เมื่อมาถึงก็เหลือแค่เก็บกวาดก็เสร็จ ตอนนี้พื้นที่ๆเคยมีวัชพืชรกเต็มไปหมด กลายเป็นพื้นที่โล่ง รั้วทั้งสี่ด้านล้อมเสร็จแล้ว หินมากมายถูกกองไว้ ต้นหลิวขนาดใหญ่ถูกเลื่อยกิ่งที่ยื่นออกไปด้านนอก เพื่อป้องกันคนจะปีนเข้ามา เดิมทีหลี่ฝูเหยาต้องการโค่นออกเพื่อให้มีพื้นที่เพิ่มขึ้น แต่นางบอกจะเก็บไว้เป็นร่มเงาให้น้องๆนั่งเล่น
"เจ้าสี่มาแล้วรึ"หลี่ฝูเหยาเอ่ยถาม
"แม่หนูสี่เข้าอยากถามเจ้าว่าจะแบ่งปันอย่างไรดี เรื่องมันเทศเหล่านั้น" ผู้นำหมู่บ้านไป๋ซานเอ่ยขึ้น
"อืมให้ผู้ชายขุดมันเทศ ผู้หญิงเก็บเกาลัด เด็กๆที่พอใช้งานได้ ก็ให้รับหน้าที่ขนลงเขา เอามารวมที่ลานต้นไหวปากทางเชื่อมสามหมู่บ้านนั่นแหละเจ้าค่ะ"
"จริงด้วยแม่หนูสี่ ไอ้ที่เจ้าเรียกว่าพริกนั้น กินแล้วอยากกินอีกถึงจะทำให้ข้าร้องไห้ก็เถอะ" ชาวบ้านยังคิดถึงรสชาตินั้นจึงเอ่ยถาม
"พริกช่วยให้เจริญอาหาร ขับเหงื่อ ขับลมได้เจ้าค่ะ ข้าเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้หากเพาะแล้วขยายพันธุ์ได้ พวกเราก็มีอาหารเพิ่ม จริงสิ บ้านข้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่รบกวนทุกท่านจนเกินไป ช่วยไปซ่อมแซมบ้านปู่เก้าให้สักหน่อยได้ไหมเจ้าคะ"ซ่งจื่อหรูเอ่ยแก่คนที่มาช่วยงาน
"เจ้าไปบ้านเจ้าเก้ามารึ ข้ามัววุ่นวายแต่เรื่องบ้านย่าเจ้าไม่เว้นแต่ละวัน อีกทั้งยังกัลวลเรื่องปากท้องชาวบ้านจึงละเลยเจ้าเก้ากับหลานไป" หลี่ฝูเหนาถอนหายใจ
"เมื่อวานข้าต้มโจ๊กเกาลัดไปให้ปู่เก้า อาไช่แทบไม่มีแรง บ้านก็แทบจะอยู่ไม่ได้ฝนตกก่อนหน้าทำให้ทั้งสองคนยิ่งป่วยหนักไปอีกเจ้าค่ะท่านปู่ใหญ่"
"ไม่ทราบว่าใช่บ้านผู้อาวุโสหลี่ชุน ที่ไป๋ลู่แต่งเข้ามาหรือเปล่า พี่ฝูเหยา"
"อืม เป็นบ้านนั้นแหละพี่เมิ่งซาน"
"เหตุใดจึงอยู่กันแค่ปู่หลาน ไป๋ลู่ไปไหน บิดาของเด็กล่ะ"
" นี่ท่านผู้นำไป๋ท่านไม่รู้เรื่องเลยหรือ ขนาดข้าอยู่หมู่บ้านเถาซานยังได้ยินข่าวเลย"
"มีเรื่องอะไรกันพี่หวังเล่าให้ข้าฟังหน่อยเถอะ"
"ก็ไป่เสี่ยวชุนกับเมียนั่นแหละ พอหลี่อู๋ตายก็มาบังคับเอาน้องสาวไปขายให้เศรษฐีวั่นในอำเภอ ว่ากันว่าเศรษฐีวั่นมีอนุนับสิบ แต่ไป๋ลู่นางก็งามจริงๆ มิเช่นนั้นสตรีที่แต่งงานแล้วจะขายได้เช่นไร หากไม่ใช่เพราะหน้าตาที่งดงามนางคงไม่มีชะตาเช่นนี้"
"ใครๆก็ว่านางงดงามเหมือนจิ้งจอก บุรุษเห็นจำต้องตกหลุมรักนาง ดีนะที่เมียข้าหน้าตาธรรมดาๆ"
"ฮ่าๆๆๆนี่ไป๋จิ้ง หากเมียเจ้าสวยเมียข้าก็สวยเช่นกัน เฮ้อ ว่ากันว่าไป๋ลู่นางมักส่งข้าวของมาให้สองปู่หลานแต่พอเมียเสี่ยวชุนรู้ก็จะมาตบตีแย่งกลับไป" ชาวบ้านได้แต่สงสารแต่อย่างไรก็เป็นเรื่องคนอื่นไม่อาจยื่นมือได้
ความงามเป็นเหตุ บ้าบอนี่มันตรรกะอะไรเนี่ยซ่งจื่อหรูถึงกับมองบน
"ไป๋เสี่ยวชุ่น เขากล้าทำเรื่องลับหลังพวกเราสกุลไป๋ ท่านผู้นำเรื่องนี้หากแพร่ออกไป ใครจะกล้าเกี่ยวดองกับพวกเรากัน"ชาวบ้านเริ่มโมโหไป๋เมิ่งซานยิ่งโมโหกับสิ่งที่ได้ยิน
"ช่างเถอะเจ้าค่ะพวกท่านซ่อมแซมบ้านให้ปู่เก้าก่อนเรื่องอื่นอย่ากังวลเลยข้ามีวิธีหาอาหารมากมาย พวกเราสามหมู่บ้านร่วมใจข้าไม่เชื่อว่าจะไม่มีคนอยากแต่งเข้ามา ถ้ายากเย็นนักก็แต่งกันเองสามหมู่บ้านนี่แหละ"ซ่งจื่อหรูออกความเห็น ถูกใจชาวบ้านยิ่งนัก มีอาหารมีลู่ทางหากิน ใครจะไม่อยากมาเป็นเขยสะใภ้พวกเขากัน
"ฮ่าๆๆ ดีๆ จริงนะท่านผู้นำหลี่ข้าล่ะอิจฉาท่านจริงๆ ที่หมู่บ้านท่านมีเด็กเฉลียวฉลาดเช่นนี้ แต่งเขยสะใภ้จากหมู่บ้านท่านใยต้องกลัวอดตาย ไปๆพวกเราไปทำเรื่องให้เสร็จพรุ่งนี้จะได้ขึ้นเขาสักที ฮ่าๆๆ"
ทั้งหมดตรงไปทิศตะวันตกของหมู่บ้าน เพื่อซ่อมแซมบ้านของปู่เก้า ตอนนี้เหลือเพียงหลี่ฝูเหยากับซ่งจื่อหรูเขาจึงเอ่ยปาก
"เมื่อคืนมีคนของทางการมาหาปู่ ไม่รู้ว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าพวกเราค้นพบมันเทศ กับเกาลัด จึงถามว่าสามารถเพาะปลูกที่อื่นได้หรือไม่"
"มันเทศปลูกไม่ยาก แต่เกาลัดต้นนึงกว่าจะให้ผลผลิตนั้นหลายปีเจ้าค่ะท่านปู่"
"เขาต้องการเจอเจ้า ข้าจึงอยากถามว่าเจ้าต้องการเจอหรือไม่"
"พรุ่งนี้ขึ้นเขา ข้าอาจจะสำรวจเจออีกมากมายแน่ๆ ถ้าต่อรองกับทางการได้พวกเราคงมีทางเลือกมากขึ้น"
"เจ้าสี่ ไม่กลัวคนของทางการหรือ"
"เราเป็นราษฎรอาหารยังแทบไม่มี พวกเขาเอาแต่เก็บภาษี หากยอมตลอดคงต้องต่อโลงรอฝังศพลูกหลานอย่างเดียวแล้ว หากต่อรองได้ท่านปู่ก็ขอละเว้นภาษีห้าปี ถ้าไม่ต้องจ่ายภาษีชาวบ้านก็ยังพอลืมตาอ้าปากได้บ้าง หากทางการไม่เห็นชอบเช่นนั้นก็ให้ฮ่องเต้ไปหาทางเองเถอะ มีขุนนางมากมายผลาญเบี้ยหวัดไปวันๆงานการไม่ทำ มีประโยชน์อันใด"ซ่งจื่อหรูกล่าว
"ปู่ได้ยินมาว่าราชสำนักตามหาสุสานของราชวงศ์ก่อน เพราะว่าในนั้นมีสมบัติอยู่มาก"
"เอาสมบัติไปทำอะไรกันเจ้าคะหากข้าเป็นฮ่องเต้จะไม่ทำเรื่องไร้สาระนั่นหรอก ข้าจะหาทางทำให้ราษฎรมีกินมากกว่ามาตามหาสมบัติเหล่านั้น"
"เจ้าอย่าพูดไป เรื่องของเบื้องบนพวกเราชาวบ้านไม่อาจรู้หรอก"
"ท่านปู่ใหญ่ ถ้าทุกคนมีเหมืองทองคนล่ะ1หมู่ แต่ไม่มีข้าวสักกำหรือมันเทศสักหัว พวกเขาจะนั่งแทะก้อนทองแทนข้าวหรือ ที่ข้ายอมลำบากสำรวจค้นหาไม่ได้อยากช่วยฮ่องเต้อะไรนั่น เพียงแต่ข้าอยากให้สามหมู่บ้านของเรามีทางรอดเพิ่ม" หลี่ฝูเหยาชอบใจหลานคนนี้มากนี่จึงสมกับเป็นหลานเขา ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินแบบนี้แหละดีๆๆๆ
จิงอี้กับจิงเสวียนที่กำลังอารักขาอยู่บนยอดไม้แทบจะตกจากต้นไม้ พวกเขามีวรยุทธจึงหูดีแม้จะอยู่ไกลแม่หนูคนนี้ใจกล้าจริงๆวิจารณ์ฝ่าบาทตรงๆ จ้าวอ๋องที่กำลังมองความวุ่นวายฝั่งตรงข้ามถึงกับหนวดกระตุก
ที่จริงซ่งจื่อหรูต้องการริเริ่มทำการตลาดต่างหาก คนเราอย่าไรก็ต้องกิน แม้เสื้อผ้าอาภรณ์สวยงามเพียงใด เครื่องประดับราคาแพงเพียงไหน ก็ยังต้องอิ่มท้อง หากเปิดตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคได้ แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังต้องยอมให้นางสามส่วน ไม่เช่นนั้นนักการเมืองจะเอื้อนายทุนหรือ มันก็เพราะผลประโยชน์ร่วมกันไงล่ะ
"ท่านปู่ใหญ่ นี่เป็นเห็ดหูหนูขาวต้มน้ำตาลทานเอาไปทานเถอะเจ้าค่ะ ข้าได้ยินท่านลุงซ่งเหวินบ่นว่าท่านนอนไม่ค่อยหลับ อีกทั้งมันยังช่วยขับพิษล้างปอด"
"ได้ๆ ขอบใจนะเจ้าสี่ เจ้าเป็นเด็กดีจริงๆ ถ้าพ่อกับแม่และตาเจ้ายังอยู่พวกเขาคงภูมิใจ" บางอย่างที่เขาไม่อาจเอ่ยได้ ต้องอดทนถึงเมื่อไหร่นะ หลี่ฝูเหยาทำได้แค่เพียงเงยหน้าขึ้นฟ้า มองอย่างไร้จุดหมาย
หลี่ฝูเหยาไปแล้ว ซ่งจื่อหรูรู้สึกอัดอั้นแน่นหน้าอก น้ำตาค่อยๆ ไหล เหมือนมีก้อนบางอย่างจุกอยู่ที่คอ นี่เป็นความรู้สึกของร่างเดิม วันนี้ที่ตำบลใช่พวกเขาหรือไม่ เหตุใดร่างนี้จึงแสดงความรู้สึกรุนแรงเช่นนี้