวบ่อยๆ พร้อมเฉินเหม่ยเย่ จึงแปลกใจที่วันนี้ไม่เห็น “พวกเขาไปเก็บฟืนกับเฉินจางค่ะ เมื่อเช้าคุณปู่สั่งไว้” “อ้อ” ระหว่างรอตุ๋นกระต่ายและคะน้าที่หั่นอยู่ เฉินเฟิ่นอี้ก็หันมาแกะเนื้อปลาที่พ่อของเธอได้มาเมื่อวาน วันนี้อาหารมื้อเย็นของเฉินชิงชิงมีเนื้อปลาต้มและผักลวกพร้อมกับข้าวที่หุงสองช้อน ไม่รู้ว่าเพราะชอบหรือกลัวจะไม่ได้รับประทานของอร่อยเฉินชิงชิงจึงไม่เหลือแม้แต่ผักให้ได้ทิ้ง “พี่ทำอาหารให้เจ้าห้ากินจนอ้วน แม่บ่นๆ กับฉัน” เฉินเหม่ยเย่บอกพี่สาว เพราะแม่ของหล่อนกลัวว่าจะทำให้พี่สาวเสียใจจึงไม่กล้าพูด แต่ก็มีบ่นเรื่องนี้กับหล่อนระหว่างที่หล่อนช่วยเลี้ยงน้องชายคนเล็ก “ไม่หรอก นี่แหละปกติแล้ว” เฉินเฟิ่นอี้หัวเราะ คนในหมู่บ้านส่วนมากขาดสารอาหาร พอเห็นเฉินชิงชิงเริ่มมีเนื้อมีหนังก็คิดว่าอ้วนมากเกินไป ทั้งที่จริงแล้วสำหรับเธอยังผอมอยู่ รวมถึงทุกคนในบ้านที่ช่วงนี้เจริญอาหารขึ้นมาก เฉินเฟิ่นอี้ใช้ผักและปลาตากแห้งในการทำน้ำซุปสำหรับปรุงอาหาร ทั้งยังทำแต่อาหารที่มีประโยชน์ “จริงสิ อีกไม่กี่วันก็จะสอบแล้ว พี่ไปลงชื่อสมัครสอบหรือยังคะ” เฉินเหม่ยเย่ถามด้วยความเป็นห่วง “เฉินตงจัดการให้พี่แล้ว เธอไม่ต้องห่วง” เฉินเฟิ่นอี้ยิ้มอย่างเอ็นดูน้องสาวที่เป็นห่วงเธอ เพราะเฉินตงสนิทกับครูใหญ่ของโรงเรียน เขาจึงแอบถามว่าเจ้าตัวไม่มาสมัครเองได้หรือไม่ ตามคำบอกของเฉินเฟิ่นอี้ ซึ่งครูใหญ่ก็ตอบว่าถ้ามีปัญหาและมาไม่ได้จริงๆ ก็ลงชื่อไว้และครูใหญ่จะเป็นคนยืนยันเอง เมื่อวานเฉินตงบอกเธอว่าลงชื่อให้แล้ว “ฉันกลัวว่าพี่จะไม่ได้ไปเรียนด้วยนี่คะ” เพราะลุงสามบอกให้เช่าบ้านอยู่ในอำเภอ หล่อนกลัวว่าจะต้องทำอาหารให้บรรดาพี่ชายและน้องชายรับประทานทุกวัน หล่อนทำอาหารได้แต่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ “ถ้าสอบเทียบไม่ได้ก็แค่เรียนใหม่” เธอได้ทบทวนดูแล้วยังมีเวลาให้เรียนอีกหลายปี ซึ่งต่อให้เฉินเฟิ่นอี้เรียนมัธยมต้นใหม่ มหาวิทยาลัยก็คงจะยังไม่เปิดให้สอบ “ค่ะ” “จริงสิ เธอรู้จักตลาดมืดหรือเปล่า” เฉินเฟิ่นอี้ขยับเข้าใกล้น้องสาวพลางกระซิบถามอย่างระมัดระวัง “ตลาดมืด!” เฉินเหม่ยเย่ตาโตเมื่อได้ยินพี่สาวพูดถึงสถานที่ผิดกฎหมายและอาจถูกเยาวชนแดงจับไปทรมาน หล่อนพยักหน้าเล็กน้อยเพราะเพื่อนๆ ของหล่อนเคยเล่าให้ฟังอยู่บ้าง “พี่อยากให้เธอขอพ่อให้ได้หรือเปล่า” เฉินเฟิ่นอี้ไม่โง่พอที่จะไปคนเดียวและไม่ต้องการให้น้องสาวติดตามไปด้วย พ่อของพวกเธอดูเหมือนจะรักเฉินเหม่ยเย่มากกว่าเธอ เฉินเฟิ่นอี้จึงใช้โอกาสนี้ส่งน้องสาวไป “ฉันว่าพ่อคงห้ามค่ะ ต้องให้พวกพี่เฉินตงพาไป” คราแรกเฉินเหม่ยเย่ส่ายหน้าแต่สุดท้ายก็กระซิบบอกพี่สาว “พวกเขาเคยไปเหรอ” “ใช่ค่ะ” ระหว่างพี่น้องบ้านเฉินไม่เคยมีความลับต่อกัน ขอเพียงแค่ถามและบางครั้งเฉินไห่หลิวกับเฉินตงชอบใช้โอกาสที่ได้เข้าไปในอำเภอ ไปที่ตลาดมืดแห่งนี้ พี่น้องไม่มีความลับต่อกัน แต่ไม่ใช่กับผู้ใหญ่เพราะรู้ว่าจะถูกห้าม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม