.
.
.
.
.
‘สวัสดีเจอกันอีกแล้วรันนะ (: ’
.
.
.
.
“…” ต่างคนต่างยืนตะลึงกับการพบกันครั้งนี้แต่ดูเหมือนแขกทั้งสองทำหน้าราวกับว่าพวกเขารู้อยู่ก่อนแล้วว่าจะได้เจอกัน
“สวัสดีริน” ชายหนุ่มอีกคนกล่าวทักทายเพื่อทำลายความเงียบ
“สวัสดีฮัน..เอ่อ สวัสดีค่ะ พี่แซนดี้” คนตัวเล็กกล่าวทักทายกลับไปตามมารยาทและไม่ลืมที่จะทักทายคนที่อายุเยอะกว่า
“สวัสดีค่ะน้องริน เรียกพี่แสนดีก็ได้นะคะพี่ชอบชื่อนั้นมากกว่า” สาวสวยยกยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างมีนัย
“....” ไม่รู้ทำไมคนตัวเล็กเหมือนจะรู้สึกเจ็บจี๊ดๆที่ใจแบบแปลกๆหรืออาจจะเป็นเพราะเจ้าหล่อนรู้ดีอยู่แล้วว่าชื่อนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร
“เอ่อ มาเที่ยวกันหรอ โลกกลมเนอะ เหอะๆ” เมื่อร่างสูงชำเลืองดูคนตัวเล็กข้างๆและพบว่าเจ้าหล่อนหน้าเสียจนเห็นได้ชัดเขาก็เลยรีบหาเรื่องอื่นมาคุยทันทีเพื่อไม่ให้บทสนทนาที่สุ่มเสี่ยงดำเนินต่อไป
“ใช่ แต่สำหรับเรามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอ มันคงเป็นพรหมลิขิตมากกว่า ^^” ไม่ว่าเปล่าหญิงสาวส่งยิ้มหวานให้ชายตรงหน้า
“ก็แค่บังเอิญน่ะแสนดี” รันรีบโต้กลับทันทีก่อนที่ใครบางคนข้างๆเขาจะรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้
“มันเป็นเรื่องบังเอิญสำหรับนาย แต่มันคือพรหมลิขิตสำหรับคนงมงายอย่างฉัน อ๊ะ!”ทันทีที่พูดจบจู่ๆก็มีมือหนาจากคนข้างๆบีบเข้าที่ข้อมือเล็กนั่นก่อนเจ้าของมือใหญ่ถลึงตาใส่เธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อก็ไม่ปาน
“...” ร่างสูงตรงหน้าได้แต่ยืนอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ตอบไม่รู้ว่าจะต้องต่อบทสนทนาอย่างไร
“ฉันขอตัวก่อนนะคะ” ความอดทนที่กลัดกลั้นเอาไว้พังทลายลงไปหมดเฟรินเลือกที่จะเป็นฝ่ายเดินหนีไปแต่มือหนาของใครบางคนก็รีบคว้าเอาไว้
“รินรอฉันด้วย”
“เย็นนี้เรา 4 คนไปทานข้าวพร้อมกันหน่อยดีไหมคะ เดี๋ยวฉันเป็นเจ้ามือเอง” หญิงสาวอีกคนเสนอแทรกเข้ามาเรียกความสนใจกับบุคคลที่เหลือได้เป็นอย่างดี
“รินขอผ่านค่ะ”
“แต่พี่อยากให้รินไปด้วยนะเผื่อเรามีเรื่องอะไรสนุกๆที่จะได้คุยกัน หรือเผื่อน้องรินอยากจะถามเรื่องของรันจากพี่ก็ได้” ว่าจบหญิงสาวก็ส่งยิ้มให้แต่รอยยิ้มนั้นกลับดูไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย
“...รินขอตัวนะคะ” ไม่รอช้าร่างบางรีบวิ่งหายกลับเข้าไปบนหาดพร้อกับร่างสูงที่ตามมาติดๆ
“ริน ! เดี๋ยวสิ ริน รอฉันด้วย” รันรีบสาวเท้าตามเพื่อไปให้ทันหญิงสาวที่วิ่งหายไปแต่ก่อนที่เขาจะก้าวฝีเท้าก็ต้องชะงักเล็กน้อยเพื่อฟังบางอย่าง
“เดี๋ยวฉันจะไลน์ไปบอกนะว่าร้านไหน พารินมาด้วยให้ได้ล่ะฉันอยากเลี้ยงข้าวพวกเธอให้ได้”
“....” ร่างสูงไม่ตอบอะไรทำเพียงแต่ออกวิ่งไปทั้งอย่างนั้นหวังอย่างเดียวเพียงเพื่อให้ตามคนตัวเล็กที่วิ่งไปก่อนหน้าให้ทัน
“เธอพูดบ้าอะไรของเธอ..ไม่เห็นรึไงเมียเขายืนหัวโด่อยู่นั่น” เสียงทุ่มต่ำเล็ดรอดออกมาจากไรฟันที่กัดกันไว้แน่นเพื่อสะกัดกลั้นอารมณ์บางอย่างไว้
“ฉันพูดอะไรผิด ฉันก็แค่พูดความจริงตามที่ฉันคิดก็แค่นั้นเอง” คนตัวเล็กกว่าตอบกลับทั้งๆที่สายตายังไม่วางจากแผ่นหลังของชายหนุ่มที่วิ่งจากไป
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ณ ห้องอาหารชั้นใต้ดินของโรงแรม.. โต๊ะอาหารสำหรับสี่ที่ถูกจัดเตรียมไว้โดยมีเจ้ามือที่มานั่งรออยู่แล้ว
“ฉันหวังว่าเธอจะไม่ทำอะไรหรือพูดอะไรที่ไม่น่าฟังอีกนะแซนดี้” ชายหนุ่มข้างๆจับจ้องมายังหญิงสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างดุดัน
“ฉันจะทำอะไรทำไมนายต้องใส่ใจด้วยล่ะ ก็ฉันแค่ทำตามที่หัวใจฉันมันต้องการแค่นั้นแหละ” หญิงสาวตอบกลับไปพร้อมยกยิ้มมุมปากอย่างมีนัย
“แต่ความต้องการนั้นมันทำให้คนอื่นเขาลำบากใจ”
“ก็ฉันไม่เหมือนนายนี่ ทั้งๆที่แอบชอบเขามาตั้งนานแต่ก็ยังทำเป็นเฉยแล้วมาปิดทองหลังพระทำตัวเป็นคนดีดูแลเขาลับหลังแบบนี้ ถามจริงนายทนได้หรอที่เห็นเขาอยู่กับคนอื่น? ไม่สงสารตัวเองบ้างรึไงห๊ะ? แต่เสียใจด้วยนะสำหรับฉัน ฉันแคร์ความต้องการของตัวเองมากกว่า”
“...” ร่างสูงตรงข้ามหน้าตาบึ้งตึงได้แต่กัดฟันกรอดพร้อมมือหนาที่กำไว้แน่นด้วยความเจ็บใจ..เจ็บใจที่ผู้หญิงคนนี้บังอาจมาดูถูกความรักของเขาที่มีแต่ผู้หญิงคนหนึ่ง ทั้งๆที่เขาคิดว่าแค่ได้เห็นเธอมีความสุขมันก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา
“หึ..เจ็บใจใช่ไหมหละที่ฉันพูดแบบนั้น จะบอกอะไรให้นะถ้านายไม่ทำอะไรสักอย่างเฟรินก็ไม่มีทางรู้หรอกนะ ไม่แม้แต่จะหันมาชายตามองนายด้วยซ้ำ..” หญิงสาวพูดพลางยกยิ้มอย่างผู้เหนือกว่า
“..หุบ..ปากไปซะ” มือหนาที่กำไว้แน่นเริ่มสั่นเทาด้วยความโกรธที่กำลังประทุขึ้นภายในอก
“ฉันจะเสนอทางเลือกให้นาย ถ้านายร่วมมือกับฉันเราทั้งคู่ก็จะได้สิ่งที่เราต้องการ ฉันกับรันก็จะกลับไปเริ่มต้นใหม่ ส่วนนายกับรินก็..”
“เฮ้ มากันนานรึยัง โทษทีมาช้าหน่อย” ยังไม่ทันที่สาวสวยจะพูดจบแขกทั้งสองที่จะมาร่วมโต๊ะก็มาถึงพอดี ร่างสูงเลื่อนเก้าอี้ให้ภรรยานั่งก่อนตัวเองจะเดินอ้อมไปนั่งฝั่งตรงข้ามที่อยู่ถัดจากเพื่อนชายคนสนิท
“อ้อ เออพึ่งมาถึงได้เกือบสิบนาทีละ” ชายหนุ่มที่มาถึงก่อนตอบกลับไป
“ค่อยยังชั่ว เนี่ยช้าเพราะมัวแต่บังคับยัยนี่ให้มาด้วยนี่แหละ” ไม่ว่าเปล่าร่างสูงเปรยตาไปยังภรรยาคนสวยที่นั่งหน้าบึ้งตึงอยู่ตรงข้าม
“เอาน่าๆรินมาด้วยพี่ก็ดีใจนะ ^^ ว่าแต่หิวกันรึยังสั่งอาหารกันเถอะ มาทะเลทั้งทีต้องซีฟู้ดสิเนอะ” สาวสวยว่าแล้วก็หันไปยิ้มให้กับหญิงสาวที่อายุน้อยกว่าอย่างคุ้นเคยก่อนจะเรียกบริกรมารับออเดอร์ ใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าอาหารที่สั่งจะมาวางเรียงรายบนโต๊ะจนครบ
“หูย จะกินหมดหรอแซนดี้” ฮันมองอาหารบนโต๊ะก่อนจะเงยหน้ามองหญิงสาวที่เป็นเจ้าของออเดอร์ตรงหน้าแต่เจ้าหล่อนเองก็รู้ดีกว่านั่นเป็นการเล่นละครของชายคนนี้เพื่อรักษาบรรยากาศ..เพื่อไม่ให้หญิงสาวที่เขาแอบปลื้มรู้สึกอึดอัด
“หมดแน่นอนฉันรับประกัน เพราะมีแต่ของชอบพวกนายสองคนเลยนี่แต่ถ้าไม่หมดฉันจะปรับพวกนายสองคนนะ”
“ห๊ะ! / ห๊ะ!!” ชายหนุ่มทั้งสองอุทานออกมาพร้อมกันอย่างแตกตื่นและอาการของคนทั้งคู่เรียกเสียงหัวเราะจากหญิงสาวที่นั่งเงียบอยู่นานได้เป็นอย่างดี
“น้องรินเองก็กินเยอะๆนะคะ ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวมื้อนี้พี่เป็นเจ้ามือเอง”
“ขอบคุณค่ะพี่” ร่างบางก้มหัวให้น้องๆเป็นเชิงขอบคุณ
“งั้นเรามาเริ่มทานกันเลยดีกว่าเดี๋ยวจะเย็นหมด” ว่าจบเจ้ามือก็เริ่มลงมือก่อนเพื่อเหมือนเป็นการเปิดงานและก็ตามมาด้วยแขกบนโต๊ะที่เริ่มหยิบนั่นตักนี่ไปลงบนจานตัวเอง บนโต๊ะเต็มไปด้วยความหรรษาเพราะโดยพื้นฐานแล้วพวกเขาเคยสนิทกันมาก่อนอยู่แล้วตั้งแต่สมัยเรียนมันจึงเป็นเรื่องง่ายอยู่แล้วที่จะหาเรื่องมาพูดคุยกัน แต่ดูเหมือนว่าเฟรินเองก็ยังรู้สึกได้ถึงความสัมพันธ์บางอย่างระหว่างรันเวย์และแซนดี้
.
.
.
.
.
‘หรือมันคือถ่านไฟเก่าที่เขาว่ากัน...?’
.
.
.
.
“นี่รัน ลองอันนี้สิกุ้งมันสดหวานมากๆเลย” แสนดีว่าพลางตักกุ้งตัวอวบใส่จานอดีตคนรักอย่างเคยตัว..
“อ เอ่อ.. ขอบคุณครับ”ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณพลางหันไปมองหญิงสาวอีกคนที่ร่วมโต๊ะอยู่ด้วย
“...” ร่างบางไม่แสดงสีหน้าอะไรทำเพียงแต่เบือนสายตาไปทางอื่นแทนราวกับไม่อยากเห็นภาพตรงหน้า
“งั้นรินก็ลองนี่บ้างสิ เธอชอบปลาหมึกใช่ไหม เนี่ยเลยมันมีไข่ปลาหมึกด้วยนะกินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดอร่อยสุดๆไปเลย” ฮันเองเห็นท่าไม่ค่อยจะดีเขาจึงตัดสินใจรบกวนคนอีกคู่เพื่อดึงความสนใจของเฟรินโดยการตัดของชอบของเจ้าหล่อนใส่จานให้บ้าง
“ขอบคุณมากนะฮัน ^^” คนตัวเล็กหันมาส่งยิ้มให้ชายหนุ่มข้างและดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนเกิดอาการเคืองๆ
“เฮ้.. นั่นหน้าที่กู - -^” รันส่งข้อศอกแหลมๆไปกระแทกที่แขนเพื่อนรักเบาๆอย่างกวนประสาท
“ฮ่าๆ อ้าวกูลืมโทษทีๆ -__,-” และแน่นอนว่าฮันเองก็ไม่ยอมที่จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบเลยส่งยิ้มกวนๆกลับไป
“อ้าวลืมได้ไงให้มันได้อย่างนี้สิ นั่นรินเป็นเมียกูแล้วนะเว้ย มึงนี่!” รันเวย์ทำท่าทางขึงคลังใส่เพื่อนรักแม้มันจะเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนได้แต่ชายหนุ่มหารู้ไม่ว่าคำพูดของเขานั้นตอกย้ำความรู้สึกบางอย่างในใจของเพื่อนชายคนนี้..
“งั้น.. นายลองชิมนี่สิ ฉันยังไม่เห็นนายกินอันนี้เลย” เมื่อดูท่าทางว่าอีกคนเหมือนจะน้อยใจเฟรินจึงตักเอาเนื้อปูชิ้นโตสีขาวนวลละเอียดลงบนจานของสามีและนั่นทำให้ทั้งโต๊ะเงียบลงทันทีอย่างไม่มีสาเหตุ
“....ขอบคุณนะริน” ร่างสูงค่อยๆหันมามองเนื้อปูบจานของตัวเองก่อนเงยหน้ามองคนที่หยิบยื่นมาให้
“...”
“...”แต่ทั้งโต๊ะก็ยังคงเงียบสนิทอย่างไม่มีสาเหตุ
“น้องรินเป็นภรรยาไม่รู้หรอคะว่ารันแพ้ปู” และแล้วสาเหตุของความเงียบบนโต๊ะอาหารก็ถูกเฉลยโดยหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นอดีตครัก..
“....” ร่างบางนั่งนิ่งราวกับถูกสะกดใบหน้าสวยชาไปหมดราวกับถูกหมุดเหล็กตอกลงกลางหน้าผาก..
“...” ร่างสูงเองเริ่มเห็นน้ำสีใสเริ่มคลอขึ้นที่เบ้าตาคู่นั้นเขาเองก็ตัดสินใจที่จะตักเนื้อปูชิ้นนั้นเข้าปากอย่างไม่ลังเล
“รัน!! นายแพ้ปูนะ! นายเป็นบ้ารึไงหรือก็แย่หรอก! ” เสียงของหญิงสาวอีกคนเรียกสติของร่างเล็กที่สติหลุดไปเมื่อครู่ให้กลับมาและพบว่าเขากำลังเคี้ยวเนื้อปูขิ้นนั้นอยู่ในปาก..
“....” จู่ๆน้ำตาที่กำลังเอ่อก็ทะลักออกมาอย่างไม่ได้ตั้งตัวก่อนร่างเล็กจะลุกออกจากโต๊ะไป
“ริน!” ฮันที่รีบลุกพรวดตามทันทีอย่างลืมตัวแต่ก็ต้องชะงักลงเมื่อมือหนาจากชายคนข้างๆคว้าเอาไว้ก่อนที่เขาจะพูดมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“หน้าที่กูเอง” ว่าแล้วชายหนุ่มก็ลุกจากโต๊ะแล้วโค้งหัวน้อยๆให้เจ้ามือมื้อนี้แทนคำขอบคุณก่อนจะรีบวิ่งตามคนตัวเล็กที่วิ่งหนีไปก่อนหน้านี้ทิ้งให้หนุ่มสาวที่ยังนั่งอยู่โต๊ะมองตาม
“ฉันเตือนเธอแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำอะไรไม่เข้าท่า” ตาคมหันกลับมามองหญิงสาวคนที่ยังนั่งอยู่อย่างขัดใจแต่ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนั้นกลับนั่งยิ้มกริ่มอย่างชอบใจ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
‘มันเป็นเรื่องที่ภรรยาอย่างเจ้าหล่อนควรจะรู้ ถ้าไม่รู้...ฉันจะช่วยสอนให้!’
.
.
.
.
.
.
.
“ริน รินเดี๋ยวก่อนสิ รอฉันด้วย!” มือหนารีบคว้าเข้าที่ข้อมือเล็กของคนที่วิ่งนำอยู่
“ปล่อยนะ! อย่ามายุ่งกับฉัน! ฮึก..” คนตัวเล็กรีบสะบัดมือออกก่อนจะหันมาประชันหน้ากับคนด้านหลังพร้อมน้ำตาที่ไหลพรากอาบลงแก้ม
“ฟังฉันก่อนสิ!. ..” ร่างใหญ่ดันคนตัวเล็กกว่าติดประตูด้านหลังแต่ก็ต้องชะงักเมื่อสังเกตุเห็นน้ำใสๆที่ไหลลงพาดผ่านแก้มนวลนั่น
“ฉัน ฮรึก..ฉันไม่อยากฟังอะไรจากนายทั้งนั้น ปล่อย!” มือเล็กผลักอกแกร่งออกจนสุดแรงแต่ก็ไม่ทำให้เขาสะเทือนแม้แต่น้อย
“แต่ฉันต้องคุยกับเธอ” แม้ไม่อยากจะเห็นน้ำตานั่นแต่ร่างสูงเองก็ต้องจำใจกระชากแขนเล็กให้เดินตามมาจนถึงห้องพักของพวกเขาเอง มือหนารีบไขกุญแจทั้งๆที่อีกมือยังคงจับข้อมือเล็กของคที่พยายามขัดขืนไว้แน่น
“ปล่อย! โอ๊ย!” การต่อต้านดูเหมือนว่าจะไม่มีผลอะไรแต่กลับกลายเป็นว่าร่างบางถูกกระชากเข้าไปในห้องก่อนจะเหวี่ยงลงเตียงนุ่มอย่างแรง
“เธอจะไม่ยอมฟังฉันดีๆใช่ไหม!?” ไม่ว่าเปล่าร่างใหญ่ของชายหนุ่มรีบคลานขึ้นคร่อมทับร่างเล็กๆของภรรยาจนเจ้าหล่อนต้องผวาถดตัวถอยหลังหนี
“นายจะทำบ้าอะไร! ปล่อย! ปล่อยย! ฮือออ” ร่างบางดีดดิ้นสองมือทุบอกแกร่งของคนด้านบนหวังให้หลุดพ้นจากการจับกุมนี้
“เฟริน! หยุดแล้วฟังฉัน!” มือใหญ่ข้างนึงรวบเอาข้อมือเล็กทั้งสองกดไว้กับเตียงแน่นพร้อมทั้งหน้าคมที่จ้องมองคนใต้ร่างอย่างดุดันแม้ว่าเขาจะรู้สึกแพ้ให้กับน้ำตาของเธอแต่ก็ต้องทำเป็นใจแข็งไว้เพื่อให้เธอยอมฟังเขาบ้าง ในขณะนี้ใบหน้าของพวกเขาทั้งคู่ห่างกันเพียงคืบจนแทบสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน
“.....” คนตัวเล็กรีบเม้มปากแน่นกลั้นเสียงสะอื้นนอนนิ่งตามคำสั่งพร้อมกับจ้องมือคนบนร่างด้วยดวงตาที่เอ่อล้นไปด้วยหยุดน้ำตา
“เธอวิ่งหนีฉันมาทำไม” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างใจเย็นลงเพื่อให้อีกคนคลายกังวล
“นายจะให้ฉันอยู่เพื่อให้เค้าฉีกหน้าฉันหรอ..ให้เค้าตอกย้ำหรอ.. ฮึก.. ว่า ฮึก ว่าฉันไม่สมควรเป็นเมียนาย”
“....”ร่างสูงไม่พูดอะไรทำเพียงจ้องมองคนใต้ร่างและฟังเงียบๆเพื่อให้เจ้าหล่อนระบายความอัดอั้นตันใจออกมา
“แล้ว ฮึก.. ฮรึกก..เรื่องแค่นี้ ฮือ..เรื่องแค่นี้ฉันยังไม่รู้เลยแล้วฉัน .. ฮึก อึก ..ก ฉันจะเป็นเมียที่ดีของนายได้ยังไง” หยดน้ำตาแห่งความเสียใจไหลลงผ่านแก้มใสจนเปียกชุ่มแต่เหตุใดคนบนร่างจึงรู้สึกราวกับหยุดน้ำตานั่นกำลังหยุดรดใจเขาอยู่..
“ไม่หรอก.. ฉันเองที่ไม่เคยบอกเธอ ฉันขอโทษ” ร่างหนาพูดพร้อมกับสบตาคนใต้ร่างหวังให้เธอสัมผัสถึงความจริงใจจากคำว่าขอโทษของเขา
“....”
“แต่ตอนนี้..เธอต้องมารับผิดชอบการกระทำของเธอก่อน”
“ร รับผิดชอบ...อะไร?”
“....” ร่างสูงไม่ตอบอะไรทำเพียงแต่ค่อยๆโน้มหน้าลงไปใกล้ๆซอกคอขาวข้างๆใบหู..
“น นายจะทำอะไร!” คนตัวเล็กสั่นเทาเพราะความตื่นตระหนกจากการกระทำของอีกคน
“... รับผิดชอบทายาให้ฉัน ตอนนี้ฉันคันจนจะทนไม่ไหวแล้ว” เสียงทุ้มกระซิบข้างใบหูเล็กเบาๆก่อนจะผละตัวออกแล้วหัวเราะร่าเมื่อเห็นอาการตื่นกลัวของคนตัวเล็ก
“ไอ้บ้า! บอกดีๆก็ได้ไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลย” หน้าหวานมุ่ยเข้าหากันจนยับยู่ยี่ยิ่งเรียกเสียงหัวเราะจากอีกคนได้เป็นอย่างดี
“งั้นก็เลิกร้องไห้ได้แล้วนะ” ว่าแล้วนิ้วยาวก็เกลี่ยเช็ดน้ำตาบนแก้มใสนั่นเบาๆอย่างทะนุถนอม
“เลิกร้องแล้วน่า... งั้นก็มาสิฉันจะทายาให้ ต้องกินยาด้วยนะ” มือเล็กรีบปาดน้ำตาออกลวกๆเพื่อกลบเกลื่อนใบหน้าของตัวเองที่กำลังขึ้นสีแดงระเรื่อบ่งบอกว่าเจ้าหล่อนกำลังเขินอาย
“โอ้โห.. นายแพ้เยอะขนาดนี้เลยหรอ” เฟรินที่กลับมาพร้อมขวดยามองลำตัวที่เต็มไปด้วยผื่นแดงจนน่ากลัว
“ก็มากอยู่ ตอนเด็กฉันแพ้จนหายใจไม่ออกแต่พอโตแล้วมันก็เบาลงหน่อย” ร่างหนาที่ถอดเสื้อแล้วนั่งนิ่งๆเพื่อให้อีกคนทายา
“ถ้านายแพ้หนักขนาดนี้ ก็ไม่เห็นจะต้องกินที่ฉันตักให้ก็ได้นี่” มือเล็กค่อยๆละเลงยาลงบนแผ่นหลังกว้างของสามีอย่างเบามือ
“ก็เมียตักให้ทั้งทีไม่กินได้ยังไงล่ะ” เจ้าตัวสามีพูดออกมาได้อย่างหน้าตาเฉยแต่คนฟังกลับไม่รู้สึกอย่างนั้นเลยแม้แต่น้อย
“... บ้า” ใบหน้าหวานรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีมื่อฟังประโยคนั้น
“....”
“เสร็จแล้ว ฉันจะเตรียมยาไว้ให้ กินแล้วก็นอนพักซะ” ว่าจบว่าที่คุณหมอก็ลุกไปเก็บขวดยาพร้อมเตรียมยาที่พูดถึงไว้ให้
“แล้วอย่าลืมมานอนให้ฉันกอดด้วยล่ะ”
“O///O”
.
.
.
.
.
.
.
.
‘นายต้องบ้าไปแล้วแน่ๆเลย!’
.
.
.
.
.
.
.
“นายนี่จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนนะ” ร่างบางที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วยืนเท้าเอวมองสามีตัวดีที่ยังนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง
“งั้นก็ช่วยไม่ได้ ฉันไปคนเดียวก็ได้” ว่าแล้วก็เดินไปหยิบกระดาษเปล่าเพื่อเขียนข้อความไว้ให้อีกคน
‘ฉันออกไปซื้อของฝากเดี๋ยวกลับมา’
“...” เฟรินแปะข้อความไว้หน้ากระจกก่อนคว้าเอากระเป๋าแล้วออกจากห้องมาแต่ด้วยความที่เจ้าหล่อนเดินไปแล้วก็ก้มเช็คของในกระเป๋าไปพร้อมๆกันแน่นอนว่าเธอต้องชนเข้ากับอะไรสักอย่างแน่นอน
“โอ๊ย!”
“โอ๊ะ! อ้าวริน”
“อ้าวฮัน”
“กำลังจะไปไหนหรอ”
“กำลังจะไปหาซื้อของฝากน่ะ ^^”
“ไปคนเดียวหรอ” ว่าแล้วชายหนุ่มก็สอดส่ายสายตาหาคนที่ควรจะอยู่ตรงนี้กับเจ้าหล่อนแต่ก็พบเพียงว่ามีเธอเพียงคนเดียวจริงๆ
“ใช่แล้ว รันยังไม่ตื่นน่ะ”
“งั้น..ให้ฉันไปเป็นเพื่อนไหมอ่ะ? กำลังว่าจะไปเดินเล่นพอดีเลย”
“เอางั้นก็ได้ งั้นไปกัน ^^” ว่าจบพวกเขาทั้งคู่ก็ตรงไปยังจุดขายของฝาก ทั้งสองเดินเลือกเดินซื้อของช่วยกันอย่างสนุกสนานหากใครพบเห็นก็อาจเข้าใจผิดว่าทั้งสองนั้นก็เป็นคู่รักอีกคู่ที่น่าอิจฉา แม้อีกฝ่ายจะคิดเพียงแค่เพื่อนแต่อีกฝ่ายได้เพียงเท่านี้เขาก็มีความสุขมากแล้ว
“เธอหิวไหมอ่ะริน กินข้าวกันก่อนไหมแล้วค่อยกลับ” ชายหนุ่มที่อาสาถือของให้เอ่ยถามขึ้น
“นิดหน่อยอ่ะแต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันกลับไปกินพร้อมรันก็ได้ หมอนั่นต้องกินยาด้วย”
“อ่า..งั้นก็ได้” แม้จะรู้สึกผิดหวังนิดหน่อยแต่เขาก็ได้แต่เก็บมันไว้ในใจและเดินตามเจ้าหล่อนไปอย่างเงียบๆ
“โอ่ย เมื่อยไหมนั่นฉันบอกนายแล้วให้ฉันถือด้วยก็ได้ ไม่เห็นจะต้องเอาไปถือเองคนเดียวหมดเลยนี่” หญิงสาวว่าพลางไขกุญแจห้องของตัวเองแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อในห้องยังคงเงียบสนิทราวกับไร้สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่
“นายวางของไว้ตรงนั้นก่อนก็ได้.. ทำไมเงียบจังอ่ะ หมอนั่นยังไม่ตื่นรึไงนะ” ว่าแล้วก็รีบเดินเข้าไปสำรวจในห้องนอนแต่ก็ต้องพบแต่ความว่างเปล่า
“รันไม่อยู่หรอ” ชายหนุ่มที่วางของแล้วเดินตามเธอมาติดๆ
“ไม่อ่ะ ไม่รู้ไปไหน เนี่ยเลยเวลากินยาเขาแล้วเนี่ยผื่นต้องขึ้นอีกแน่ๆเลยอ่ะ” คนตัวเล็กรีบร้อนเดินออกห้องไปจนอีกคนต้องรีบวิ่งตาม
“เดี๋ยวๆรอฉันด้วยเธอจะไปไหน”
“ไปตามหารันไง”
“งั้นรอเดี๋ยวฉันขอไปหยิบของก่อน” ว่าแล้วชายหนุ่มก็รีบวิ่งไปยังห้องของตัวเองก่อนจะวิ่งออกมาแล้วไปเคาะประตูห้องอีกห้องหนึ่ง
“แซนดี้ เปิดประตูหน่อย โทรศัพท์ฉันอยู่กับเธอไหม” ฮันยืนเคาะห้องอยู่สองสามทีก่อนจะลองขยับลูกบิดดูและพบว่ามันไม่ได้ล็อค
“ให้ฉันโทรหาให้ไหมอ่ะฮัน” เฟรินที่เดินตามมาติดๆยกโทรศัพท์ขึ้นมากดเป็นจังหวะเดียวกันที่ฮันเปิดประตูเข้าไป..ปรากฏร่างของเจ้าของห้องในชุดนอนตัวบางกำลังลูบไล้อกแกร่งของชายหนุ่มที่เปลือยท่อนบนอยู่...
“.....”
“....”
“....”โทรศัพท์เครื่องสวยตกลงกระแทกพื้นเสียงดังเรียกความสนใจจากคนในห้องทั้งสองให้หันมาแขกที่บังเอิญเข้ามา...
“ริน!!!!!!” รันรีบเด้งตัวออกจากหญิงสาวตรงหน้าแทบจะทันทีแต่นั่นก็ไม่ไวพอที่จะไปตามร่างบางรีบวิ่งหนีไปด้วยความตกใจ
“...” ชายหนุ่มอีกคนที่เข้ามาพร้อมรินก็ตกใจไม่ต่างกัน ฮันไม่พูดอะไรทำเพียงส่งสายตาดุดันไปหาเพื่อนรักก่อนจะรีบวิ่งตามหญิงสาวที่วิ่งหนีไป
“ริน!” รันรีบเด้งตัวขึ้นเตรียมจะวิ่งตามไปแต่ก็ถูกมือเล็กรั้งไว้
“ให้ฮันไปตามเถอะ ไปตอนนี้เค้าก็ไม่ฟังนายหรอก”
“...........”
.
.
.
.
.
.
‘ทำไมนายถึงใจร้ายกับฉันอย่างนี้...’ริน
.
.
.
.
.
.
“ฮึก.. ฮือออออออ..”ร่างเล็กที่ซุกหน้าลงกับอกแกร่งของใครบางคนร่ำไห้ออกมาอย่างสุดเสียงพร้อมกับน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาอย่างไม่อาจจะห้าม
“....” ชายหนุ่มไม่พูดอะไรมีเพียงมือหนาที่โอบกอดร่างบางตรงหน้าไว้แน่นพร้อมอีกมือที่ลูบหัวเจ้าหล่อนเบาๆอย่างหวงแหน.. เสียงร้องไห้บีบรัดไปถึงหัวใจของชายหนุ่ม..เขาเจ็บ..เจ็บไปทั้งอกแกร่งแต่ก็มิอาจช่วยอะไรได้
.
.
.
.
.
‘พาฉันกลับบ้านที..’
.
.
.
.