“ใบบัว”
“เลิกเรียกชื่อฉันได้แล้วคุณแทน คุณเป็นพวกเอาแต่ใจ ดื้อรั้น และเข้าใจยากสุดๆ แค่คุณยอมตกลงเป็นแฟนกับฉันทุกอย่างก็จบ”
“นี่คุณเอาคำพูดแบบนั้น นิสัยแบบนั้นมาว่าผมได้ด้วยหรือไง คุณเองนั่นแหละที่ดื้อรั้น เอาแต่ใจ และทำตัวร้ายกาจ ผมไม่เคยคิดที่จะคบกับนักศึกษา และคิดว่าชีวิตนี้ผมจะไม่แต่งงานด้วย”
“เฮ้อ...ตามข้อมูลที่ได้มาก็ตรงซะด้วย แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันก็หาทางให้คุณยอมเป็นแฟนฉันได้ล่ะน่า”
“ไม่มีทาง” แทนไทบอกเสียงกร้าว จ้องมองลูกศิษย์สาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ แม้ร่างกายจะทรมานเพียงใด เขาก็ไม่ติดหลุมพรางที่หญิงสาวขุดเอาไว้แน่
“คุณเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของฉันเลยรู้ไหมคุณแทน ไม่มีใครเหมาะที่จะเป็นแฟนและสามีในอนาคตของฉันมากเท่าคุณ”
บุษกรพูดจบก็ดึงใบหน้าหล่อคมเข้มเข้ามาใกล้ ประทับริมฝีปากอิ่มปิดปากหยักได้รูปเพื่อตัดบทสนทนา ถึงใครจะว่าเธอเป็นผู้หญิงร้ายกาจหรือทำตัวกร้านโลกเธอก็ไม่แคร์
พี่เลี้ยงหนุ่มมักพูดเสมอว่าถ้ารักแล้วก็ไม่จำเป็นที่ต้องรอ ชักช้าก็อาจพลาดถูกมือดีแย่งไปต่อหน้าต่อตาก็ได้
ซึ่งเธอก็มีความคิดเช่นนี้เหมือนกัน ดอกเตอร์แทนไทไม่ใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่ ปรับปรุงเรื่องการแต่งกาย และเปลี่ยนทรงผมอีกนิดหน่อยเขาก็กลายเป็นหนุ่มฮอต มีสาวๆ มารุมชอบรุมรัก ขอเป็นแฟนแทบไม่ขาดสายแน่
แทนไทดวงตาเบิกกว้างยิ่งกว่าเก่า มองใบหน้างามที่แนบติดปลายจมูก เรียกว่าช็อกคงน้อยไปกับสิ่งที่หญิงสาวกำลังทำอยู่ ปลายลิ้นเรียวนุ่มแทรกผ่านเข้ามาตวัดรัดปลายลิ้นเขานุ่มนวล
สติที่แทบกระเจิงอยู่รอมร่อก็ปลิวหายไปแทนที่ด้วยความปรารถนา จนแม้แต่เขาเองยังตกใจกับสิ่งที่ผุดขึ้นมา ก่อนพึมพำในใจเพื่อขอโทษมารดา
‘ขอโทษครับคุณแม่ เห็นทีผมคงทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับคุณแม่ไม่ได้อีกแล้ว’
/////////////
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นระยะ เรียกให้เจ้าของร่างหนาขยับกายด้วยความเมื่อยล้า แขนข้างหนึ่งถูกยึดครองด้วยตัวอันตรายที่ทำให้ต้องทำผิดสัญญากับผู้เป็นมารดา แขนข้างที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระถูกยกขึ้นมาวางบนหน้าผาก รอยถูกมัดยังคงปรากฏอยู่เด่นชัด ถึงจะผ่านเรื่องเมื่อคืนมา เขาก็ยังไม่มั่นใจนักว่าคนในอ้อมกอดเป็นอย่างที่เขาพูดหรือเปล่า
ที่รู้แน่ๆ ก็คือ ขาเป็นคนร้ายทำลายความบริสุทธิ์ของเธอเสียงเรียกเข้ายังดังเป็นระยะ แต่เจ้าของโทรศัพท์มือถือยังนอนหลับสบายอยู่ในอ้อมกอดของเขา
แทนไทก้มหน้ามองใบหน้างาม ยามสงบก็ดูไร้เดียงสาเหลือเกิน เหตุใดยามตื่นถึงได้กลายเป็นคนน่ากลัวร้ายกาจอย่างที่เขาไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน เสียงดังขนาดนี้ยังไม่ตื่น ก็ไม่แปลกหรอกที่ไม่ตื่น ในเมื่อพวกเขาเพิ่งได้หลับเอาตอนใกล้รุ่ง แต่เขาตื่นเช้าแบบนี้ทุกวัน ถึงนอนดึกแค่ไหนเวลาตื่นก็เหมือนกันทุกวัน
‘ขี้เซาเสียด้วย ปลุกขึ้นมาเคลียร์กันเลยดีไหม หรือปล่อยให้นอนไปก่อนสักพัก’
ชายหนุ่มถามตนเองอยู่ในใจ พลางถอนหายใจออกมาอย่างคนหมดแรง สุดท้ายเขาก็ทำเรื่องไม่ดีไม่งามลงไปจนได้ ถึงคนเริ่มจะเป็นบุษกรก็เถอะ สุดท้ายคนที่ลงมือปฏิเสธแทบทั้งหมดก็คือเขา เสียงโทรศัพท์มือถือเงียบไป แล้วมีเสียงข้อความเข้าอีกครั้ง เขาจึงตัดสินใจยื่นไปหยิบเจ้าเครื่องมือสื่อสารรุ่นจิ๋ว ที่มองยังไงก็ไม่ใช่ราคาถูกๆ ชายหนุ่มเหลือบมองเจ้าของโทรศัพท์
‘คุณเป็นใครกันแน่บุษกร มีข้อความถูกส่งมาทั้งหมดสี่ข้อความ โทษทีนะบุษกร เพราะคุณชอบทำอะไรแปลกประหลาดอยู่เรื่อย เพื่อความปลอดภัยของผมในอนาคต ผมคงต้องขอดูหน่อยก็แล้วกัน’
ข้อความแรกที่ถูกส่งมาเป็นผู้ชายชื่อ ‘เฉินถิงฟง’ ว่าแต่ผู้ชายคนนี้เป็นใคร แล้วมีความสัมพันธ์อะไรกับบุษกร
‘อีกสองอาทิตย์ผมจะไปเมืองไทยนะอาเจ๊ ห้ามเจ๊พาแฟนผมไปซ่อนเด็ดขาด ไม่งั้นผมถล่มบ้านเจ๊เละแน่ ถิงฟง’
คิ้วที่ขมวดมุ่นเริ่มเป็นปมขึ้นทุกขณะเมื่ออ่านข้อความแรกจบ เขาไม่เคยรู้เลยว่าบุษกรเป็นลูกครึ่ง ตลอดสี่ปีเขาคิดมาเสมอว่าหญิงสาวเป็นเพียงนักศึกษาธรรมดาคนหนึ่ง แต่ตอนนี้ชักไม่มั่นใจในความคิดของตนเองเสียแล้ว
‘ข้อความที่สองจากผู้หญิงชื่อ ‘อรัญญา’ คุณใบบัวอยู่ที่ไหนคะ กลับบ้านได้แล้วค่ะ คุณคริส คุณวอเตอร์ เป็นห่วง ถ้าคุณใบบัวยังไม่กลับมาก่อนสามทุ่ม คุณคริสจะโทรไปรายงานคุณเทียน รีบกลับนะคะฉันเป็นห่วง ญา’
นี่มันอะไรกัน!
เมื่อกี้เป็นคนชื่อเฉินถิงฟง มาคราวนี้เป็นคนชื่ออรัญญา ซ้ำยังมีชื่อของผู้ชายต่างชาติอีกสามคน
แทนไทหันมองเจ้าของโทรศัพท์ที่ยังนอนไม่ทุกข์ร้อนอยู่ข้างกาย ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ตกลงบุษกรเป็นใคร ข้างกายมีแต่คนที่เขาไม่รู้จักทั้งนั้น แถมยังมีหลายเชื้อชาติเสียด้วย
‘ข้อความที่สามเป็นของฉีเทียน คงหมายถึงผู้ชายที่ผู้หญิงคนนั้นพูดถึงสินะ ตอนนี้บอสอยู่ไหนครับ นี่มันเกินเวลาที่กำหนดแล้วนะครับ ผมให้เวลาอีกสองชั่วโมง รีบกลับคฤหาสน์รัชชานนท์ด้วยนะครับ ฉีเทียน’
“บอสเหรอ? หมายความว่าไงกัน บอสนี่มันแปลว่าเจ้านายหรือหัวหน้าไม่ใช่หรือไง”
แทนไทพึมพำ สายตามองข้อความในมือถือสลับกับคนที่นอนหลับอยู่ข้างกาย ตอนนี้เขางงไปหมด บุษกรเป็นเจ้านายของคนที่ส่งข้อความมาอย่างนั่นหรือ?
‘ข้อความที่สี่ คริสโทรมาบอกว่าบอสยังไม่กลับถึงคฤหาสน์รัชชานนท์เลย ตกลงตอนนี้บอสอยู่ที่ไหนกันครับ อย่าคิดทำอะไรพิเรนทร์ๆ เชียวนะครับ ไม่งั้นผมถูกนายท่านยิงทิ้งแน่ ฉีเทียน’
“คุณเป็นมาเฟียหรือไงบุษกร”
คราวนี้ชายหนุ่มหันไปถามคนที่หลับอย่างไม่แน่ใจกับคำถามที่ถามออกไป ยังไม่ทันวางโทรศัพท์มือถือลงข้างหัวเตียง ก็ดันมีข้อความปรากฏขึ้นมาอีกหนึ่งข้อความ
“อีกแล้วเหรอ คราวนี้เป็นใครอีกล่ะ โทษทีนะบุษกร ผมเปิดอ่านมาเกือบทุกข้อความแล้ว ยังไงข้อความนี้ผมก็ขอเปิดอ่านต่อเลยก็แล้วกัน บอสครับ วันนี้มีประชุมด่วนตอนสิบโมงครึ่งนะครับ ยามาบุสะ คราวนี้เป็นคนญี่ปุ่นเหรอ คุณนี่มีลูกน้องเกือบทุกประเทศเลยเลยนะบุษกร สงสัยผมคงต้องปลุกคุณมาคุยกันให้รู้เรื่องซะแล้ว”
แทนไทพึมพำแล้ววางโทรศัพท์มือถือของบุษกรเอาไว้ที่เดิม อีกอย่างนี่ก็เกือบเจ็ดโมงครึ่งแล้ว เมื่อกี้คนชื่อยามาบุสะบอกว่ามีประชุมด่วนตอนสิบโมง กว่าเขาจะเคลียร์กับเธอจบ ปล่อยให้ไปอาบน้ำแต่งตัว ขับรถไปประชุมก็คงเกือบสิบโมงพอดี
ชายหนุ่มขยับกายลุกขึ้นนั่งพิงพนักหัวเตียง ยื่นมือไปเขย่าร่างที่นอนหลับอย่างมีความสุข ร่างกึ่งเปลือยขยับกาย ทำให้ผ้านวมผืนใหญ่หล่นลงมาเผยให้เห็นแผ่นหลังเนียนนุ่ม
ทว่าบนแผ่นหลังที่เขาคิดว่าเนียนนุ่มมือเหมือนกับผิวเด็กกลับมีรอยสักขนาดใหญ่ มองดูก็รู้ว่าเป็นรูปอะไร ผู้หญิงส่วนใหญ่เขามีรอยสักใหญ่ขนาดนี้เลยหรือ ปกติผู้หญิงชอบสักอะไรที่ดูน่ารักและเท่ แต่ของบุษกรนี่มันเกินคำว่าเท่ไปแล้ว
“ตื่นมาคุยกับผมเดี๋ยวนี้นะใบบัว ผมรู้นะว่าคุณตื่นแล้ว ไม่ต้องมาทำเป็นหลับ ลุกขึ้นมาเคลียร์กับผมก่อน สิบโมงครึ่งคุณมีประชุมด่วน”
ชายหนุ่มสั่งเสียงแข็ง กล้าทำก็ต้องกล้ายอมรับผิด นี่อะไรกันทำก็ทำกันไปแล้ว ยังมีหน้ามาหลบหน้าหลบตาอีก คิดหรือว่าเขาจะปล่อยให้เรื่องมันจบลงตรงที่ไม่ได้เคลียร์อะไรกันเลย
“ใบบัวครับ”
“รู้แล้วๆ ไม่ต้องเรียกหลายครั้งก็ได้ ฉันตื่นแล้ว”
บุษกรต่อว่าคนที่รบกวนการนอนของเธออย่างไม่พอใจ ลืมไปเสียสนิทว่าไม่ได้นอนอยู่ในห้องของตนเอง หญิงสาวขยับกายลุกขึ้นนั่ง ลืมตาอย่างยากลำบาก ทั้งที่วันนี้เป็นวันหยุดของเธอแท้ๆ แล้วใครกันที่บังอาจปลุกเธอ แต่พอเห็นหน้าคนปลุก ดวงตาคู่งามก็เบิกกว้างอย่างตกใจ ลืมไปเสียสนิทว่าเธออยู่ในห้องของเขา
“คุณแทน”
//////////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...