Chapter 2
ตะวันวาดถอนหายใจอ่อน เงยหน้าขึ้นสบตานายหัวหนุ่ม “ตะวันอยากให้พี่เปิดใจรับใครสักคน ได้ดูแลกัน ได้เอาใจใส่ ห่วงหาอาทร ตะวันอยากเห็นพี่มีความสุขกับคนที่รักพี่และพี่ก็รักจริงๆ สักที”
นายหัวหนุ่มไม่สนใจฟังหญิงสาว ขยิบตาให้สาวน้อยอีกครั้ง “เราไปบินร่อนเครื่องบินลงจากภูเขาทรายกันเถอะ เบื่อแม่ตะวันพูดเยอะ” ชายหนุ่มเอ่ยปากชวนสาวน้อย
เด็กหญิงพชรตะวันกางแขนและกระโดดขึ้นในอ้อมแขนของชายหนุ่ม พร้อมกับคนเป็นพ่อที่หนีบสาวน้อยตัวเล็กไว้ในวงแขนเพียงข้างหนึ่งและเดินออกไปจากตรงนั้นทันที
ชายหนุ่มหันกลับมามองหญิงสาวเหมือนนึกอะไรออกบางอย่าง ตะโกนกลับมาบอกตะวันวาด “ตะวัน ช่วยดูแลเรื่องชุดวันมะรืนให้พี่ด้วยนะ” เขาบอกโดยไม่รอคำตอบ รัดร่างของสาวน้อยไว้ในวงแขนให้แน่นขึ้นและพาวิ่งถลาลงไปที่ลานทราย มีเพียงเสียงสาวน้อยหัวเราะอย่างพอใจดังขึ้นเป็นระยะและขยับออกไปเรื่อยๆ
ตะวันวาดกับพราวได้แต่มองตามหลังอย่างหนักใจ ทุกครั้งที่ตะวันวาดพูดถึงเนื้อคู่ ชายหนุ่มมักจะเป็นอย่างนี้ทุกครั้ง และเขาก็ยืนยันคำเดิมว่าเขาจะอยู่ดูแลลูกหยีอย่างนี้ตลอดไป ถ้าพชรไม่อยากให้เขาแย่งลูก ตะวันวาดกับพชรก็ต้องมีลูกเป็นของตัวเองอีกสักคน
นายหัวหนุ่มประกาศออกมาทุกครั้งว่าลูกหยี เด็กหญิงพชรตะวันเป็นลูกสาวของเขา
พชรปฏิเสธคำพูดนี้ไม่ได้สักครั้ง เพราะนายหัวหนุ่มเป็นคนดูแลภรรยาและลูกสาวของเขามาตั้งแต่ต้น ทั้งที่ขัดใจและอยู่ลึกๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่ายอมและนิ่ง เพราะรู้อยู่เต็มหัวใจว่าตะวันวาดมั่นคงและไม่มีหัวใจที่จะมอบให้ใครอื่นฉันชู้สาวสักคน หากแต่เพราะความเป็นสามีก็ย่อมหวงภรรยาแสนสวยเป็นธรรมดา
งานเปิดตัวโรงแรมและงานแถลงข่าวที่จะจัดขึ้นในอีก สองวันข้างหน้างานยิ่งใหญ่ระดับภูมิภาค แต่จะพูดว่าเป็นงานระดับโลกก็ว่าไม่ผิด เพราะแพทริคหรือพชรเป็นผู้บริหารของบริษัทติดอันดับห้าของโลก
โครงการนี้ถือเป็นโครงการที่ยิ่งใหญ่แห่งปี และงานเปิดตัวก็ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่โดยฝีมือการบริหารของแพทริค หรือ พชร
Grand Private Park And Spa Krabi ได้ให้การต้อนรับหญิงสาวร่างสูงโปร่งในเวลาต่อมา หลังจากก้าวลงจากรถ เธอก็เดินเข้าไปข้างในอย่างมาดมั่น วางการ์ดสื่อมวลชนลงหน้าเคาน์เตอร์ พร้อมกับแจ้งรายละเอียดการจองห้องพัก
“สื่อมวลชนจากเรนโบว์แชนแนลค่ะ”
ผู้หญิงอีกคนที่นั่งอยู่ในห้องรับรองแขก รีบก้มศีรษะบังพนักพิงโซฟา ก่อนจะค่อยๆ ยื่นคอออกมามองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่ แน่นอนว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนร่วมสายอาชีพของเธอ และเป็นคนเดียวที่กำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือดเพื่อแย่งชิงโปรเจกต์ใหม่
พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์หยิบการ์ดของหญิงสาวขึ้นมาดู พร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงรับรู้คีย์ข้อมูลเข้าในระบบ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองแขกและส่งการ์ดให้เธอ
“คีย์การ์ดห้องของคุณค่ะ ดิฉันจะให้พนักงานพาไปส่งถึงห้องพัก”
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวกล่าวขอบคุณเบาๆ ยิ้มน้อยๆ ที่ชัยชนะของเธอจะมีเหนือคู่แข่ง อีกหนึ่งโปรเจกต์ที่เธอต้องได้มันมา
คนที่นั่งอยู่บนโซฟาลุกขึ้นยืน ถอดแว่นกันแดดของเธอออกมองย้ำเพื่อความแน่ใจ เธอก้าวตามหลังร่างสูงโปร่งหุ่นนางแบบที่เดินเข้าไปในลิฟท์อย่างแปลกใจ
นึกย้อนไปถึงสองวันก่อน ต้นเหตุของเรื่องราวที่ทำให้เธอมาอยู่ที่นี่...
ในห้องประชุมเรนโบว์แชนแนล สถานีโทรทัศน์ชื่อดังของเมืองไทย
น้ำในแก้วสิบใบยังหลงเหลือปริมาณเท่าเดิม สิ่งที่แตกต่างจากเดิมคือเม็ดน้ำที่เกาะอยู่นอกแก้ว บ่งบอกได้ว่า อุณหภูมิภายนอกชะล้างความเย็นด้วยกาลเวลา การประชุมเครียดของแผนก สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องอยู่ที่หน้าจอสไลด์ ไม่ได้มีใครสนใจที่จะหยิบน้ำขึ้นมาดื่มสักคน
“เอาล่ะ พี่ฝากไว้แค่นี้” เสียงของผู้ชายที่ถูกตัดของนัตตี้บอกออกมาพร้อมกับวางปากกาเลเซอร์ไว้บนโต๊ะ และปิด โน้ตบุ๊คของตัวเอง
นายหรือนางหรือหล่อน แล้วแต่สรรพนามหรือบุคคลเรียกขาน นัตตี้เป็นซีเนียร์โปรดิวเซอร์ของรายการเรียลไทม์ ที่กำลังขึ้นหม้อ ผลงานที่ผ่านมือเขาตอนนี้กำลังสร้างกระแสฮือฮาจนช่องต้นสังกัด ปล่อยงานชิ้นโบว์แดงให้เขาอีกหนึ่งโปรเจกต์และนั่นเป็นเหตุผลโครงการประชุมลับวันนี้
หนุ่มร่างท้วมภายใต้เครื่องแต่งกายหลากสีบนตัว ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าเป็นแฟชั่นที่กำลังฮิตในตอนนี้ ใบหน้าอิ่มฉาบด้วยเครื่องสำอางนำเข้าจากต่างประเทศ บนดวงตามีกรอบแว่นสีบานเย็น เขายกมือขึ้นแตะขาแว่นและขยับนิดหน่อยพร้อมกับมองลอดแว่น กวาดสายตามองสมาชิกในห้อง มาหยุดอยู่ที่ลูกกวางและพูดเบาๆ
“พี่ค่อนข้างมั่นใจ ว่าผลงานชิ้นนี้จะดังฮือฮาอีกชิ้นหนึ่ง”
สายตาที่จ้องมองบอกได้ว่าเจ้าตัวแสดงความใส่ใจกับคนตรงหน้า เป็นการให้อภิสิทธิ์เหนือคนอื่นกลายๆหากแต่เมล่อนที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็กระซิบกระซาบกับต้องรัก
“แหม่ เชียร์ลูกกวางอีกแล้ว เห็นทีงานนี้ทีมเราแป๊กอีกตามเคย”
“อย่าพูดมากน่า”
ต้องรักรีบตบครีเอทีฟสาวของทีมเอาไว้ ไม่ให้เธอพูดมากไปกว่านี้ ทั้งที่รู้สึกน้อยใจกับหัวหน้างาน ผลงานของเธอก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าทีมของลูกกวาง เรตติ้งก็อยู่ในระดับสูสี ผิดที่ว่าเธอจะได้รับโอกาสที่หลังทุกครั้ง
“ซุบซิบอะไรกันสองคนนั้นจะสนใจสิ่งที่ฉันพูดบ้างไม่ได้หรือไง” เสียงดุของนัตตี้ดังแทรกขึ้นมา
เมล่อนส่งค้อนไปหลับปะเหลือกให้กับต้องรัก โน้มตัวไปกระซิบที่ข้างหู “เห็นไหม เข้าหูเจ๊ช้างอีกจนได้ เหมือนจงใจจับผิดเราอย่างไรอย่างนั้นเลย”
ต้องรักได้แต่ซ่อนยิ้มกับคำเปรียบเปรยของครีเอทีฟสาว หากแต่มือเล็กของเธอก็ตีที่แขนของเมล่อนเตือนสติ พร้อมกับส่งสายตาดุ
“เอาล่ะแยกย้ายกันไปทำงานได้ พี่ขอเช็คเรตติ้งรายการของแต่ละทีมก่อนว่าทีมไหนจะมีความสามารถที่จะทำโปรเจกต์ไพร์มไทม์นี้ได้ แล้วเราจะประชุมโปรเจกต์นี้อีกทีสิ้นเดือน หลังสรุปเรตติ้งของแต่ละรายการ” เสียงของคนยืนหัวโต๊ะบอกอีกรอบ พนักงานทุกคนค่อยค่อยขยับลุกและเดินออกไป
เมล่อนกับต้องรักเดินไปจนถึงประตูหากแต่ลูกกวางยังคงพับเก็บหนังสืออยู่อย่างอ้อยอิ่ง พร้อมจะลุกขึ้นเดินตามไป หากแต่เสียงของ นัตตี้ก็ทำให้คนที่อยู่หน้าประตูห้องหูผึ่ง
“เราตามไปเจอพี่ที่ห้องหน่อยนะ”
“ค่ะ” ลูกกวางตอบรับพร้อมกับเดินตัวลีบออกไปอย่างอ่อนน้อม ในขณะที่ เมล่อนย่นจมูกมองอย่างหมั่นไส้
ต้องรักรีบลากตัวครีเอทีฟสาวเข้าไปในห้องทำงานของตนก่อนที่จะเกิดการปะทะกันอีกครั้ง เมล่อนเป็นสาวขาลุยไม่แตกต่างจากเธอ และเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอจงเกลียดจงชังลูกกวางเข้าไส้
“พี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำแบบนี้ เราก็เป็นนางมารร้ายให้เขาอยู่นั่นแหละ”
“พี่ต้องรักจะพูดอะไรก็แล้วแต่ แต่เมล่อนทนไม่ได้หรอก ที่จะเห็นการเอาเปรียบซึ่งๆ หน้า ไม่ได้วัดกันที่ฝีมือสักนิด สิ่งไหนที่พวกเขาเลือกแล้วว่าไม่เอา สิ่งนั้นจะตกมาที่ทีมเราเสมอ แล้วเมื่อไหร่เราจะได้เป็นคนเลือกเสียทีล่ะ” เมล่อนบอกมาอย่างอัดอั้น
“เอาเถอะนะ เรามีงานก็ดีแล้ว” หญิงสาวพยายามปลอบโยน แต่อีกคนก็เดินลงส้นปั้นปึงออกไป
หลังจากที่เมล่อนวิ่งออกไปได้ไม่ถึงสิบนาที เธอก็วิ่งหน้าตื่นกลับเข้ามาอีกครั้งด้วยความตื่นเต้น ขณะที่หญิงสาวเจ้าของห้องกำลังนั่งเท้าคางมองจอคอมพิวเตอร์อย่างทอดอาลัย หัวใจหดเหี่ยวแฟบยิ่งกว่าเมล่อนที่เดินออกไปก่อนหน้าเสียอีก
“พี่ต้องรัก ฉันมีข่าวสุดแซ่บมาบอก”