01 งานแต่ง

1265 คำ
ณ คฤหาสน์หลังใหญ่ "ทำหน้าให้มันดีๆ สิลูกวันนี้วันดีนะ" "วันดีของคุณแม่แต่ไม่ใช่วันดีของหนูนะคะ" "โถ่ลูกสาวแม่ ถ้าแม่ไม่ทำแบบนี้ลูกก็คงไม่คิดจะกลับมาที่บ้านเลย อีกอย่างแม่ก็รับประกันว่าไกรเนี่ยเขาถึงเป็นคนดีอบอุ่นมากๆ เลยล่ะ แม่ก็อยากให้ลูกสาวคนเดียวของแม่ได้มีคู่ชีวิตที่ดี" "แต่ไม่ใช่คู่ชีวิตที่เลือกเอง.." นี่มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการเลย ฉันถูกเรียกตัวกลับมาเพราะคุณแม่บอกว่ามีเรื่องด่วน ทั้งที่ฉันไม่ได้อยากกลับเลย ฉันมีความสุขกับการที่ได้อยู่ต่างประเทศมากกว่า เพราะหลายๆ อย่างมันดีกว่าการที่ฉันต้องอยู่ที่บ้าน แล้วโดนห้ามทำแบบนั้นแบบนี้ ฉันเป็นผู้หญิงและก็เป็นลูกคนเดียว เพราะแบบนั้นคุณแม่กับคุณพ่อจึงมักจะห้ามไม่ให้ฉันทำเรื่องบลาๆ เพราะเขามักจะบอกเสมอว่ามันไม่ดี แต่ฉันก็มีสิทธิ์ตัดสินใจที่จะทำอะไรนี่นา เพราะแบบนี้ไงฉันถึงไม่อยากกลับ หลังจากได้ไปเรียนต่างประเทศฉันก็อยู่ที่นั่นถาวรเลย เพราะมีหลายๆ อย่างที่ฉันชอบและฉันก็มีความสุขมาก สามเดือนก่อนหน้านั้น "อะไรนะคะ หนูต้องกลับจริงๆ หรอ ปกติที่บ้านมีงานอะไรหนูก็ไม่กลับอยู่แล้วนี่นา ทำไมครั้งนี้ต้องกลับด้วยล่ะ?" ( ต้องกลับมาให้ได้นะลูก แม่มีเรื่องสำคัญที่จะต้องพูดกับลูก แล้วก็มีคนที่จะแนะนำให้รู้จักด้วย ) "ใครกันคะ?" ( กลับมาเดี๋ยวลูกก็รู้เอง รีบกลับมานะ ) สุดท้ายฉันก็ต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วกลับไปที่บ้าน ก่อนจะพบว่าเรื่องสำคัญที่คุณแม่บอกมันเป็นเรื่องที่ฉันจะต้องแต่งงานกับผู้ชายคนนึง และฉันก็ไม่มีทางที่จะปฏิเสธได้เลยด้วย เพราะแบบนี้คุณแม่ถึงไม่ยอมบอกกับฉันผ่านโทรศัพท์ เพราะถ้าบอกกับฉันก่อนฉันจะไม่มีทางจองตั๋วเครื่องบินแล้วกลับมาเด็ดขาด ฉันแค่ไม่อยากแต่งงาน ฉันไม่อยากมีครอบครัว ฉันอยากใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ การที่ฉันตัวคนเดียวมันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าอายอะไรสักหน่อย ฉันมีความสุขกับการใช้ชีวิตแบบนี้ "ลูกสาวของคุณหญิงเนี่ย สวยจริงๆ เลยนะคะ สวยเหมือนกับคุณหญิงสมัยสาวๆ เลย" "ขอบคุณมากนะคะ เชิญเข้าไปข้างในก่อนค่ะ" แต่งงานโดยที่ไม่รู้ตัวยังไม่พอ แถมงานแต่งก็ยังถูกจัดขึ้นใหญ่โตโอ่อ่าอีกต่างหาก ญาติของคุณแม่และญาติของคุณพ่อไหนจะนักธุรกิจต่างๆ มารวมตัวกันเยอะแยะมากมาย และนั่นฉันก็แผลงฤทธิ์อะไรไม่ได้เลย ใจจริงอยากจะชิ่งหนีออกไปทั้งชุดงานแต่งแบบนี้เลยด้วย "เข้าไปข้างในกันเถอะลูก" "ค่ะ" หลังจากที่ยืนรับแขกกันได้สักพักใหญ่ๆ คุณแม่ก็พาฉันกลับเข้าไปด้านใน เตรียมตัวที่จะเข้าพิธีงานแต่ง ก๊อกๆๆๆ "ทางฝั่งของเจ้าบ่าวมาถึงแล้วค่ะคุณหญิง" "โอเคจ้ะขอบใจมากนะ" "เฮ้อ..." "อะไรกันลูก อย่าถอนหายใจแบบนี้สิ แม่อยากเห็นเรายิ้มออกมานะ ยิ้มให้แม่ดูหน่อยสิ" "ลองให้คุณแม่มาถูกบังคับเหมือนหนูบ้างคุณแม่จะยิ้มออกไหมคะ?" ฉันเดินออกมาจากห้องพักโดยมีคุณแม่เดินตามหลังมา "ไงลูกสาวพ่อ" "มารับหรอคะ?" "ใช่ เกาะแขนพ่อสิ" "ค่ะ" ฉันกอดแขนคุณพ่อแล้วเดินลงไปด้วยกัน ภาพแรกที่ฉันเห็นคือทุกคนกำลังตะลึงในขณะที่ฉันกำลังลงไป และสิ่งต่อมาที่ฉันเห็นคือผู้ชายในชุดขาวซึ่งกำลังยืนอยู่ด้านล่าง ถ้าเดาไม่ผิดเขาคงจะเป็นเจ้าบ่าวที่คุณแม่หามาให้ฉันแต่งงานด้วย เขาหล่อและดูดีมาก จะบอกว่าเป็นสเปคฉันเลยก็ได้ แต่เราสองคนยังไม่รู้จักกันเลย คนเราจะแต่งงานกันก็ต้องผ่านการคบกันเป็นแฟนหรือว่าขอแต่งงานก่อนสิ ต่อให้เขาจะหล่อเพอร์เฟคมากแค่ไหนฉันก็ไม่ได้คิดที่จะข้ามเส้นก้าวผ่านเรื่องพวกนั้นไป งานแต่งราบรื่นไปได้ด้วยดีโดยที่ฉันไม่ได้แผลงฤทธิ์หรือสร้างความวุ่นวาย แต่ก่อนตอนเด็กๆ ฉันบอกกับคุณแม่เสมอว่าฉันไม่อยากมีงานวันเกิดไม่อยากจัดงานอะไรเลย ฉันชอบความเงียบ ชอบการอยู่คนเดียว มีครั้งนึงที่คุณแม่จัดงานวันเกิดและเชิญผู้คนมากมายมาร่วมงาน และฉันก็หนีออกจากบ้านเพราะไม่อยากมีงานวันเกิด ฉันมักจะทำแบบนั้น แต่ตอนนี้ฉันโตแล้ว ฉันพอจะรู้ว่าฉันควรทำยังไงเพื่อไม่ให้พ่อแม่ต้องอับอาย หลังจากแต่งงานฉันก็ได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านของผู้ชายคนนั้น บ้านของเขาก็เป็นสไตล์บ้านคนรวยเพียงแต่อยู่ในหุบเขาในป่าหน่อย โดยรวมแล้วคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวชอบตัวคนเดียวแบบฉันก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเลย "ห้องนอนของเธออยู่ตรงโน้น ส่วนห้องนอนของฉันอยู่อีกฝั่งนึง อยากได้อะไรเพิ่มเติมก็บอกแม่บ้าน พวกเขาจะจัดหามาให้ ยกเว้นของแพงๆแบรนด์หรูที่เธอเคยใช้ตามห้าง เพราะที่นี่ไม่มีใช้และไม่มีที่ให้ซื้อด้วย" "อะ..." "อีกอย่างถ้ามืดแล้วห้ามออกไปข้างนอกเด็ดขาด ที่นี่อันตราย และในสวนจะมีเวรยามเฝ้าตลอดพวกเขาอาจจะไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร เพราะฉะนั้นห้ามออกไปสุ่มสี่สุ่มห้า" "แล้วทำไมถึงต้องมีเวรยามด้วยล่ะ?" "ไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องมาอธิบาย บอกอะไรไปเธอก็ฟังด้วยก็แล้วกัน พวกเขามีอาวุธครบมืออย่างถูกต้อง เพราะฉะนั้นถ้าพวกเขาจะยิงเธอข้อหาที่เธอบุกรุกยามวิกาลมันก็ไม่ผิด พวกเขามีหน้าที่เฝ้าและระวังไม่ให้คนแปลกหน้าเข้ามาในสวน" "ค่ะ" ให้ตายสินี่ฉันต้องอยู่ในบ้านที่มีแต่กฎมากมายแบบนี้จริงๆ เหรอ แล้วฉันจะมีโอกาสออกไปสู่โลกภายนอกบ้างหรือเปล่าล่ะเนี่ย "ฉันอยากได้รถ" "ไม่มี อยากไปไหนทำอะไรมีคนขับรถให้คุณ แถวนี้มันอันตราย คุณไม่คุ้นชินเส้นทางอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้" "แล้วจะให้ฉันอยู่แต่บ้านอย่างเดียวเลยงั้นหรอ? ฉันไม่ใช่คนอยู่ติดบ้านนะ ฉันก็อยากออกไปเที่ยวห้างทำอะไรส่วนตัวของฉันบ้างไม่ใช่ให้อยู่แต่บ้าน" "ออกไปได้ แต่ก็ต้องมีคนออกไปด้วย" "....." ฉันอยากจะแหกปากร้องให้มันดังๆ นี่มันบ้านหรือคุกกันแน่เนี่ย บ้านหลังใหญ่โตก็จริง แต่กลับเดินไปไหนมาไหนไม่ค่อยได้ "พรุ่งนี้ฉันจะเรียกคนงานทุกคนมาเพื่อแนะนำเธอให้รู้จัก พวกเขาจะได้รู้จักเธอ และถ้าเธอจะออกไปไหนพวกเขาจะได้ไม่ต้องคิดว่าเป็นโจรหรือขโมย" "หน้าตาฉันมันออกแบบนั้นรึไง?" "ต่อให้หน้าตาดี ก็ใช่ว่านิสัยจะดี" "....." โอ๊ะ! อีตาบ้านี่กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้กับฉันเนี่ย รู้จักฤทธิ์คนอย่างฉันน้อยไปซะแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม