Chapter 16
ภาพเลือนรางในค่ำคืนแสนหวานกับสาวหมวยสวยอึ๋มปลุกให้ชายหนุ่มรู้สึกตัวตื่น แม้อารมณ์ตื่นเต้นประหลาดยังคงเหลือในเรือนกายรุ่มร้อน
เพดานสีขาวในห้องนอนกว้างโทนสีขาวสลับดำ บอกว่าทุกอย่างเป็นเพียงฝัน เขาเกือบจะลุกจากที่นอนนุ่ม แต่เพราะสัมผัสได้ถึงความเหนียวเหนอะหนะเลอะเทอะ จึงเลื่อนมือลงคลำหาตัวต้นเหตุ
เฮ้ย!
เสียงสบถในใจ ความคิดในทางการแพทย์เรียบเรียงลำดับก่อนหน้าหลัง
ความเปียกหนึบเกิดจากการอัดอั้นตามกลไกธรรมชาติในช่วงครึ่งหลับครึ่งตื่น จินตนาการทางเพศในรูปแบบของความฝัน กระตุ้นอวัยวะสืบพันธุ์ให้มีการตื่นตัวทางเพศถึงขีดสุด
ตั้งแต่มีลมหายใจมาถึงอายุปูนนี้ ตฤณภพยังไม่เคยจะฝันเปียก! ตัวเขาไม่ใช่เด็กหนุ่มวัยเจริญพันธุ์แต่อายุสามสิบเจ็ดปีแล้ว
“พี่ตฤณคะ... ตื่นหรือยัง?” เสียงหวานเรียกผ่านประตู ร่างสูงสะดุ้งลุกพรวดจากเตียง ก่อนตะโกนตอบ
“ครับ ๆ! ตื่นแล้ว! แป้บนะ...” พลันลุกจากเตียง มือกำคราบเปื้อนติดกางเกงนอนลายขวาง หายเข้าห้องน้ำไปวิ่งผ่านน้ำจากฝักบัว
ใช้เวลาสักพักกับการสงบจิตสงบใจ
เมษาเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าบางส่วนมาอยู่ด้วยกันบางวัน ขณะที่เขาเปิดห้องนอนอีกห้องให้อย่างสุภาพบุรุษ รับปากว่าจะไม่แตะต้องเนื้อนางแม้ปลายก้อยหากว่าหล่อนไม่เต็มใจ
ความรู้สึกผิดกับการกระทำในคืนนั้น...
ในคืนที่หล่อนไม่พร้อมเป็นของเขา ยังปล่อยให้แม่ของลูกใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมาถึงสามเดือนของการตั้งครรภ์ ตฤณภพตั้งใจว่าจะใช้ความอดทนให้มากกว่าเดิม บอกลาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเด็ดขาด!
เสื้อยืดสีขาวมีแถบพาดบนไหล่คลุมไว้ด้วยเชิ้ตลายสก็อต กางเกงยีนสีซีดธรรมดาพาคุณหมอหนุ่มย้อนวัยกลับไปสมัยยังเป็นนักศึกษา ด้วยนิสัยของเขาเป็นคนชอบเลือกเสื้อผ้าตามอารมณ์ในแต่ละวัน เซตผมให้เข้าที่จับเจลล์เบา ๆ ไม่ให้มันปรกหน้าผาก
อารมณ์ฟุ้งซ่านจากความฝันพอจะสงบลงบ้าง ก่อนออกจากห้องนอนไปหาหญิงสาว ที่มีนัดกับเขาในวันนี้
ร่างบางในเดรสสีแดงอมชมพูเหยียดกายนอนเล่นโทรศัพท์มือถือบนโซฟากำมะหยี่สีเทา
คอนโดมิเนียมติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา สามารถสูดอากาศบริสุทธิ์จากห้องนอนซึ่งเขายกให้คนท้องได้เปิดหน้าต่างรับลมในตอนเช้า ในส่วนของห้องรับแขก มองออกไปเห็นแม่น้ำทอดยาวสุดตาถึงฝั่งเมืองตึกสูงใหญ่ จากตรงนี้เลยเขตกรุงเก่ามาหน่อยถึงไม่ได้อากาศดีเท่าต่างจังหวัด ติดสวนสาธารณะขนาดใหญ่มีต้นไม้รายล้อมรอบโครงการ ตัวเขาคิดว่าดีกว่าในเมือง
ผ้าม่านผืนใหญ่สีเนื้อครีมรวบตึงอย่างเรียบร้อยสองข้างขนาบกระจกบานสูงใหญ่ เมษาฉีกยิ้มกว้างหวานมองเขาหย่อนก้นนั่งลงข้างกัน
“หลับสบายไหมคะ?”
“สบายสิ เมย์กลับมาอยู่กับพี่แล้วไม่ต้องนอนฝันร้าย เมย์ล่ะ... กินข้าวยังครับ?”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ เมย์กินคอนเฟลก ผลไม้นิดหน่อย ตอนเช้าเมย์ทานเยอะไม่ไหว”
“แล้วเมื่อเช้าอาเจียนเยอะเปล่า?” ด้วยท่าทางของคนขี้เป็นห่วง วงหน้าหวานระบายยิ้มส่ายไปมา
“ไม่เยอะ เบา ๆ เมย์ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องห่วงค่ะ”
เมษาไม่ได้โกหกเขายังรู้สึกใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง หล่อนได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
หลายวันมานี้ ถ้าวันไหนเมษาเข้างานกะบ่าย สี่โมงเย็นเลิกเที่ยงคืนเขาจะไปรับที่ทำงานค่อยกลับไปนอนห้องหล่อน คอยหาข้าวปลาอาหาร นม ขนม บำรุงลูกในท้อง เตือนให้รับประทานยา รวมถึงเรื่องความเครียด ไม่มีสักครั้งที่เขาจะพูดจาแรง ๆ ให้ร้องไห้เสียใจ
วันไหนสะดวกกลับห้องเขาก็จะกลับมาด้วยกัน ด้วยความที่ห้องพักของเขาสะดวกสบาย และกว้างขวางกว่าห้องเล็บแคบของเมษา
พื้นที่หนึ่งร้อยยี่สิบสามตารางเมตรเท่าบ้านหนึ่งหลัง ต่างกันที่อยู่บนตึกสูง ที่นี่มีสองห้องนอน ห้องรับแขก ห้องครัว ห้องนอนอีกห้องเขายกให้หล่อนพัก ปั๊มกุญแจและคีย์การ์ดให้อีกหนึ่งชุดบอกว่าจะมาเมื่อไรก็ได้ ถึงต้องเผื่อเวลาสักหน่อยสำหรับการเดินทางไปทำงานก็ขอให้มา
“วันนี้ลางานหรือเปล่า? เราจะไปโรงพยาบาลกันกี่โมงครับ?” เขาถามหน้าเครียดเพราะหล่อนเอาแต่มองตาแป๋วให้ใจไม่เป็นสุข เมษาคงไม่รู้เรื่องอะไร
“หมอนัดรับยา อัลตร้าซาวด์สิบโมงค่ะ แต่เมย์เข้ากะเย็น ไปทำงานทันอยู่”
“ถ้าไม่ไหวอยากพัก ก็พักบ้างนะ” ในน้ำเสียงอ่อนลงบอกคนบนโซฟา ตาคมลอบมองเดรสทรงกี่เพ้าแต่เป็นทรงปล่อยแบบพอง ๆ ดูยังไงก็เป็นเสื้อแนวแฟชั่น เลกกิ้งคุณแม่ปรับขยายเอวได้ หากไม่ดูพฤติกรรมการกิน แพ้ท้องอาเจียนเวียนหัวแทบไม่รู้เลยว่าสาวตัวบางร่างเล็กตั้งครรภ์
“เมย์... กินข้าวเยอะหรือเปล่า? หมอว่าไงอ่ะ ทำไมท้องเล็กจัง อย่าทำงานหนักเลยนะ เมย์หยุดอยู่บ้านเถอะ พี่มีปัญญาเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย”
เรื่องบ่นเป็นธรรมดาของหมอตฤณที่หล่อนเริ่มชินเสียแล้ว คำว่า ‘เมีย’ เขาก็ยังไม่เลิกพูดซะที จนหล่อนต้องเลิกทักไปเอง
ตอนนี้เมษาคงไม่อยากหยุดงานจึงบอกเขาไปตามตรง อย่างเป็นทางการ
“หมอตฤณคะ ช่วงนี้คนมาตรวจโควิดเยอะ โรงพยาบาลเมย์อยู่ในเขตพื้นที่สีแดง งานแล็บกองเต็มโต๊ะ หมอเป็นหมอ น่าจะเข้าใจการเสียสละของอาชีพหมอดีที่สุด ตอนนี้โลกเรากำลังประสบปัญหา วิกฤติการณ์โรคระบาด เราต้องช่วยกันนะคะ”
คนพูดยาวเหยียดถึงเป็นเพียงผู้อยู่เบื้องหลังคอยสนับสนุนงานของนายแพทย์ก็ตาม ถือวิสาสะคว้ามือหนาไว้ ยกขึ้นมาจับด้วยมืออีกข้าง
“ถ้าหมออยากช่วยอีกแรง...” แล้วฉีกยิ้มหวานให้เป็นกรณีพิเศษ ต่างจากคนอื่น ๆ หากว่าหล่อนได้จับแขนของพวกเขา...
“ไปบริจาคเลือดเนอะ ไว้เป็นเลือดสำรองให้ผู้ป่วยยามฉุกเฉิน เมย์ว่าหมอฟันคงไม่จำเป็นต่อสถานการณ์นี้เท่าไร ไม่ต้องห่วงเรื่องเจ็บนะคะ ถ้าเมย์มีโอกาสได้เจาะเส้นเลือดดำหมอ...”
แม่จะแทงให้ทะลุ!
“เบามือที่สุดค่ะ” เสียงหวานบอกอย่างคนเสแสร้ง ปล่อยมือของเขาลงวาง
ตฤณภพยังไม่เลิกห่วงกลัวลูกจะตัวเล็ก น้ำหนักไม่ถึงเกณฑ์ กลัวนู่นนั่นนี่ไปหมด
“เมย์ครับ...” เขาเรียกหล่อนด้วยแววตาที่อ่อนโยนลง ทำชะเง้อคอมองไปทางห้องนอนด้วยท่าทางสอดรู้สอดเห็น
มีนิสัยเรื่องที่เขาเพิ่งได้ยินมาจากปากหล่อนว่าลูกผู้หญิงต้องทำงานบ้านทุกอย่าง ด้วยเหตุผลว่า ‘มันเป็นหน้าที่ของผู้หญิง’ หากว่าหล่อนอยู่บ้าน เป็นหน้าที่ของเมษาและมารดาจะต้องทำความสะอาดบ้านทั้งหลัง จานทุกใบคนในบ้านรับประทานอาหารกัน หล่อนก็ต้องล้างมันทั้งหมดด้วยซ้ำ
“อย่าลืม...”
“อย่าลืมใส่รองเท้าแตะเวลาเข้าห้องน้ำด้วยนะครับ... เดี๋ยวลื่นล้มอันตราย เมย์ไม่ลืมค่ะ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่กับพี่ตฤณ เมย์ไม่ได้ทำงานบ้านเลย ไม่ได้แตะต้องของในห้อง ไม้กวาดไม่ถู เมย์ก็ไม่ได้แตะเลยค่ะ” เพราะจำเป็นต้องพูดแทรก หลังจากที่เจ้าของห้องพูดมันซ้ำซากมาร่วมอาทิตย์ หากว่าหล่อนจับไม้กวาดกวาดพื้นสักครั้งล่ะก็มีได้โดนบ่นไปครึ่งวัน หล่อนมีสิทธิ์เก็บได้แค่ที่รับประทาน หรือทำหกหล่นรอบจานเล็ก ๆ น้อย ๆ
“ไม่ต้องทำนะ พี่จ้างแม่บ้านประจำมาทำความสะอาดทุกอาทิตย์ ฆ่าเชื้อให้เรียบร้อยไม่ต้องกลัวโควิด ให้เขาทำไปไม่ต้องไปแย่งงานเขา แล้วนี่...”
“ไปกันเลยไหมคะ?”