Chapter 5

1830 คำ
Chapter 5 บิดากวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องพักคอนโดมิเนียมสตูดิโอมีห้องน้ำในตัว ราคาค่าเช่าไม่แพงเพียงเดือนละ 4-5 พันบาท ลูกสาวอาศัยอยู่ลำพังมาหลายปี ด้วยท่าทางจับผิด ไม่รู้ว่าแอบมาอยู่กับใครหรือเปล่าถึงได้ไม่ยอมกลับบ้าน ต่อให้ทั้งห้องจะเต็มไปด้วยหนังสือและสภาพเรียบร้อยดี ที่ผ่านมา ครอบครัวของพวกเขารักลูกชายเป็นที่หนึ่งเพราะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลแซ่ลี้ ลูกสาวนั้นเลยตามเลยอยู่อย่างไรก็ตามใจ ปัญหามันอยู่ตรงที่... นายมานะ ลูกชายคนเดียวของบ้านดันมุ่งมั่นอุตสาหะ ทุ่มสุดตัวกับเกมออนไลน์ โดนไทร์ออกจากมหา’ลัย เรียนหนังสือไม่จบ งานการไม่ทำ ทุกวันนี้อยู่บ้านสละเวลาทั้งหมดไปกับการเป็นเกมเมอร์เต็มตัว “เพื่อตัวเฮียเองนะป๊า วันหนึ่งป๊าไม่อยู่ อาม่าอากง อั๊วไม่อยู่ เฮียจะทำไง พ่อแม่รังแกฉัน ป๊าเคยอ่านไหม? ลองให้เฮียทำดูก่อน... นะป๊านะ เชื่ออั๊วสักครั้งเหอะ อั๊วรักเฮีย รักพี่ชายอั๊วนาา อั๊วถึงได้พูด” บิดามองขวับตาเขียว ยืนกัดกรามกรอดด่าเป็นภาษาจีน-แต้จิ๋วพอได้ยินคำไม่เข้าหู นิทานสอนคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ต้องเคยผ่านมาก่อนอยู่แล้วยิ่งตัวเอกของเรื่องก็เป็นชาวจีน การกระทำให้ท้ายลูกในทางที่ผิดไม่ต่างจากครอบครัวของเขาเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่คนเป็นลูกสาวต้องเอาตัวรอดด้วยตัวเองมาตลอดอายุยี่สิบห้าปี ไม่มีใครสปอยล์เหมือนพี่ชาย ไม่แปลกที่หล่อนจะฉลาดกว่าคนอื่น ๆ “โอเค! ป๊าอยากให้กลับ งั้นอั๊วกลับอาทิตย์หน้าเลยไหม? ให้เฮียตี๋เล่นเกมฟีฟ่าชิงแชมป์โลก ไปทัวร์นาร์เม้นต์ อี-สปอร์ต ที่จีนเลยดีมะ จะได้ไม่ต้องเป็นภาระสังคม แต่อั๊วขอบอกไว้ก่อน... แค่ก ๆ” เสียงไอตัวขดงอ ยกมือขึ้นกุมหน้าท้องตัวเอง ป้องปากไว้ประหนึ่งเป็นผู้ป่วยวัณโรคระยะสุดท้าย นายคิมหันต์ถอยครูดโดยอัตโนมัติ กรอกตามองร่างบางในเสื้อกาวน์ว่าแกล้งทำหรือเป็นเรื่องจริง “อั๊วไม่ค่อยแข็งแรง แค่ก... อั๊วเป็นอะไรไปก่อนป๊า... เฮีย... แค่ก ๆ ติดโควิดหรือเปล่าก็ไม่รู้... โรงพยาบาลคนไข้เยอะทุกวัน... แค่ก ๆ เมื่อวานอั๊วตรวจเลือดผลบวก แค่ก...” ปลายนิ้วทั้งสี่พลันเปิดเผยขึ้นต่อหน้าบิดาที่เบิกตาโพล่งมอง “สี่คนแหนะ... สี่คน... ติดโควิด...” หน้าตาซีดเซียวของลูกสาวซึ่งอยู่ฝ่ายเทคนิคการแพทย์ เป็นแผนกรับเลือดตรวจคัดกรอง COVID-19 โดยตรงในห้องแล็บ คิมหันต์เองก็กลัว บวกกับว่ากำลังคิดเรื่องที่ลูกสาวพูดอยู่ ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครปล่อยให้ลูกชายคนเดียวของบ้านทำงานเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง “เออ ๆ ลองก็ลอง... รอบหน้าอั๊วจะพาอาม่ามาลากคอลื้อกลับบ้าน ถ้าอาตี๋ทำไม่ได้ดั่งใจอั๊วนะ” บิดาชี้ปลายนิ้วต่อว่า จำเป็นต้องบอกลา ยังย้ำว่าให้รับโทรศัพท์ด้วยหลังเลิกงาน เมษาทำเหลือกตามองบน พอบิดาออกจากห้อง ก็ก้าวพรวดไปปิดประตูอย่างรวดเร็ว ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งใจ ได้แค่เปราะหนึ่ง... เพราะถ้าอาม่าสายโหด! บุกมา หล่อนคงต้องโดนลากคอกลับบ้าน บอกลาความฝันของตัวเอง ไม่มีทางซะหรอก! ตายเป็นตาย ยังไงอั๊วก็ไม่กลับบ้าน ถ้อยคำในใจปรากฏผ่านแววตาคู่สวยแน่วแน่ ขณะลากพาความเหนื่อยล้า หย่อนกายลงนอนบนเตียงนุ่ม... เมษาแน่ใจว่าต้องมีคนเข้าข้างอย่างน้อยหนึ่งคนคืออาอี๊ ส่วนพี่ชายอย่างเฮียตี๋ก็ไม่เคยขัดใจหล่อนสักครั้ง ถึงทุกคนในบ้านเอาอกเอาใจเฮียประสาบ้านคนจีนที่ลูกชายเป็นใหญ่ เพราะมีกันแค่สองคน เป็นพี่น้องต้องรักใคร่กลมเกลียวกันตามคำสอนของผู้ใหญ่ แต่เล็กจนโต มานะและเมษาก็เป็นมาอย่างนั้น ที่ผ่านมา หล่อนอยากเรียนอะไร อาอี๊ส่งเสียค่าเล่าเรียนให้แทนในฐานะน้องสาวแม่ เนื่องมาจากว่าอาม๊าไม่มีเงินติดตัวใช้สมบัติของสามีมาโดยตลอด ไม่ว่าทำอะไรต้องปรึกษาสามี แม่สามีเป็นใหญ่ที่สุดในบ้าน อะไรที่อาป๊าไม่เห็นด้วยแต่มันเป็นเรื่องดีกับตัวหล่อน อาอี๊เป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดอย่างไม่มีบ่ายเบี่ยง กริ๊งเดียวเงินถึงอย่างรวดเร็ว ด้วยอาอี๊อยู่ต่างประเทศเสียเป็นส่วนใหญ่ อาอี๊เป็นคนหัวรั้น หัวสมัยใหม่ ปัจจุบันมีชีวิตที่ดี แต่งงานมีลูกกับชาวมาเลเซีย มีกิจการร่ำรวยใหญ่โต มีเงินมากพอดูแลลูกหลาน คอยส่งค่าขนมให้เด็ก ๆ ทุกคนมีเรื่องอะไรก็มักปรึกษาอาอี๊ ต่างจากอาม๊าที่แต่งงานด้วยการคลุมถุงชนเพราะเชื่อฟังบิดามารดา เมษายังจำได้สนิทใจ ครั้งหนึ่งพี่ชายสายเกมเมอร์เคยบอกว่าอาม๊าลำบาก ต้องทำงานบ้านทุกอย่าง เงินไม่มี ทรัพย์สมบัติทั้งหมดก็อยู่ที่อาป๊า ขอให้หล่อนตั้งใจเรียน ไปมีชีวิตของตัวเองแล้วออกจากบ้านนี้ไปซะ และอย่าได้หาสามีเป็นคนจีน เดินตามรอยเท้าอาม๊าเป็นเด็ดขาด การเติบโตมาด้วยการเห็นความลำบากของแม่ทำให้หล่อนมุ่งมั่นอุตสาหะ ทุ่มเทความตั้งใจ เวลาทั้งหมดในชีวิตไปกับการเรียนหนังสือ จนจบการศึกษาจากมหา’ลัยชื่อดังด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งอายุยี่สิบสองปีกว่า สายเทคนิคการแพทย์ (Medical technologist) หรือ ‘หมอแล็บ’ เป็นสาขาวิชาชีพหนึ่งที่มีความสำคัญต่อวงการแพทย์เป็นอย่างมาก เป็นหนึ่งในกระบวนการรักษาซึ่งคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังคุณหมอ หญิงสาวมีผลการเรียนดี สอบใบประกอบวิชาชีพได้ เพราะความรักในวิชาวิทยาศาสตร์ กระทั่งทำงานมาได้สองปี หล่อนยังเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน ในเมื่อตัดสินใจออกจากบ้านมาแล้ว ตอนนี้หล่อนต้องเอาตัวรอดให้ได้ เหมือนที่รอดมาแล้วครึ่งทางหลังสะสมเงินมาเรื่อย ๆ แม้ไม่ได้เงินเดือนสูงลิบลิ่วเท่าหมอ หากทำงานเต็มเดือนไม่หยุดลา อาชีพหมอแล็บมีสวัสดิการให้พอสมควร ทำงานโอทีมีค่าจุกจิก รวมเหยียดสองถึงสามหมื่น ลำพังกินข้าวซื้อของใช้ส่วนตัว จ่ายค่าเช่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟยังพอเหลือ ใช่แล้วล่ะ... อยู่ได้สบายมาก... ดวงตาคู่สวยประกายอ่อนลง หญิงสาวค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง ก้มหน้าลงยกมือขึ้นลูบหน้าท้องไปมา ใจเผลอคิดถึงคุณหมอหนุ่มหน้าหวาน ครั้นพอภาพแสนเร่าร้อน ภายใต้สัมผัสอ่อนโยนของเรือนกายเป็นล่ำสัน จุมพิตพร่ำบอกว่าชอบพอหล่อนเท่าไร ใบหน้าสดสวยแดงซ่านขึ้นตามลำดับ ทั้งอับอาย... และโกรธ! จากคืนนั้นมาหล่อนไม่ได้ติดต่อเขาอีก ใช่เพราะอยากถอยตัวออกจากความสัมพันธ์ลึกซึ้งหลังพบหน้าเพียงครั้งเดียว เฮียจางยังบุกมาเอาเรื่องถึงที่จนต้องเปลี่ยนเบอร์เปลี่ยนโทรศัพท์หนี ทำตัวอยู่ห้องให้น้อยที่สุดบางครั้งก็ไปนอนห้องอรฤดี คงเหลือไว้แค่ความรู้สึกดี ๆ ของคนแปลกหน้าสองคน ที่เริ่มต้นจากการพูดคุย นัดเจอหน้ากันแต่พอหล่อนเมาเขาเมา เรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น หลังลืมตาตื่นจากฝันหวานมาพบกับความจริง ความรีบร้อนมักนำพาความผิดพลาดมาให้เสมอ... สุภาษิตตามคำแม่บอกสอนนั้นคนโง่อย่างหล่อนไม่มีสติปัญญาไตร่ตรอง เพิ่งมานึกคิดก็ตอนที่สูญเสียสิ่งซึ่งรักษามาเป็นอย่างดี ไว้ให้สามีในวันแต่งงาน แม้ว่าวันนี้แม่จะไม่อยู่บนโลกใบนี้เพื่อสั่งสอนเด็กดื้ออย่างหล่อนแล้ว เหลือแค่อาอี๊... ที่มักพูดเรื่องนี้เสมอ ให้ตั้งใจเรียน ระวังเนื้อระวังตัวให้ดี ทว่าคนมั่นอกมั่นใจในตัวเองอย่างเมษาก็พลาด ถามว่าอยากเจอเขาอีกไหม? อย่าถามดีกว่า อย่างหมอตฤณคงเมามากพอที่จะลืมผู้หญิงคนเดียวได้ไม่ยาก ขนาดว่าหล่อนรวบรวมความใจกล้าหน้าด้านไปหาถึงคลินิกเขาแม้ไม่กล้าเข้าไปพบ เบอร์ติดต่อ ชื่อ-นามสกุลก็มีเขายังไม่โทรกลับมาเลย ส่วนตัวหล่อนไม่มีเบอร์เขา แม้แต่เบอร์เพื่อน ๆ ก็หายไปทั้งหมด ยังหมดเวลาไปกับเรื่องงานและปัญหาใหญ่กว่า... ความเปลี่ยนแปลงไปทางสรีระของผู้หญิง อาการคลื่นไส้ เวียนศีรษะ อ่อนเพลีย ประจำเดือนขาด หิวบ่อยขึ้นเป็นระยะ ๆ ทำให้หล่อนตัดสินใจไปพบแพทย์ วินาทีแรกที่พบเงาเลือนรางของทารกขนาดเล็กกว่าฝ่ามือ ยังสร้างตัวไม่สมบูรณ์กลิ้งอยู่ในจอสี่เหลี่ยมสีดำ อาศัยครรภ์มารดา รับสารอาหารผ่านเส้นสัมพันธ์เล็ก ๆ โดยไม่ทันรู้ตัว ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้อยากให้เขามาเกิด ทั้งหมดคือความผิดพลาดเพียงชั่วค่ำคืนเดียว มันช่างน่าอัศจรรย์ใจ... คนหัวรั้นอย่างเมษายอมทิ้งทุกอย่างได้แม้กระทั่งความฝัน หล่อนคงไม่ได้เรียนต่อแล้วเพราะต้องเลี้ยงเด็กคนนี้ให้ดี “แม่ขอโทษนะลูก... ไว้แม่จะพาไปเยี่ยมหาพ่อหมอ ไปทำฟันกับพ่อนะคะ วันหนึ่ง... เราจะได้พบกัน” นั่นเป็นคำมั่นสัญญาที่หล่อนเคยให้เขาเอาไว้ผ่านแช็ตไลน์ก่อนนัดเจอกันเสียอีก ไม่คิดว่าจะต้องมาสัญญาอีกรอบกับเด็กน้อยที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย... หล่อนคงต้องคอยบอกตัวเองให้เข้มแข็งมากพอผ่านพ้นเรื่องราวครั้งนี้ พาตัวเองและลูกกลับคืนสู่ความสงบสุขอย่างเดิมเสียก่อนเป็นอันดับแรก เสียงผ่อนลมหายใจดังพอนึกถึงความวุ่นวายของคนที่บ้าน หญิงสาวลุกขึ้นจากที่นอน นั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งที่มีกระจกบานใหญ่ ถอดเสื้อกาวน์วางพาดไว้บนเก้าอี้มีพนักพิง หลุบตามองเครื่องสำอางตรงหน้าหลายชิ้นที่เลิกใช้มันไปอย่างเสียอกเสียดาย ผมสีน้ำตาลเข้มช็อกโกแลตตามแฟชั่นจากนี้ก็คงจะไม่ได้ยอมมันอีกแล้วเพื่อลูก คนเป็นแม่จะต้องดูแลตัวให้ห่างไกลสารเคมีมากที่สุด ในเมื่อหล่อนตัดสินใจแล้วว่าจะเก็บเด็กคนนี้ไว้... ที่เสียแล้วให้เสียไป! ผ่านแววตามาดมั่นเด็ดเดี่ยว เมษาปลอบใจตัวเองและลูกน้อยในครรภ์ ด้วยความตั้งใจว่าจะร่าเริงในทุก ๆ วัน ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ในวัยซึ่งทารกต้องการสารอาหารจากคุณแม่มากที่สุดเพื่อสร้างอวัยวะ หยิบกระป๋องแป้งเด็กสีฟ้ามาปะทั่วทั้งใบหน้าและลำคอ จัดแจงกระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ใส่กระเป๋าใบใหญ่ เพื่อลงไปหาซื้อขนมขบเคี้ยว นม น้ำผลไม้ นำมาใส่ตู้เย็น โดยไม่ปล่อยให้เจ้าตัวน้อยในท้องหิวเสียก่อน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม