เจรจากับทางการ2

1408 คำ
ซ่งจื่อหรูถือตะกร้าเดินไปยังหมู่บ้าน วันก่อนหลี่ฝูเหยาบอกแล้วว่าทางการถามถึงเรื่องมันเทศ วันนี้อำเภอเล็กที่แม้แต่ยุงยังไม่บินผ่าน เจ้าเมืองกว่างผิงกลับมาเยือน นางเดาถูกตั้งแต่อยู่ตำบลแล้ว จึงตั้งใจทำอาหารเหล่านี้ เมื่อเห็นซ่งจื่อหรูเดินมาทุกคนก็เหมือนเห็นแสงสว่าง ชาวบ้านบางคนถึงกับน้ำตาไหล "อาหรู เจ้ามาสักที" "นั่นสิ ข้ากังวลแทบแย่" เดี๋ยวนี้ทุกคนเรียกนางว่าอาหรูคำว่าเจ้าสี่หลานสี่นั้นฟังดูห่างเหินเกินไป คนชนบทคิดอะไรง่ายๆ "เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ ท่านป้าร้องไห้ทำไมกัน มิใช่ว่าพวกท่านมาแบ่งเสบียงกันหรอกหรือ" "นั่นก็ใช่ แต่ใต้เท้าท่านนี้ถามว่าเสบียงเหล่านี้อยากนำกลับไปวังหลวง พวกเราจำทำยังไงดีหลานสี่ ปู่เองก็มืดไปหมดแล้ว"ผู้นำหมู่บ้านไป๋ซานโอดครวญคงมีแต่ปู่ใหญ่หลี่ฝูเหยาที่นั่งตัวตรงไม่สะท้าน แม่ว่าคนข้างหน้าจะเป็นถึงเจ้าเมือง เซี่ยหนานอินเห็นคนตรงหน้าก็หนวดกระตุก นี่มันเจ้าเด็กแสบที่เจอที่ตำบลนี่ "นี่หลี่เจิ้งที่เจ้าให้ข้าเสียเวลารอ ก็คือรอเด็กที่สูงยังไม่ถึงครึ่งจั้งคนนี้หรือ หึนี่หลี่จิ้งเจ้าเห็นข้าเป็นเพื่อนเล่นหรืออย่างไร" "ท่านเจ้าเมือง อาหารเหล่านี้เป็นนางที่หามาได้ ผู้นำตัวเล็กๆเช่นข้าจะกล้าล้อเล่นกับขุนนางเช่นท่านได้อย่างไรขอรับ" ยังไม่ทันพูดกันต่อก็มีเสียงร้องไห้จากในบ้านแม่เฒ่าหลี่ดังออกมา หลี่ฝูเหยาหน้าดำเป็นก้นหม้อ น้องสะใภ้คนนี้เป็นความอับอายของหมู่บ้านจริงๆ "เจ้าใหญ่ไปดูสิว่าอาสะใภ้รองเจ้าเป็นอะไรอีก" "ข้าเห็นเกวียนวัวเข้ามาเมื่อกี้ เห็นว่าหลี่ต้าเหวินไปก่อเรื่องอะไรมาสักอย่าง จึงถูกโบยไม่พอยังถูกสำนักศึกษาไล่ออกอีกขอรับท่านพ่อ" "น่าขายหน้าจริงๆ คนบ้านนี้ทำหมู่บ้านข้าขายหน้าหมดแล้ว ขออภัยขอรับท่านเจ้าเมืองที่ให้ท่านต้องมาเห็นเรื่องน่าอายเหล่านี้" หลี่ฝูเหยาเอ่ยปากขอโทษ เซี่ยหนานอินร้องอืมคำนึงก่อนจะหันมามองซ่งจื่อหรู "นังเด็กจอมแสบ ที่แท้คนที่นี่ก็คือคนบ้านเจ้า"เซี่ยหนานอินจ้องตานาง "นี่ตาเฒ่าอย่ามามองข้าด้วยสายตาแบบนี้ ข้าไม่นับพวกเขาเป็นญาติสักหน่อย"ซ่งจื่อหรูจ้องกลับ "เหอะอย่ามาทำสีหน้า เหมือนกับว่าข้ากล่าวหาเจ้า นังตัวแสบ "เซี่ยหนานอินดัดฟัน "ก็สีหน้าท่านมันฟ้องว่าตำหนิข้า ตาเฒ่าถ้าท่านกล้าเอ่ยข้าจะจะให้คนลือให้ทั่วว่าตาแก่อย่างท่านขอบเห็นความเดือร้อนผู้อื่น"ส่งจื่อหรูยักไหล่ "เหอะ คิดว่าข้ากลัวหรือไง"เซี่ยหนานอินทำเมิน "เหอะ ท่านก็ลองไม่กลัวสิ"ซ่งจื่อหรูกรอกตามองบน ทั้งคู่ส่งสายตาข่มขู่กันไปมา คนที่ไม่รู้เรื่องคิดว่าพวกเขากำลังทำความรู้จักกัน ผู้ช่วยเจ้าเมืองที่อยู่ด้านจึงทำลายบรรยากาศฟาดฟันทางความคิดพวกเขาอยู่ "ใต้เท้า เดี๋ยวจะค่ำเสียก่อนรีบตกลงเจรจาเถิดขอรับ" "ใช่แล้วๆ พวกเรายังต้องการขนมันเทศเหล่านี้กลับบ้าน" "แม่หนู เจ้าคิดว่าจะส่งสิ่งนี้ให้ทางการได้หรือไม่ ถ้าได้ข้าจะละเว้นภาษาหมู่บ้านเจ้าปีนี้"กุนซือเซียนเอ่ยขึ้นก่อน "ท่านใจเย็นเถอะท่านกุนซือ นี่เป็นอาหารที่ข้าทำเองทานก่อนแล้วค่อยคุยกันก็ยังไม่สาย" เซี่ยหนานอินเห็นจานที่วางเรียงรายก็แปลกใจ เขามองหน้าอย่างงงๆกลิ่นหอมลอยมาทำให้คนที่อยู่ในลานทั้งหมดต้องกุมท้องตนเอง "นี่คืออาหารที่เจ้าทำ เจ้าตั้งใจทำให้ข้า หึ สอพลอ "ใต้เท้า ข้าไม่ได้ต้องการประจบประแจงท่านแต่อย่างใด หมู่บ้านที่แม้แต่ยุงยังไม่บินผ่าน อยู่ๆก็เข้าตาราชสำนัก หากไม่ใช่เพราะพวกเราหาเสบียงเจอจะได้รับเกียรติถึงเพียงนี้หรือ ส่วนที่วางตรงหน้าท่านวางใจเถอะกินแล้วไม่ตายแน่นอน หากกินแล้วตายหญ้าบนหลุมข้าคงสูงเท่าตัวท่านนานแล้ว" ซ่งจื่อหรูกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่ตื่นเต้นไม่ประหม่า ชาวบ้านที่ได้ยินถึงกับกลั้นหายใจ เจ้าเด็กคนนี้ใจกล้าเกินไปแล้ว เซี่ยหนานอินกินโจ๊กเกาลัดจากนั้นก็โจ๊กลูกบัว ข้าวสวยกับผัดหน่อไม้ ต้มปลาผักกาดดอง แม้จะเผ็ดแต่ก็อร่อย หลี่ม่านอวี้กับหูเจียเจียวยกถาดมาให้เหล่าคนติดตาม ก่อนจะขึ้นเกวียนกลับมาน้องสี่บอกแล้วว่า ใต้เท้าคนนี้คือคนที่จะทำให้ชีวิตของชาวบ้านดีขึ้น จึงรอให้ใต้เท้าคนนั่นกินเสร็จก่อนค่อยยกตามมาทีหลัง เซี่ยหนานอินเช็ดมุมปาก อาหารเหล่านี้เขาไม่เคยกิน แต่อร่อยมาก "บอกมาเถิดจะเจรจาอย่างไร" "ขอบังอาจถามท่าน ไม่ทราบว่าใต้เท้าสามารถตัดสินใจเองได้หรือไม่เจ้าคะ" "หากไม่ร้องขอมากไปข้าย่อมตัดสินใจเองได้"เซี่ยหนานอินกล่าว " เช่นนั้นก็ดี อาหารวันนี้น้ำแกงนั่นคือรากบัวต้มกระดูกหมู หมู่บ้านพวกเรามีบึงบัวขนาดใหญ่ หน่อไม้ที่ท่านเพิ่งทาน สามารถหาได้สองฤดู อีกทั้งยังสามารถดองหรือตากแห้งเก็บไว้ได้นาน โจ๊กนั่นทำมาจากเกาลัดที่อยู่ตรงหน้าท่านและเม็ดบัวแก่ ของหวานคือหัวเผือกที่อยู่ริมน้ำ ใต้เท้าอาหารเหล่านี้หากแพร่ออกไปท่านคิดว่าจะช่วยเรื่องปากท้องราษฎรต้าเหลียงได้หรือไม่ เมืองกว่างผิงมีละเลสาปซานซี มีแม่น้ำสามสายไหลไปยังหยางโจวผ่านไปถึงแคว้นเยี่ยน ผ่านกุ้ยโจวไปเป่ยเหลียง จากนั้นเข้าสู่ผ่านเมืองหลวง เป่ยเหลียงเป็นทุ่งราบส่วนมากถนัดเลี้ยงสัตว์ ไม่สามารถเพาะปลูกได้เท่าไหร่ แคว้นเยี่ยนมีแร่เหล็ก ไม่สามารถเพาะปลูกได้มากนัก ต้าเหลียงมีที่ดินอุดมสมบูรณ์ เพียงแค่ชาวบ้านความรู้น้อยจึงรู้จักแค่ไม่กี่อย่าง หากข้าหาอาหารได้สอนราษฎรต้าเหบียงเพาะปลูกได้ ทั้งสองแคว้นย่อมต้องอ่อนข้อให้แน่ ท่านว่าอย่างไร" ซ่งจื่อหรูหยุดหายใจก่อนจะเอ่ยต่อ "ทุกปีจะมีเงินบรรเทาทุกจากทางการ ข้าไม่ต้องการข้าวสารมาแจกหรือโจ๊กโรงทาน ข้าต้องการสร้างท่าเรือ ท่านรับผิดชอบการก่อสร้าง ข้ารับผิดชอบหาสินค้าคู่ค้าและขนส่ง " "สร้างท่าเรือ เจ้าคิดว่าจะทำได้หรือ อีกอย่างเงินบรรเทาทุกแค่เพียงห้าหมื่นตำลึงเท่านั้น" "ใต้เท้า ท่านลองคิดดูก่อนก็ได้ ท่านอยากยืนต่อหน้าฝ่าบาทถวายรายงานการเก็บภาษีของท่าน หรือจะอยู่ข้างหลังดูผู้อื่นยืนรายงาน" "ได้ข้าจะกลับไปคิด ว่าแต่จะสร้างตรงไหน" "แน่นอนว่าต้องเป็นที่หมู่บ้านของข้า ร้านค้าจากหมู่ไปถึงช่ายฝั่งทะเลสาบพวกเราจะจัดการเอง ท่านรับผิดชอบท่าเรือ ลองให้กรมโยธาคำนวณพื้นที่ โรงเตี๊ยมหรือร้านอาหารที่ต้องการเปิด ท่านควรให้เช่ากับทางการ ป้องกันคนเอาเปรียบในการขายสิทธิ์การเช่าซื้อ อีกทั้งยังสามารถเก็บเงินมัดจำมาลงทุนสร้างท่าเรือได้อีกด้วย" "ได้เอาตามที่เจ้าว่า ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่" "ท่านปู่ข้าหลี่ไหลฝู เป็นช่างตอนนี้ทำงานอยู่ที่อำเภอป่าซาน ถ้าท่านไม่ลำบากใจข้าอยากให้ลุงใหญ่กับพี่ชายของข้าที่กำลังจะไปสอบข้าอยากรวบกวนท่านให้พวกเขาติดขบวนท่านไปด้วยขากลับจะได้รับคนกลับมา" ในเมื่อมีคนส่งหมอนมาในเหตุใดจะไม่เอาเล่า ดีกว่าต้องเปลืองสมองฟาดฟันกับแม่เฒ่าหลี่ให้เหนื่อย เซี่ยหนานอินกลับไปแล้ว พวกชาวบ้านต่างดีใจที่พวกเขาจะได้ลืมตาอ้าปากเสียที
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม