อยากได้ยินว่ารัก..กัน

1391 คำ
ตอนที่ 11 “ผมดีใจนะครับ ที่คุณเจนชอบที่นี่” “ค่ะ ที่นี่น่าอยู่มาก” “วันนี้ผมจะพาคุณเที่ยวรอบ ๆ ที่นี่ให้ทั่วเลย แล้ววันพรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปไหว้พระธาตุดอยสุเทพนะ” “อืม..ก็ดี” “แต่ว่าตอนนี้ผมหิวแล้ว เราไปหาอะไรกันดีกว่านะครับ ผมให้แม่ครัวฝั่งโรงแรมเตรียมอาหารมาให้เราแล้ว” ภาคินัยพาหญิงสาวขึ้นรถกอล์ฟ ขับมาที่ห้องอาหาร แม่ครัวสมใจคนเก่าคนแก่ของที่นี่รีบออกมาต้อนรับภาคินัย “สวัสดีค่ะคุณหนู จะมาพักทั้งทีทำไมไม่โทรบอกป้าก่อนล่ะคะ” “ไม่เป็นไรครับป้า ว่าแต่วันนี้ มีอะไรให้ผมทานบ้างครับ” “มื้อเช้า มีไข่กระทะ กับข้าวต้มค่ะ ถ้าป้ารู้ว่าคุณหนูจะมาป้าจะเตรียมของโปรดไว้เลยล่ะค่ะ” “งั้นผมขอไข่กระทะสองที่นะครับป้า” “คุณผู้หญิงจะรับน้ำส้มด้วยมั้ยคะ” “ไม่เป็นไรค่ะ หนูขอกาแฟดีกว่า” มื้อเช้าเสร็จสิ้นลง ภาคินัยก็พาเจนจิราไปเที่ยวน้ำตกที่อยู่หลังบ้านพัก น้ำตก 3 ชั้นขนาดใหญ่ ที่มีน้ำไหลเย็นชุ่มฉ่ำตลอดทั้งปี ท่ามกลางบรรยากาศของธรรมชาติที่สงบร่มรื่น โดยแต่ละชั้นจะมีชั้นหินธรรมชาติ รองรับน้ำเป็นแอ่งอยู่ บางแอ่งมีขนาดกว้างและน้ำไม่ลึก เหมาะสำหรับลงเล่นน้ำได้สบาย และยังมีไฮไลท์อย่างแอ่งน้ำที่มีฝูงปลาอาศัยอยู่มากมาย ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังนั่งพักอยู่กลางธรรมชาติอันแสนร่มรื่นนั้น “คุณเจน ลองแช่เท้าในน้ำดูสิครับ มีปลาตัวเล็ก ๆ มาตอดเพลินดีนะ” หญิงสาวลองทำตามที่ชายหนุ่มแนะนำ “อุ๊ย!.. จักจี๊จังเลยค่ะ” “เป็นไงครับ น้ำตกที่นี่สวยมั้ยครับ” “สวยค่ะ” “เจนครับ คุณแต่งงานกับผมนะ” จู่ ๆ ชายหนุ่มก็พูดขึ้นมาไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย มันเป็นการขอแต่งงานไม่มีพิธีรีตองอะไร ไม่มีแม้แต่แหวนหมั้น แต่หญิงสาวก็สัมผัสได้ถึงความจริงใจที่เขามี เจนจิราจ้องชายหนุ่มตรงหน้านิ่ง ไม่ได้ตอบอะไรออกมา บรรยากาศรอบตัวเหมือนหยุดสงบอย่างเป็นใจ พระอาทิตย์ที่เริ่มคล้อยต่ำเป็นฉากสวยอยู่เบื้องหลังเหมือนแสงไฟที่ทำให้ดวงหน้าที่อยู่ใกล้กันแค่คืบส่องสว่างในสายตาของอีกฝ่าย “คุณภาคย์มั่นใจแล้วเหรอคะ ว่าเจนจะเป็นภรรยาที่ดีของคุณได้” “มั่นใจสิครับ” ระหว่างที่ภาคินัยรอคำตอบจากพยาบาลสาว ฝนก็ได้เทกระหน่ำลงมาอย่างแรง “ฝนตกแล้วค่ะ คุณภาคย์เราจะไปหลบฝนที่ไหนกันดี” “ข้าง ๆ มีชะโงกหินน่าจะพอหลบฝนได้อยู่ครับ ทางนี้ครับ” ชายหนุ่มรีบจูงมือหญิงสาวไปสถานที่หลบฝนทันทีที่เขาบอก “เดี๋ยวเราหลบกันตรงนี้ก่อนดีกว่าครับ” “ตั้งแต่ที่เราคบกับคุณเจนยังไม่เคยบอกรักผมเลย แต่ผมเนี่ยสิดันไปเอ่ยปากขอคุณแต่งงาน” ภาคินัยพูดขึ้นแข่งกับเสียงฝนที่ตกลงมา “แล้วคุณเคยถามหรือเปล่าล่ะคะ” หญิงสาวก็ไม่ยอมแพ้ตะโกนผ่านเสียงฝนเช่นกัน เหมือนทั้งคู่จงใจให้ฝนนี้เป็นพยานรัก “ยังไม่เคย งั้นคุณรักผมบ้างหรือเปล่า” “ถ้าฉันไม่รักคุณ จะกล้ามานอนค้างอ้างแรมกับคุณเหรอคะ” หล่อนถามเสียงท้าทาย ทั้งที่ใบหน้าร้อนผ่าวเมื่อเขาฉวยมือบางขึ้นไปจูบหนักๆ หนึ่งที “คุณรักผมมั้ย เจนจิรา” “รักค่ะ ฉันรักคุณ คุณภาคย์” ทั้งคู่เข้าสวมกอดกันกลางสายฝนที่เทลงมาอีกระลอก ชะโงกหินที่ยื่นยาวที่พอเป็นที่หลบฝนให้พวกเขาทั้งสองได้ และความหนาวเหน็บก็เข้ามาแทนที่ “ที่ผ่านมายังไม่ชัดเจนพอหรือคะว่าเจนก็รักคุณ” หล่อนก้มหน้าบอกรู้สึกเขินขึ้นมาบ้าง เพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เอง ว่าการบอกรักแบบตรงๆ นี่ก็เล่นเอาเขินได้เหมือนกัน ภาคินัยกลั้นยิ้มหากก็ยังไม่เป็นที่พอใจ เขาส่ายหน้าและว่า “ก็ยังไม่ชัดเท่าไหร่” “แหม!..ก็ฉันบอกเมื่อกี้ไปแล้วนี่คะ” หญิงสาวอายหนักเมื่อถูกถามขึ้น “บอกว่าอะไรน้า ขออีกรอบได้มั้ยครับ แต่ถ้าคุณไม่บอกผมขอหอมแก้มแทนได้มั้ย” เจนจิราอ้าปากเหวออย่างนึกไม่ถึง “คนเจ้าเล่ห์ คุณภาคินัยอยากให้ฉันบอกอีกรอบจริงๆ หรือคะ” หล่อนดึงมือออกจากการเกาะกุมอย่างนุ่มนวลพลางยิ้ม ประจบ “เอาไว้เราออกไปจากที่นี่ก่อนนะคะ” ชายหนุ่มมองหญิงสาวอย่างคาดโทษก่อนจะตัดใจ จากร่างเล็กที่คลอเคลียอยู่ในอ้อมแขน จากนั้นก็คาดโทษออกมาเป็นคําพูดอีกว่า “ไม่ได้ที่นี่แหละ มีแค่เราสองคน เลือกมาว่าจะบอกรักผมหรือให้ผมหอมแก้ม” “ไม่เลือกคุณขี้โกง” ‘รอคืนนี้ก่อนเถอะ จะเอาให้บอกรักทั้งคืนเลย’ “คิดอะไรอยู่เหรอคะ” “อ๋อ ผมคิดว่าฝนจะหยุดเมื่อไหร่นะสิ” “ที่นี่อุดมสมบูรณ์มากเลยนะคะ” หญิงสาวชวนเปลี่ยนเรื่องทันที เมื่อคิดว่ายังไงคืนนี้เธอก็ไม่รอดชายหนุ่มเลยไม่เซ้าซี้ แล้วยอม ๆ เธอไปก่อน “อืมใช่ ธรรมชาติที่เมื่อก่อนเป็นยังไง เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นแบบนั้น” ลมกรรโชกขึ้นมาวูบหนึ่งจนร่างบางสะท้าน อ้อมแขนแข็งแรงยังคงไม่คลายออกอย่างให้ความอบอุ่น กระแสเสียงที่เอื้อนเอ่ยบอกถึงความห่วงใยที่มากมายอยู่ในห้วงของหัวใจ “หนาวไหมครับ..เจน” “ไม่ค่ะ” หญิงสาวส่ายศีรษะไปมาเป็นคำตอบ แขนเรียวยกขึ้นโอบรอบคอเขาไว้.. อิงกายไปหาอย่างแผ่วเบาไม่เขินอายซึ่งกันและกันอีกต่อไป ฝนเริ่มซาแล้ว ทั้งคู่จึงออกมาจากที่หลบฝน พากันเดินลัดเลาะโขดหินมาจนถึงทางเดินเท้าปกติ และไม่นานก็ถึง รถATV ที่จอดอยู่ “เสื้อเจนเปียกไปหมดเลย ผมว่าเรารีบกลับกันดีกว่าครับ เดี๋ยวคุณจะไม่สบาย” “ก็ได้ค่ะ” เสื้อเชิ้ตสีขาวแนบเนื้อ บราลูกไม้สีดำที่ทะลุออกมาจนเด่นชัด ทำให้ภาคินัยต้องกลืนน้ำลายไปหลายอึก “ถึงแล้ว เดี๋ยวคุณไปอาบน้ำก่อนนะครับเจน เดี๋ยวผมจะโทรให้คนเอาอาหารมาให้ที่นี่ “ค่ะ” หลังจากที่เจนจิราอาบน้ำเสร็จ ชายหนุ่มก็เข้าไปอาบต่อ ระหว่างนั้นหญิงสาวก็ไดร์ผมรอจนแห้ง เธอออกไปยืนรับลมอยู่หน้าระเบียงห้อง ไม่นานนักภาคินัยก็ออกมาหาเธอ “อาบน้ำเสร็จแล้วหรือคะ” หล่อนเสมองไปทางอื่นทันทีเมื่อรู้ตัวว่าความคิดมักจะหมกมุ่นและเต็มไปด้วยเรื่องของเขา ไม่ ยอมบอกว่าหลุดขำออกมาด้วยเรื่องอะไร ภาคินัยพยักหน้าพร้อมๆ กับเดินตรงมาหาคนที่ยืนเหม่อมองทิวทัศน์ที่ระเบียงห้องด้านนอก ค่ำนี้หมอกลงจัดจนแทบจะมองอะไรไม่เห็นอะไร “เราไปทานข้าวกันนะครับ” เขาจูงมือหญิงสาวให้เดินไปที่โต๊ะอาหารที่อยู่ตรงระเบียงด้านล่างของตัวบ้าน มีคนจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เจนจิรายอมตามเขาอย่างว่าง่ายก็จริง แต่ใครจะรู้เล่าว่าหัวใจของหล่อนกําลังเร่งจังหวะการเต้น จากนั้นก็รัวแรงขึ้นเป็นทวีเมื่อภาคินัยเปลี่ยนจากจูงมือมาคว้าเอวหล่อนไปกอดประคองเดินไปแบบหลวมๆ ด้วยระยะที่ประชิดขนาดนั้นเธอไม่กล้าแม้แต่แหงนหน้าขึ้นไปสบตาคู่คมที่รออยู่นอกจากผลุบต่ำอยู่แค่อกเสื้อยืดเนื้อนุ่มสบายตัวของเขาเท่านั้น เขาเลื่อนเก้าอี้ให้หญิงสาว หลังจากนั้นดินเนอร์มือเย็นจึงเริ่มขึ้นด้วยบรรยากาศแสนจะโรแมนติก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม