Chapter 13
เสื้อเชิ้ตสีขาวครีมเปียกชุ่มน้ำตาตลอดเวลาที่เขาพยายามกอดปลอบร่างสั่นเทาในอ้อมแขน ตฤณภพเข้าใจถึงความกดดัน ความกลัวของผู้หญิงคนหนึ่งกับการต้องท้องไม่มีพ่อ คนที่บ้านยังหัวโบราณ ฝังค่านิยมเดิม ๆ ให้ลูกหลาน
ถ้อยคำมากมายพรั่งพรูจากปากหล่อนที่ร้องไห้ไปพูดไปหลายนาน จนเสียงสะอึกค่อยเงียบลง ชายหนุ่มจึงประคองบ่ามนให้นั่งลงบนที่นอนข้างกัน เลื่อนมือขึ้นปาดหยาดน้ำตาบนแก้มใสด้วยปลายนิ้วโป้ง
“เมย์... ต่อไปนี้ไม่ต้องปิดใครแล้วว่าท้อง เมย์ไม่ต้องกลัวนะ พี่จะพาเมย์กับลูกไปหาหมอทุกครั้ง พาเมย์ไปเจอแม่พี่ด้วย แม่ขวัญใจดี แม่ต้องรักเมย์รักหลานแน่ ๆ”
กระบอกตาร้อนผ่าวปิดปรือช้า ๆ ขมับเต้นตุบมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกสับสน เสียใจ ดีใจในขณะเดียว มันทำให้หล่อนนึกเกลียดอารมณ์อ่อนไหวของตัวเอง
ทำไมถึงได้คิดไปว่าหมอตฤณจะไม่ยอมรับเรื่องเด็กในท้องว่าเป็นลูกของเขา
“จะอาบน้ำก่อนไหม?” เสียงทุ้มถามอีกคนก็พยักหน้าเบา ๆ
“เดี๋ยว... อาบค่ะ...”
พูดเท่านั้น ร่างสูงจึงลุกขึ้นโน้มตัวลงรวบข้อพับขาวเนียนไว้ในวงแขน เขารู้สึกได้เลยว่าคุณแม่ตัวหนักกว่าเดิมเล็กน้อย
“เมย์เดินเองได้...”
“พี่อุ้มเมย์ได้เหมือนกัน ไปอาบเถอะแล้วค่อยมานอน เกิดเมย์หลับไปเหนียว ๆ เดี๋ยวพี่ต้องเช็ดตัวให้คุณแม่อีก”
ใบหน้าแดงก่ำจากการร้องไห้อย่างหนักคงไม่มีพื้นที่ให้แดง! หล่อนไม่กล้าจะดิ้นเพราะถ้าเกิดตกลงตุบมีได้เป็นเรื่อง เลยปล่อยให้เขาไปส่งถึงห้องน้ำแม้มันจะแค่ไม่กี่ก้าวเดิน
ชายหนุ่มวางคนในอ้อมแขนลงอย่างเบามือ ก้มหน้าลงถามจริงจัง
“ต้องอาบให้ด้วยหรือเปล่า?”
“ไม่เป็นไรค่ะ... อาบเองได้”
ดวงตาคู่สวยขยิบในเชิงไล่ ขณะที่อีกคนไม่ยอมออกไปแต่ก้มหน้าลงมองพื้นกระเบื้องสีขาวอย่างตำหนิ
“เมย์ควรจะวางรองเท้าแตะเอาไว้หน้าห้องน้ำด้วยนะ เวลาอาบน้ำต้องใช้กันลื่นล้มนะครับ”
“ออ... ค่ะ เมย์ลืม”
“แค่นี้ยังลืมเลย ท้องโตกว่านี้จะเป็นยังไง ดูแลตัวเองไม่ไหวแน่ อีกหน่อยเมย์จะปวดหลัง ปวดขา ลุกไม่ไหว นอนไม่หลับเพราะลูกถีบ เท้าบวมตอนท้องแก่ ยังต้องปวดท้องคลอดลูก ขณะที่ผู้ชายไม่ต้องเจ็บปวดอะไรเลย สามเดือนกว่า... เมย์ทิ้งพี่ไปใช่ไหม?” คนขี้บ่นได้บ่นไม่หยุดให้คนตัวเล็กเชยหน้าขึ้นมองตอบ
“ค่ะ... ทำไมคะ?”
“เมย์ทนมาได้ยังไง? ต่อไปนี้อย่าทำแบบนั้นอีกนะ เราจะอยู่ด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูกไปตลอด รอบนี้กล้าหนีล่ะน่าดู”
เสียงเข่นเขี้ยวขู่ฟ่อพาร่างบางผวาน้อย ๆ แต่ว่าเขาเพิ่งสารภาพรักหล่อนหรือเปล่ากัน?
“เมย์มีผัวเป็นหมอฟัน หมอตฤณเป็นคนรักลูกเมียมาก หมอไปต่างจังหวัด ไปทำธุระหาพ่อที่จันทบุรีเพิ่งกลับ ถ้าใครถามก็พูดตรงกันตามนี้เนอะ”
ชายหนุ่มพูดอย่างไม่มีท่าทีเก้อเขินเลยแม้แต่น้อยค่อยเดินออกไป คนในห้องน้ำก้มหน้าลงอายเสียเอง
เมษาไม่ใช่คนอาบน้ำนานนัก หล่อนทำธุระไม่ถึงสิบนาที หยิบเดรสนอนสีชมพูหวานมาสวม แล้วทิ้งตัวลงนอนหลับไปอย่างง่ายดาย ด้วยความเหนื่อยล้าจากการทำงานและร้องไห้อย่างหนัก
แม้ที่ผ่านมาจะท้อแท้สิ้นหวังกับการต้องเก็บความลับไว้ลำพัง หล่อนเหมือนถูกทิ้งไว้ให้ลอยเคว้งคว้างกลางทะเลมืดดำ ปกคลุมด้วยเมฆทะมึน พร้อมอีกหนึ่งชีวิตในท้องที่โตมากขึ้นเรื่อย ๆ
วันนี้แสงแห่งความหวังปรากฏขึ้นอีกครั้ง ราวกับว่าทุกอย่างเป็นความฝัน...
ฝันร้ายที่ทำให้หล่อนเข้มแข็ง ยอมละวางความดื้อรั้นของตัวเองลง ฝันที่หล่อนไม่อยากตื่นในเมื่อมันยังคงเหลือความรู้สึกดี ๆ ที่มีต่อพ่อของลูก
ถึงปัญหาชีวิตจะยังไม่จบสิ้นดี หล่อนสบายใจขึ้นมาก เมื่อเปิดเปลือกตาหนักอึ้งมองไปรอบกาย แสงอาทิตย์ทอดรำไรผ่านหน้าต่างที่มีม่านสีขาวบาง
บนโซฟาเบาะหนังสีขาว ร่างสูงในเสื้อยืดสีขาว กางเกงนอนผ้าแพรขายาวสีน้ำเงินเข้มนอนเท้าแขนบนหมอนอิงสีแดงใบเล็ก
ดวงตาคู่สวยฝังติดอยู่กับใบหน้าหวานคมลงตัว ใจนึกอยากลูบไล้เล่นจมูกโด่งเป็นสันคม แม้แต่ผิวผ่องขาวละเอียดเกือบเท่ากันกับผู้หญิง เรียวปากกระจับที่เคยมอบจุมพิตหวานผ่านคืนเร่าร้อน
นั่นพี่หมอตฤณของหล่อนจริง ๆ ใช่ไหม หรือว่าหล่อนกำลังฝัน...?
“ตื่นแล้วเหรอ?” ในน้ำเสียงอ่อนโยนเรียกพลางส่งยิ้มให้คนบนเตียงสบายใจว่าเขาไม่ได้แอบปลุกปล้ำหล่อนด้วยความหื่นกระหาย แต่นอนเฝ้าคนท้องเป็นอย่างดี
“ค่ะ... อุ๊บ!” ตอบพลันยกมือป้องปากวิ่งพรวดเข้าห้องน้ำเหมือนทุก ๆ เช้า รักยิ่งกว่าใครคือชักโครก! ทั้งที่รับประทานยา ทำตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด
เสียงโอ้กอ้ากอาเจียนดังต่อเนื่อง ชายหนุ่มเร่งฝีเท้าตามไปอย่างเป็นห่วง นั่งลงข้าง ๆ ยกมือลูบหลังไปลูบหัวไป
ในสายตาเป็นห่วงกึ่งให้กำลังใจ ตฤณภพรู้ดีว่าเป็นเรื่องธรรมดาของคนท้องแค่ไม่เคยประสบพบกับตัวเอง
“แพ้ท้องหนักมากเลยเหรอ เป็นแบบนี้ทุกเช้าไหม?”
ใบหน้าซีดขาวส่ายไปมา เงยหน้าขึ้นพยักหงึกหงักให้เขาแล้วตั้งหน้าตั้งตาอาเจียนต่อ ว่าที่คุณพ่อเลยไม่รู้ว่าคำตอบคืออะไรแน่ ได้แต่เป็นห่วง
“คุณแม่ส่วนใหญ่แพ้ท้องแค่ช่วงแรกของการตั้งครรภ์ อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นหลังสามเดือน มีบางคนแพ้ท้องยาวแต่น้อยมาก ๆ เมย์ควรไปหาหมอสูติฯ อีกรอบนะ เช็กให้ละเอียด พี่อยากไปด้วย”
พื้นฐานเรื่องอาเจียนของสตรีมีครรภ์กับการทำฟันนั้นทันตแพทย์จำเป็นต้องรู้ ประสาหมอขี้บ่นเขาพูดไปเรื่อยเปื่อย จนอีกคนยกแขนเสื้อขึ้นปาดริมฝีปาก
“เมย์เพิ่งไปมา... สองอาทิตย์ก่อนค่ะ...” เสียงหวานบอกพร้อมสีหน้าเหนื่อยล้าอ่อนแรง หลังปล่อยทุกอย่างไปหมดไส้หมดพุง ขณะที่คิ้วเรียวเข้มชนเข้าหากัน
“เอ้อ... แล้วหมอสูติฯ หมอผู้หญิงหรือผู้ชาย?”
“อาจารย์หมอ... ผู้ชายค่ะ”
คนได้ยินยกมือป้องปากตกใจ “หมอ... ผู้ชาย?”
“ค่ะ... ทำไมคะ?”
ความเสียใจปรากฏในแววตาคู่หวานคม เขาก้มหน้าลงมองคนที่อาการดีขึ้นตามลำดับด้วยสีหน้าตัดพ้อ
สีชมพูหวานปานดอกกุหลาบ! นอกจากตัวเขาที่เมาแค่ไหนมืดเท่าไรก็จำได้มีผู้ชายอีกคนมาสอดส่อง
“ทำไมพี่ทำหน้าแบบนั้นล่ะ มีอะไรหรือเปล่า?”
“ไปฝากที่อื่น... ขอหมอผู้หญิง” พูดเด็ดขาด ชายหนุ่มลุกขึ้นหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดปากให้คุณแม่ที่จู่ ๆ ก็หัวเราะ
“มันไม่ตลกนะครับ หมอสูติฯ มีตั้งเยอะแยะ ทำไมไม่เลือกหมอผู้หญิง?”
“เมย์อยากฝากท้องกับอาจารย์คนนี้นี่ แกเก่งอ่ะ”
“อาจารย์ผู้หญิงก็มี... เก่ง ๆ เยอะแยะไป” เขาเถียงเหมือนเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ตัวเองก็หมอผู้ชายไม่ควรเหยียดเพศหมอด้วยกันด้วยซ้ำ! เมษาพอจะนึกออกว่าเพราะอะไร
“พี่... หวงเมย์เหรอ?” หล่อนเชยหน้ามองใบหน้าบึ้งตึงอย่างนึกขบขัน ค่อย ๆ ลุกขึ้นโดยมีฝ่ามือหนาจับประคอง
“หวงสิ... ไม่หวงไม่ห่วง ไม่เสียเวลา เสียเงินตั้งเยอะแยะ ตามหาลูกเมียไหม? ปล่อยเลยตามเลยไปละ” ในน้ำเสียงไม่พอใจเป็นอย่างมาก
หญิงสาวทำกลอกตาไปมาได้ยินอยู่เมื่อวานเรื่องนักสืบเอกชน
ไม่บอกก็รู้ว่าหมอตฤณน่ะเอาเรื่อง! ส่วนตัวหล่อนคงต้องขีดเส้นกลางไว้สักหน่อย
“ใครเป็นเมียหมอกัน? นอนด้วยกันแค่ครั้งเดียว... เมาด้วยอีก... เมย์ไม่ยักกะจำได้”
จากนั้นหล่อนก็ทำเป็นไม่สนใจเขา หันไปล้างหน้าแปรงฟัน ตฤณภพต้องสะกดกลั้นความโมโหพอถูกเมินอย่างไร้เยื่อใย สะบัดหน้างอนออกจากห้องน้ำไป