เวลาเช้าตรู่...กลิ่นอายดินหลังฝนตกโชยเข้ามาผ่านม่านหน้าต่าง เปลือกตาบางหลับพริ้มลงพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าตรู่เช่นนี้
“ขอให้วันนี้ ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี” ริมฝีปากบางพึมพำเบา ๆ เพื่อปลุกใจให้ตัวเองมีกำลังใจในการดำเนินชีวิตต่อไป เธอจัดการผูกผ้าม่าน ก่อนจะเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หยิบหวีขนาดใหญ่มาสางผม ก่อนจะม้วนผมขึ้นเป็นมวยไว้ทางด้านหลัง คว้าเอาปิ่นปักผมมาปักไว้ เธอยิ้มให้กับตัวเองหน้ากระจก ก่อนที่สายตาจะพลันมองเห็นเปลือกตาบางของบุตรสาวที่ขยับเล็กน้อย
“ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวไม่ทันรถโรงเรียนนะ” ร่างบางผุดลุกขึ้นเดินไปหาลูกสาวที่กำลังงัวเงียอยู่บนที่นอน ญาตาพลิกตัวลูกน้อยขึ้น
“คุณแม่...หนูไม่อยากไปโรงเรียน” น้ำเสียงงัวเงียนี้ทำเอาคนเป็นแม่เอ็นดู แต่จะทำตามใจก็คงไม่ได้
“เอ...วันนี้วันอะไรนะ วันอังคารหนูต้องใส่ชุดพละใช่ไหมคะ”
“ใช่ค่ะ”
“งั้นแสดงว่าวันนี้ต้องได้เรียนพละใช่ไหมคะ”
“ใช่แล้ว!!” ญาณินเบิกตาโพลงเมื่อนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันอังคาร เด็กน้อยงัวเงียรีบลุกขึ้นนั่ง เธอยกมือขึ้นขยี้ตาแรง ๆ ให้ขี้ตาที่ติดอยู่ออกไป
“ล้างหน้าก่อนดีกว่าเนอะ” ญาตาอุ้มลูกสาวเข้าไปในห้องน้ำ จัดการอาบน้ำแปรงฟันให้กับลูก สอนหนูน้อยแปรงฟัน
“ไหนยิงฟันให้แม่ดูหน่อย” ญาณินยิงฟันจนตาหยี ความน่ารักน่าชังทำให้ญาตาอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นบี้จมูกเล็ก ๆ ของลูกสาว
“โอ๊ย ๆ คุณแม่หนูเจ็บนะ”
“หึ แม่ไม่ได้ทำแรงสักหน่อย” ฝ่ามือเล็กกุมจมูกตัวเองไว้ ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างออกมา ญาณินยื่นมือไปเขี่ยจมูกของคนเป็นแม่บ้าง แต่ฝ่ามือเล็ก ๆ ก็ทำอะไรมารดาไม่ได้ ทว่าญาตาก็อยากให้ลูกสนุก
“โอ๊ย ๆ เอาคืนแม่เหรอ...” เธอร้องเสียงหลงออกมาราวกับกำลังเจ็บปวด
“คิก ๆ คุณแม่แกล้งหนูก่อนนี่นา”
“หึ แม่ไม่เล่นด้วยแล้วเดี๋ยวไม่ทันรถโรงเรียน” ญาตาว่าพร้อมกับรีบอาบน้ำให้บุตรสาว ญาณินเจ็ดขวบแล้ว ลูกสาวของเธอกำลังช่างถาม อยากรู้อยากเห็นไปเสียหมด ดวงตากลมโตใสซื่อช่างเหมือนตัวเธอเสียจริง
...เด็กตัวเล็กในชุดเสื้อโปโล กางเกงวอร์มขาสั้น ผมเปียทั้งสองข้างมารดาถักให้อย่างสวยงาม โดยไม่ลืมผูกโบสีขาวให้ด้วย
“แม่ทำไข่เจียวไว้ เดี๋ยวหนูลงไปกินข้างล่างนะ แม่จะเก็บของให้พ่อก่อน”
“คุณแม่ป้อนไม่ได้เหรอคะ”
“หึ ไหนเมื่อคืนใครบอกว่าโตแล้วกันนะ ทำไมยังอยากให้แม่ป้อนข้าวให้อยู่”
“ก็มัน...ขี้เกียจนี่นา”
“หึ ไม่เอาสิ ลูกแม่ห้ามขี้เกียจ” ญาณินหน้ามุ่ย ก่อนจะฉีกยิ้มออกมา
“ก็ได้ค่ะ” เธอยื่นแขนออกไปโอบรอบคอของมารดาให้อุ้มลงไปข้างล่างของบ้าน พอมาถึงห้องอาหารญาณินก็นั่งประจำเก้าอี้ขนาดเล็ก รอมารดาตักข้าวสวยร้อน ๆ โป๊ะไข่เจียวมาให้
“อย่าให้เลอะเสื้อนะ”
“ค่ะ...” ฝ่ามือเล็กกำช้อนสีชมพูหวานแหว๋ว ญาตามองดูลูกสาวตักข้าวเข้าปากด้วยรอยยิ้ม
“เดี๋ยวแม่ไปเตรียมของให้พ่อก่อนนะคะ”
“คุณพ่อเตรียมเองไม่ได้เหรอคะ คุณแม่ยังให้หนูจัดกระเป๋าเองเลย” ว่าอย่างใสซื่อ นั่นทำให้เธอพูดไม่ออก
“หึ พอดีมีอะไรที่พ่อเตรียมเองไม่ได้น่ะ”
“อะไรเหรอคะ”
“กินข้าวเถอะ เดี๋ยวไม่ทันนะ” ญาณินรีบตักข้าวเข้าปากพลางเคี้ยวตุ้ย ๆ ใบหน้าจิ้มลิ้มนี้ทำให้ญาตาเอ็นดู โน้มหน้าลงหอมแก้มลูกฟอดใหญ่ ก่อนจะยื่นหน้าให้ลูกหอมคืนบ้าง
ฟอด~
“หึ น่ารักแบบนี้ตลอดเลยนะณิน”
“ค่ะ หนูจะน่ารัก” คำพูดคำจาไร้เดียงสาทำให้ญาตาฉีกยิ้มไม่หยุด
“เดี๋ยวแม่ลงมานะคะ คนดี”
“ค่ะ” ญาตาว่าเสร็จก็เดินขึ้นบันไดเพื่อไปยังชั้นสองของบ้าน เดินเข้าไปในห้องแต่งตัวของสามี เปิดตู้นำเสื้อเชิ้ตสีขาวที่รีดไว้เรียบร้อยออกมาแขวน พร้อมกับกางเกง เครื่องแต่งกายทุกอย่างของเขาเธอจัดเตรียมไว้ให้หมด
...ฝ่ามือบางเปิดกระเป๋าเอกสารของสามีออก มองดูช่องเล็ก ๆ นั้นก่อนจะล้วงดูก็พบกับความว่างเปล่า
“หมดแล้วเหรอเนี่ย” เธอพึมพำออกมาเบา ๆ ก่อนจะหันไปที่ชั้นวางของ เปิดตู้ออกพร้อมกับนำกล่องถุงยางอนามัยออกมาด้วย ญาตาแกะกล่องถุงยางอนามัยยี่ห้อดังก่อนจะนำซองถุงยางอนามัยสามซองใส่เข้าไปในกระเป๋าของเขา
คงไม่มีภรรยาที่ไหนเตรียมถุงยางให้กับสามีอย่างเธอ ได้แต่หัวเราะให้กับตัวเองในใจ แต่ก็พอบรรเทาความกังวลในใจของตัวเองได้บ้าง เขาจะมีสัมพันธ์กับใครก็ได้ แต่เธอขออย่างเดียวไม่อยากให้ญาณินต้องมีน้องต่างแม่ ทว่า
แกร็ก~
เสียงเปิดประตูห้องแต่งตัวทำให้ญาตาสะดุ้ง เธอเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของการกระทำ ริมฝีปากคลี่ยิ้มบาง ๆ
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณใหญ่” ดวงตาคมสีนิลนั้นมองเธอด้วยแววตานิ่งเรียบ ร่างหนาทางด้านบนเปลือยเปล่า มีหยดน้ำเกาะพราวตามตัว เขาพันผ้าขนหนูสีขาวรอบเอวสอบอย่างหมิ่นเหม่
“ออกไป”
“ค่ะ...” เธอยิ้มให้เขาบาง ๆ ก่อนจะเดินผ่านเขาไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แต่ก็นึกอะไรบางอย่างได้
“วันเสาร์นี้ คุณใหญ่จะไปประชุมผู้ปกครองกับดิฉันไหมคะ” เขาชำเลืองสายตามองเธอเล็กน้อย
“ถามทำไม”
“เอ่อ คือว่า...”
“เธอน่าจะรู้ว่าฉันจะตอบอะไร” ริมฝีปากบางชะงักค้างกลางอากาศ ก่อนจะคลี่ยิ้มให้เขาบาง ๆ
“เผื่อว่าคุณใหญ่อยากเปลี่ยนใจน่ะค่ะ”
“หึ...” เขาแค่นหัวเราะพลางส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ชนินทร์เอื้อมมือไปคว้าเอาผ้าขนหนูผืนเล็กออกมา ก่อนจะเริ่มเช็ดตัว เขาปรายสายตามองญาตาทำเอาเธอสะดุ้งรีบเดินออกจากห้องแต่งตัวของเขาทันที สายตาคมกวาดมองความเรียบร้อยที่เธอเตรียมให้อย่างเช่นทุกวัน
...ญาตาลงจากบ้านมาก็เห็นว่าลูกสาวกินข้าวเสร็จพอดี
“หนูกินหมดแล้วค่ะ”
“หึ เก่งจัง” ดวงตากลมโตนั้นมองหน้าคนเป็นแม่นิ่ง พอเดินมาถึงสองแขนเล็กก็กางออกอยากให้คนเป็นแม่อุ้ม “อะไรเนี่ย ให้แม่อุ้มเดี๋ยวอาหารไม่ย่อยนะ กินน้ำหรือยัง กินข้าวสะ...”
“คุณแม่ร้องไห้ทำไมคะ”
“_”
“คุณพ่อทำอะไรคุณแม่คะ” ฝ่ามือป้อมเล็กแนบลงที่แก้มใสของมารดา ก่อนจะเช็ดเบา ๆ “ร้องไห้ไม่สวยนะคะ”
“ปะเปล่า แม่ไม่ได้ร้องไห้จ้ะ แม่เพิ่งไปล้างหน้ามาน่ะ”
“เหรอคะ หนูรักแม่นะคะ”
“อึก มะแม่ก็รักหนู” อยากจะเข้มแข็งอีกสักนิด แต่ก็ฝืนได้ไม่นาน ญาตาหลั่งน้ำตาออกมาพร้อมกับสวมกอดลูกสาวไว้ในอก “แม่ขอโทษนะ แม่ขอโทษนะ”
“ขอโทษทำไมคะ คุณครูบอกว่าขอโทษตอนทำผิด”
“ปะเปล่าจ้ะ แม่แค่คิดว่าแม่ อึก น่าจะเข้มแข็งกว่านี้สักหน่อย” ดวงตากลมโตใสแป๋วนั้นใสซื่อเกินกว่าจะเข้าใจว่ามารดาต้องการสื่ออะไร “โอ๊ะ ถึงเวลาแล้ว”
“หนูไม่อยากไปโรงเรียนค่ะ หนูอยากอยู่กับแม่” ร่างบางชะงักทันที น้ำเสียงของญาณินบอกกับเธอว่าไม่ได้ขี้เกียจไปเรียน แต่เป็นห่วงเธอต่างหาก
“คุณพ่อใจร้าย”
“ไม่ ๆ ไม่พูดแบบนี้นะ” ฝ่ามือป้อมสั้นของลูกสาวที่แนบแก้มอยู่นี้ทำให้ญาตาพูดไม่ออก ญาณินเริ่มรู้ความแล้ว
“ปะ แม่ไปส่งที่รถนะ” ญาตาว่าพลางคว้ากระเป๋าเป้รูปเจ้าหญิงสโนว์ไวท์ติดมือมาด้วย แต่หางตาก็เห็นว่าคนเป็นสามีเดินลงจากบ้านพอดี
“ณินหวัดดีพ่อก่อนไปโรงเรียนหน่อย”
“สวัสดีค่ะ คุณพ่อ” สองฝ่ามือเล็กที่พนมไหว้นั้นเขาไม่ชายตามองเสียด้วยซ้ำ ทำเอาญาตารีบหมุนตัวหนีไม่ให้ลูกเสียความรู้สึกที่ไม่ถูกรับไหว้ เปิดประตูออกจากบ้านไปยืนรอรถโรงเรียนด้วยความเจ็บปวดในอก
“ญาณินหนูน่ารักกับคุณครูนะคะ”
“ค่ะ...” ญาตาส่งลูกสาวขึ้นรถโรงเรียนพลางฝากฝังกับคุณครูประจำรถตู้ หัวอกของคนเป็นแม่เจ็บปวดที่ไม่สามารถส่งลูกไปเรียนด้วยตัวเอง ด้วยความที่ขับรถไม่เป็น
“ฝากเช็กเด็กตอนลงจากรถด้วยนะคะคุณครู”
“ได้ค่ะ” เธอว่าพลางสอดส่องสายตามองลูกสาวที่กำลังโบกมือลาหย็อย ๆ อยู่ กระทั่งรถตู้เคลื่อนออกจากหน้าบ้านไป ความห่อเหี่ยวในใจจึงเกาะกินจิตใจของเธออีกครั้ง หันหน้ากลับเข้าบ้านหลังใหญ่ หากไม่มีลูก เธอก็คงไม่อยากอยู่บนโลกใบนี้อีก โลกที่ไร้ซึ่งความรัก...จากชายที่รักสุดหัวใจ