“พาเธอออกไป! อย่าให้คุณพ่อเห็นเด็ดขาด ถ้าเธอไม่เชื่อฟัง บอกเธอว่าเหตุการณ์วันนี้ฉันจะถือว่าฉันไม่เห็นอะไรมันจะเป็นโอกาสสุดท้ายของเธอ” เรโนลต์สั่งการและให้โอกาสกับความผิดครั้งแรกของงามตาแต่ถ้าเธอยังดันทุรันต่อก็ต้องยอมรับผลที่ตามมาให้ได้ เขาพูดจบก็เดินไปอีกทาง เขายืนต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ์ถ่ายรูปกับเหล่าแขกทุกท่านที่มาร่วมงานได้ทุกคน แต่เขาไม่อาจถ่ายรูปกับงามตาได้ในฐานะแขกที่มาร่วมงานเหมือนคนอื่นๆ นั่นก็เพราะงามตาเลือกชุดที่ไม่เหมาะสม ถ้าเขาถ่ายรูปคู่กับเธอ เขากับเธอก็ไม่ต่างกับคู่บ่าวสาวไปเสียแล้ว
งามตาที่ถูกชฎายุเข้ามาขวางและเมื่อได้ยินคำที่เรโนลต์ฝากมาดวงตาเธอถึงกับพร่าเลือน วันนี้เป็นความหวังครั้งสุดท้ายที่เธอยังหวังว่าเขาอาจจะถูกบังคับและเลี่ยงไม่ได้จริงๆ แต่จากคำเตือนกับท่าทีของเขาที่ตอนนี้ที่เดินหนีเธอไปอีกทางแล้ว ความเต็มใจกับการแต่งงานครั้งนี้และรวมถึงการยอมรับเจ้าสาวคนนี้เป็นภรรยาของเขาชัดเจนกว่าครั้งไหนๆ
ควับ! งามตาหันหลังกลับทันที และเธอไม่คิดว่าจะเห็นหญิงสาวในชุดเจ้าสาวที่งามสง่าฉายรัศมีฆ่าผู้คนที่จิตอกุศลให้แดดิ้นไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดกันเลย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นผู้หญิงที่มาแย่งตำแหน่งที่ต้องเป็นของเธอ ความอดทนถูกดึงขึ้นมาใช้อย่างมหาศาล ณ เวลานี้ เมื่อความริษยาแทบจะทำเธอระเบิดทุกอย่างออกมาถึงขนาดอยากแลกชีวิตด้วยชีวิต
แต่น้ำขิงใช้หางตาเพียงมองหญิงสาวที่การแต่งตัวบ่งบอกว่าตัวเองเป็นเพียงเมียเก็บและอยากจะประกาศตัวให้โลกรู้ว่าเธอก็เป็นเมียคนหนึ่งของเจ้าบ่าวในงานสินะ!
ชฎายุที่อึ้งกับความงามของภรรยาเจ้านายลืมสิ้นว่าต้องพางามตาออกจากงานไปโดยเร็ว แต่เมื่อเจ้าสาวที่กำลังเดินอย่างสง่างามในทุกๆ ก้าว เพื่อเข้างานซึ่งต้องมองเห็นเขาและงามตาเพราะเป็นทางที่ต้องผ่าน ชฎายุถึงกับได้สติและส่งสายตาให้งามตาออกจากที่นี่ไปให้เร็วที่สุด แม้น้ำขิงจะใช้เพียงหางตาแต่พี่จินกลับมองสองคนนั้นด้วยดวงตากลมโตพร้อมเบิกกว้างมองอย่างหยามเหยียดเพราะพอรู้กิตติมาศักดิ์ของสามีตามกฎหมายของเจ้านายสาวมาบ้าง หญิงสาวในชุดนี้ไม่เกินคาดเดายากอะไร
“น่ารังเกียจจริงๆ” พี่จินเอ่ยขึ้นเบาๆ เมื่อเดินมาเสมอกันกับสองคนนั้น เสียงที่เอ่ยเบาๆ ได้ยินกันทั้งสี่คน น้ำขิงยังคงเรียบเฉยในทุกอิริยาบถทั้งภายนอกและภายใน ชฎายุถึงกับหน้าร้อนอย่างรู้ความผิดเขาถึงกับต้องก้มหน้าลงทันที ส่วนงามตาดวงตาแทบจะจุดไฟได้สองมือเกร็งกำแน่นจนเส้นเลือดเล็กๆ ปูดโปนได้อย่างชัดเจน
เมื่อถึงแก่เวลาเรโนลต์คิดว่ามือขวาคงจัดการแล้วเสร็จ เขาจึงเดินกลับมาจะประจำตำแหน่งเดิมเพื่อต้อนรับแขกและรอเจ้าสาวต่อ แต่เขาก็ทันได้เห็นภาพคนสี่คนตรงหน้าอาการของแต่ละคนแตกต่างกัน แต่มีสถานการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้างนั้นยากที่จะเข้าใจเพราะเขาไม่ได้ยินอะไร แต่สิ่งที่เขาเห็นได้อย่างชัดเจนคือความแตกต่างระหว่างงามตาและ น้ำขิง และตอนนี้ในสายตาเขากลับเห็นแต่น้ำขิง เธอ...เธอช่าง
อย่างไม่รู้ตัวเรโนลต์เขาไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาน้ำขิง และหยุดอยู่ตรงหน้าเธอมองเธอ รอบตัวเธอมีแต่ออร่าบางอย่างที่แผ่ขยายกว้างขึ้นจนล้อมตัวเขาและเธอ ตอนนี้เขารู้สึกเพียงว่าโลกทั้งใบมีแค่เธอและเขามีกันและกันเท่านั้น “สวยมาก” เสียงที่เอ่ยออกมาไม่ต่างกับคนที่กำลังเพ้อ
น้ำขิงที่มีเพียงความเรียบเฉยตอนนี้เธอถึงกับกลอกตามองบนอย่างเอือมระอา พันคำร้อยคำเธอไม่เชื่อน้ำคำของผู้ชายตรงหน้าสักนิด ผู้ชายหล่อหน้าตาดีเขาไม่หลุดจากสิ่งนี้แต่เธอไม่เคยเห็นคนหน้าตาดีหรือไง ทั้งแบบตัวเป็นๆ และแบบหน้าจอทีวีมาไม่น้อยทั้งนั้น เธอไม่เคยหลงใหลผู้ชายเพียงเพราะมีหน้าตาดีมันใช้ไม่ได้กับเธอ แล้วเขาจะต้องได้รู้อย่างแจ่มแจ้ง
พรึ่บ เรโนลต์ยื่นมือไปเพื่อเป็นการต้อนรับเธอ ซึ่งเธอต้องวางมือบนมือเขาและเดินไปด้วยกัน เรโนลต์ยิ้มเมื่อน้ำขิงทำอย่างที่เขาคาดไว้ ทั้งสองเดินเคียงข้างไปด้วยกัน ซึ่งทุกอิริยาบถของทั้งสองตั้งแต่แรกเริ่มก็อยู่ในสายตาของเหล่าแขกเหรื่อและญาติผู้ใหญ่มากมายต่างก็เกิดรอยยิ้ม ยกเว้นงามตาที่ไม่อาจกักน้ำตาของตนไว้ได้ ขืนยังอยู่ต่อไปก็มีแต่เสียใจทำร้ายตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า คนฉลาดต้องรู้เวลารุกเวลาถอย เธอจึงก้าวและเดินออกจากงานไปอย่างรวดเร็ว ชฎายุไม่ได้ตามไปทำเพียงมองตามและผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก
ควับ! เมื่อแขกเหรื่อเบาบางลงน้ำขิงก็สะบัดมือของตนออกจากมือใหญ่ที่กอบกุมมือเธอไม่ยอมปล่อยตั้งแต่ที่เธอให้โอกาสเพียงครั้งเดียวในทันที เรโนลต์ก็จำต้องปล่อยไปก่อนแม้จะไม่พอใจแต่ก็ต้องเก็บไว้ใจ ทั้งๆ ที่เขาผู้ชายที่สาวๆ หมายปองกลับถูกเธอทำท่ารังเกียจ เขาจะต้องเอาคืนต้นทบดอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้จบแน่ๆ
“อยากรู้นัก ว่าจะเก่งไปได้สักกี่น้ำ...” คำพูดส่อลงสู่ที่ต่ำของเขา ทำเอาน้ำขิงแทบทนไม่ได้เธออยากจะตบปากเน่าๆ ของเขาจริงๆ ในขณะที่กำลังเคืองโกรธแค้นเขาก็เอ่ยต่อ เอ้! “แบบนี้คนแก่คนเฒ่าเขาว่ายังไงนะ...ลูกหัวปีท้ายปีใช่มั้ย”