Chapter 5 Soft kiss

1942 คำ
Chapter 5 Soft kiss เสียงเพลงสากลที่เปิดคลอเบา ๆ อยู่ตอนนี้ไม่ได้ช่วยคลายความ อึดอัดในรถได้เลย พี่อิทยังคงทำหน้าที่คนขับรถได้เป็นอย่างดี ตาคมจับจ้องไปยังถนนเบื้องหน้า ไม่มีแม้สักเสี้ยววินาทีที่จะหันมามองฉัน เฮ้อออ... ได้แต่ถอนหายใจทิ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า คิดจะลากคนอื่นมาด้วย ก็ช่วยพูดอะไรสักหน่อยเถอะ ไม่ใช่เอาแต่เงียบอยู่แบบนี้ รู้ไหมว่าคนที่มาด้วยอึดอัดจนจะเป็นบ้าตายแล้ว “พี่โกรธอะไรปังหรือเปล่า มีอะไรก็พูดออกมาเถอะ เงียบแบบนี้รู้ไหมว่าปังอึดอัด” ฉันมองน้องที่ถอนหายใจทิ้งนับครั้งไม่ถ้วน สุดท้ายก็เป็นคนเอ่ยปากพูดออกมา “เรามากับใคร” ฉันถามสิ่งที่ค้างคาใจออกไป ตอนแรกว่าจะกลับไปคุยที่บ้านแต่ในเมื่อน้องพูดออกมาแบบนี้ มันก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไป “เพื่อนปังเอง” ฉันสบตากับน้องวูบหนึ่งก่อนจะหันกลับมาสนใจถนนเบื้องหน้า อีกครั้ง เกิดความเงียบขึ้นระหว่างเราสองคน ฉันเพียงให้ความเงียบนั้นทำหน้าที่มันต่อไป เพราะอีกไม่กี่ซอยก็ถึงบ้านน้องแล้ว ถ้าคุยตอนนี้ คงจะไม่รู้เรื่องแน่ ๆ น้องลงไปเปิดประตูรั้วบ้านให้ฉันขับรถเข้าไปจอด วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่เปอร์มันไม่อยู่บ้าน ถึงว่าแหละ ไม่งั้นน้องจะออกไปกับผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นได้ยังไง ในเมื่อน้องเองก็ขับรถไม่เป็น แถมยังไม่ชอบนั่งแท็กซี่อีกด้วย “พี่อิทนั่งรอก่อนแล้วกัน เดี๋ยวปังไปหยิบน้ำมาให้” ฉันปล่อยให้น้องทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี ก่อนที่เราจะเริ่มพูดคุยกันอย่างจริงจัง น้องนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามฉัน มือบางยกขึ้นเสยหน้าม้าที่เริ่มยาวมาปิดดวงตา ฉันพึ่งสังเกตได้อีกอย่างหนึ่งว่าวันนี้น้องใส่ต่างหูอักษรรูปตัวA อันเล็ก ๆ สีเงินไว้ข้างขวา ฉันไม่รู้ว่ามันย่อมาจากคำว่าอะไร เพราะทั้ง ชื่อจริงและชื่อเล่นของน้อง ต่างขึ้นต้นด้วยตัว K “ตกลงพี่อิทมีเรื่องอะไรจะคุยกับปังเเหรอครับ” ฉันเลื่อนสายตากลับมาที่หน้าน้องอีกครั้ง นั่นสินะ...ฉันมีเรื่องจะคุยกับน้องไม่ใช่เเหรอ... “คนที่เราไปด้วยวันนี้ พี่ไม่เคยเห็นหน้าเลยนะ เราไปรู้จักกับเพื่อนคนนี้ตอนไหน แล้วทำไมถึงต้องถึงเนื้อต้องตัวกันขนาดนั้น” ฉันรู้ว่าตัวเองไม่ควรยุ่งเรื่องส่วนตัวของน้อง แต่ฉันเป็นห่วง และใช่....ฉันกำลังหึง “รู้จักกันตั้งแต่ปี 1 ตอนที่ปังทะเลาะกับพี่เปอร์แล้วหนีไปทะเล คนเดียว ส่วนเรื่องที่พี่อิทไม่เคยเจอเรนก็ไม่แปลก เพราะเรนพึ่งกลับมาจากอเมริกา” วันที่ทะเลาะกับเปอร์งั้นเหรอ สาเหตุหลัก ๆ ก็คงมาจากฉัน นั่นแหละ วันนั้นฉันพาน้องไปเที่ยวแล้วกลับดึก โทรศัพท์น้องก็แบตหมด พอกลับมาถึงบ้าน น้องมันเลยทะเลาะกับเปอร์เพราะไปไหนไม่ยอมบอกแถมยังกลับบ้านมืดค่ำ ตอนแรกฉันไม่รู้ว่าเปอร์กับน้องทะเลาะกัน มารู้อีกทีก็ตอนที่น้องหายไปแล้ว จำได้ว่าวันนั้นทุกคนตามหาน้องกันจนวุ่นวายไปหมด น้องขับรถไม่เป็น แถมยังไม่ค่อยไปไหนมาไหนด้วยตัวเองบ่อย ๆ สุดท้ายน้องก็กลับมา แถมยังหิ้วขนมมาฝากอีกต่างหาก อารมณ์ในตอนนั้นทั้งฉันและคนอื่นต่างมึนงงกันไปหมด คิดว่าจะมีซีนดราม่า แต่มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากที่เปอร์มันวิ่งเข้าไปกอดน้องแล้วก็ร้องไห้น้ำตาแตก จนโดนพวกฉันล้อไปทั้งอาทิตย์ ย้อนกันไปไกลแล้วกลับมาที่ปัจจุบันกันดีกว่า แม้จะเริ่มเข้าใจว่า คนนั้นเป็นเพื่อนน้อง แต่ทำไมต้องไปออเซาะซบอกกันขนาดนั้นล่ะ “แล้วทำไมถึงต้องซบกันขนาดนั้น พี่ไม่เข้าใจ” คำถามนี้บอกเลยว่าสำคัญมาก ถ้าตอบไม่เคลียร์ ฉันคงไม่ยอมให้น้องลุกไปไหนเด็ดขาด “พี่อิทกำลังทำตัวเหมือนพี่เปอร์เลยนะครับ นิสัยพี่ชายหวงน้องนี่มันติดต่อกันได้แล้วเหรอ” ประโยคที่ถามน้องไม่ตอบ แต่ประโยคที่น้องตอบมันโคตรจุกเลย พี่ชาย คำนี้เน้น ๆ ชัด ๆ เต็มสองรูหู ถ้าน้องหยิบปากกามาไฮไลท์ด้วยนี่ ฉันคงตรอมใจตายตรงหน้าน้องไปแล้ว “พี่เป็นห่วงเรา กลัวเราเจอคนไม่ดี สมัยนี้รู้หน้าไม่รู้ใจหรอก ถึงเป็นเพื่อนกันยังไงก็ต้องระวังไว้บ้าง เราน่ะไว้ใจคนง่ายเกินไปแล้ว รู้ไหม” ได้ทีฉันก็สถาปนาตัวเองเป็นคุณพ่อที่กำลังสอนลูกสาวตัวเล็ก ๆ ที่กำลังเติบโตไปใช้ชีวิตในโลกกว้าง “แล้วพี่อิทไว้ใจได้หรือปล่าคะ” คำถามของน้องมันเป็นเพียงประโยคธรรมดา แต่ทำไมฉันกลับรู้สึกว่ามันตอบยากยิ่งกว่าข้อสอบเสียอีก “ไม่ว่าใครก็ไว้ใจไม่ได้ทั้งนั้นแหละครับ รวมถึงตัวพี่ด้วย ยิ่งเราโตขึ้นเรายิ่งเจอคนที่หลากหลายรูปแบบ พี่อยากให้เราดูแลตัวเองดี ๆ อย่าไว้ใจใครง่าย ๆ เข้าใจไหมครับ” ถ้าถามว่าใครที่มันไว้ใจไม่ได้มากที่สุด คำตอบก็คือฉันนั่นเองครับ คิดไม่ซื่อกับน้องขนาดนี้ จะบอกให้น้องไว้ใจฉันอีก ก็คงกระดากปากอยู่เหมือนกัน “แต่ทำไมปังถึงไว้ใจพี่อิทล่ะคะ ถ้าไม่รังเกลียดกัน รบกวนพี่อิทช่วยดูแลปังได้ไหม” น้องยิ้มให้ฉันจนตาปิดทั้งสองข้าง ความน่ารักของน้องที่ดูจะเพิ่มมากขึ้นทุกวัน มันทำให้ฉันใกล้หมดความอดทน ทำไมน้องถึงได้ยิ้มน่ารักขนาดนี้ เจ้าขนมปังนุ่มฟูของพี่ “นะคะพี่อิท...ช่วยดูแลน้องขนมปังคนนี้หน่อยนะคะ” น้ำเสียงออดอ้อนกับมือนิ่ม ๆ ที่กำลังจับมือฉันอยู่ตอนนี้ มันทำให้ฉันแทบคลั่ง แค่นี้พี่ก็ใจเหลวแล้วค่ะ น้องช่วยหยุดน่ารักสักสามนาทีได้ไหม “แล้วแบบนี้พี่จะไปไหนได้ล่ะหื้ม” ฉันยกมือขึ้นขยี้หัวน้องเบา ๆ อย่างหมั่นเขี้ยว “น้อง..." ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก สัมผัสเบา ๆ เมื่อกี้ที่คาง... “ฝากปิดบ้านด้วยนะคะ ปังขอขึ้นไปอาบน้ำนอนก่อน ฝันดีนะคะพี่อิท” น้องไม่รอให้ฉันได้พูดอะไร ก็รีบชิ่งหนีไปก่อน ฉันยกมือขึ้นมาลูบคางตัวเองอย่างเหม่อลอย ปากที่อยู่ ๆ ก็ยกยิ้มเหมือนคนบ้า เมื่อกี้น้องจูบที่คางฉัน....ใครก็ได้ช่วยฉันด้วยครับ ฉันว่าตัวเองกำลังเป็นโรคหัวใจ... ***** ฉันรีบวิ่งขึ้นมาบนห้องแล้วกระโดดขึ้นเตียงคว้าเจ้าตุ๊กตาไข่ขี้เกียจสีเหลืองตัวโปรดขึ้นมาปิดหน้า อ้ากกกก!! ใช่ค่ะ ฉันกำลังกรี๊ดอัดตุ๊กตา... มือกอดตุ๊กตาไว้แน่นแล้วเริ่มดิ้นไปดิ้นมาเหมือนคนคลุ้มคลั่ง ฉันตั้งใจจะอ่อยพี่อิท แต่ทำไมตัวเองกลับมานอนดิ้นเขินจนตัวบิดตัวงอแบบนี้ ฉันไม่ค่อยแน่ใจว่าที่พี่อิทลากฉันกลับบ้าน มันเป็นอาการของคนที่กำลังหวงน้องสาว หรือว่าอาการของคนกำลังหึงกันแน่ ถ้าเป็นแบบแรกบอกเลยว่าเฟลมาก เพราะฉันลงทุนคล้องคอซบอกแฟนเรน จนโดนพี่แกด่าไม่รู้กี่ประโยค ตอนนั้นความมั่นใจมันก็ครึ่ง ๆ แบบ 50-50 แต่ก็อยากลองเสี่ยงดู ว่าพี่อิทจะเลือกใคร ระหว่างฉันกับผู้หญิงหน้าหวานคนนั้น ตอนที่เปิดประตูห้องน้ำออกมา บอกเลยว่าปากฉันมันแทบฉีกยิ้มไปถึงใบหู แต่ก็ต้องคีพคาเรกเตอร์ไว้ แล้วล่าสุดที่ลงทุนไปจูบคางพี่อิท.. .ฮืออเขินมาก แบบพี่อิทฉีดน้ำหอมที่ซอกคอกับหลังใบหูด้วย แงงงง...ไม่ไหวอะ อยากไปดม ๆ แล้วงับคอซักที “น้องปังครับ” “พี่อิทมีอะไรรึเปล่าคะ” ฉันรีบดีดตัวลุกขึ้นมานั่งบนเตียงดี ๆ ก่อนจะตะโกนตอบกลับพี่อิทไป “พี่อุ่นนมร้อนมาให้เรา เปิดประตูให้พี่หน่อยสิครับ” “เอ่อ...แป๊บนะคะ พอดีปังอาบน้ำอยู่” ฉันรีบกระโดดลงเตียงแล้วกวาดรูปถ่ายของพี่อิทที่วางอยู่บนโต๊ะ ใส่ลงลิ้นชักไปให้หมด ไหนจะไดอารี่ที่เขียนค้างไว้อีก ใช้เวลาเก็บของสักพักก็ถอดเสื้อออกแล้ววิ่งไปคว้าเสื้อคลุมมาสวมใส่ ฉันสูดลมหายใจเข้าปอด ลึก ๆ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้พี่อิท “พี่เข้าไปได้ไหมครับ” “อ่า...เชิญค่ะ” ฉันหลีกทางให้พี่อิทเดินเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง ส่วนพี่อิทก็เดินไปวางแก้วนมร้อนบนโต๊ะที่ฉันพึ่งกวาดรูปเจ้าตัวเขาลงลิ้นชักไปเมื่อครู่ “ตุ๊กตาเยอะกว่าเดิมหรือเปล่าเนี่ย เรากับตุ๊กตาอะไรมันจะน่ารักกว่ากันน้า” ตุ๊กตาไข่ขี้เกียจในท่านั่งกินขนม ถูกยกขึ้นมาเทียบกับหน้าฉันที่ตอนนี้กำลังยืนอ้าปากเหว๋อ “พี่ลืมไปว่าไม่มีอะไรน่ารักเท่าเราอีกแล้ว เจ้าขนมปังแก้มนิ่มของพี่” แก้มฉันถูกพี่อิทดึงจนยืด เหมือนกำลังโดนเอาคืนยังไงไม่รู้ “ปังเจ็บนะพี่อิท ตกลงพี่ตั้งใจเอานมมาให้ หรือว่าตั้งใจจะมาแกล้งปังกันแน่” ฉันเบะปากใส่พี่อิทที่กำลังยืนขำอยู่ พี่อิทวางตุ๊กตาลงที่เดิมแล้วหยิบแก้วนมร้อนยื่นมาให้ฉัน “ตั้งใจเอานมมาให้เรานั่นแหละ แต่มันยังร้อนอยู่ พี่กลัวมันลวกลิ้นเราไปก่อน555” “ขอบคุณนะคะ” ฉันรับนมมาดื่มแล้วยื่นแก้วเปล่ากลับไปให้พี่อิท “กินนมเสร็จแล้วก็รีบนอนรู้ไหม อ๋อ...แล้วก็อย่าลืมถอดคอนแทคเลนส์นะครับ เวลาอาบน้ำเขาไม่ให้ใส่คอนแทคเลนส์อาบน้ำนะ เรารู้รึเปล่า” พี่อิทยกยิ้มกวน ๆ ส่งมาให้ฉัน โดนทักขนาดนี้ บอกเลยว่าเขินมาก! ฮือออ....ทำไมพี่ต้องมาจับผิดปังด้วย! รู้จักมองข้ามบ้างจะได้ไหม! “เดี๋ยวปังไปถอดออก ขอบคุณที่เตือนนะคะ” แม้จะอายจนหน้าแดงที่ถูกจับได้ว่าโกหก แต้ก็ต้องตีหน้านิ่งกลบเกลื่อนความเขินต่อไป โอเคค่ะ ยอมรับตรง ๆ เลยว่าไม่เนียน “งั้นพี่ไม่กวนแล้ว คืนนี้ฝันดีนะครับน้องแก้มนิ่มของพี่อิท อย่าลืมฝันถึงพี่ด้วยนะ” อยากจะสบถคำหยาบออกมามาก แงงงไอ้ต้าวบ้า ทำไมต้องทำให้เขินขนาดนี้ด้วย แล้วนั่นจะยิ้มอะไรนักหนา!! “ปังง่วงแล้ว ฝันดีเหมือนกันนะคะพี่อิท” คืนนี้คงเป็นอีกหนึ่งวันที่ฉันนอนหลับฝันดี แต่ก่อนจะนอน ฉันลืมว่าตัวเองยังไม่ได้อาบน้ำเลย ไอ้บ้าเอ๊ย! และก่อนอาบน้ำยังต้องมาจัดการไอ้เจ้าคอนแทคเลนส์ตัวที่ทำให้ฉันโป๊ะแตกก่อน เห็นแล้วหงุดหงิดรู้ แบบนี้ซื้อคอนแทคเลนส์แบบใสมาใส่ดีกว่า
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม