“เอ้า!! ว่าไง จะเอายังไงก็ว่ามาฉันไม่มีเวลาทั้งคืนนะ” รัฐกฤตญ์ตะโกนพูดอย่างหงุดหงิด
“พ่อคะ นันท์ พี่เรียว ณิชาไม่เป็นอะไรหรอกอย่างมากก็แค่ทำงานใช้หนี้แทนพ่อสามปี แค่สามปี เดี๋ยวเดียวเองค่ะ ส่วนเรื่องแต่งงานพี่พลเค้ารอณิชาได้” ณิชาพูดอย่างเชื่อมั่นในตัวของธนาพล ผู้ชายที่เธอตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
“จะตอบได้หรือยัง” เขาถามอีกครั้ง
“ฉันตกลงตามที่คุณต้องการ แต่มีข้อแม้นะ” ณิชาเงยหน้าขึ้นตองร่างสูง
“ข้อแม้อะไร”
“ฉันต้องเห็นว่าพ่อ นันท์และพี่เรียวปลอดภัยก่อน แล้วฉันจึงจะทำตามที่คุณสั่ง”
“ทำไม...กลัวฉันโกงหรือไง”
“ก็ใช่นะสิ คุณน่ะมันขี้โกง เจ้าเล่ห์ไม่งั้นฉันไม่มีทางแพ้คุณหรอก” ณิชาพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็อดแค้นเขาไม่ได้ เป็นเพราะเธอไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของเขา ยิ่งเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาเต็มไปด้วยรอยยิ้มแล้วก็ยิ่งเจ็บใจมากขึ้น
“แล้วเธออยากให้คนอื่นรู้หรือเปล่าล่ะว่าเธอแพ้ฉันเพราะอะไร” รัฐกฤตญ์ไม่พูดเปล่ายังส่งสายตาเจ้าชู้ใส่ ยืนยิ้มแล้วทอดสายตามองใบหน้าของณิชาที่แดงระเรื่อด้วยความเขินอาย ทุกคนในที่นี้มองหน้าคนทั้งสองสลับกันไปมา ไม่รู้ความหมายว่าคนทั้งสองพูดเรื่องอะไรกัน และที่สงสัยมากขึ้นไปอีก เมื่อเห็นใบหน้าของณิชาแดงก่ำ แต่ทุกคนในที่นี้ต่างไม่ได้คำตอบ มีเพียงสองคนเท่านั้นที่รู้
“ไม่ต้องเลย คุณหยุดพูดไปเลย ไม่เคยได้ยินหรือไงสุภาษิตไทยน่ะ คนล้มอย่าข้าม” ณิชาเค้นเสียงพูด นึกโกรธตัวเองที่ถูกขโมยจูบแรกไป ยิ่งเป็นคนขี้โกงคนนี้ด้วยแล้วยิ่งแค้นเป็นสองเท่าตัว
“หยุดพูดก็ได้ เอาเป็นว่าฉันจะให้คนของฉันไปส่งพ่อกับน้องรวมทั้งลูกน้องของเธอให้ถึงที่บ้านเลย แค่นี้พอใจไหม” ณิชาทำท่าคิดหนัก ความเจ้าเล่ห์เพทุบายของเจ้าของสถานที่ที่เธอประสบ มันเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับหรือวางใจได้
“ไม่!! ฉันจะเป็นคนไปส่งพวกเค้าเอง” ณิชาลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับรัฐกฤตญ์ ไม่ไว้ใจคำพูดและการกระทำของชายตรงหน้า ทางที่ดีที่สุดคือเธอต้องไปส่งบุคคลทั้งสามด้วยตัวเองให้เห็นกับตาว่าทุกคนปลอดภัย
“ก็ได้ ตกลงตามนี้” รัฐกฤตญ์พูดออกมาหลังจากที่ตัดสินใจเพียงเสี้ยววินาที แต่ในใจเขาไม่มีใครรู้ว่า เขาจะทำอะไรเป็นลำดับต่อไป
“งั้นคุณรอที่นี่นะแหละ ฉันไปส่งพวกเขาไม่นาน”
“ไม่ได้ เกิดเธอเจ้าเล่ห์หายตัวไประหว่างที่ไปส่งทั้งสามคนนี้ ฉันก็ขาดทุนแย่น่ะสิ” รัฐกฤตญ์โต้ทันควัน
“ฉันไม่เจ้าเล่ห์และขี้โกงเหมือนคุณหรอก” ณิชาพูดอย่างเหลืออดหลังจากที่ได้ยินคำพูดของชายร่างสูง
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ฉันจะไปส่งพวกเค้าพร้อมกับเธอ พอส่งเสร็จเธอก็ไปอยู่กับฉันที่คอนโดทันที”
“อะไรนะ!!” เสียงอุทานตกใจของณิชาดังขึ้น
“ไปกับคุณ ทำไมต้องไปอยู่กับคุณที่คอนโดด้วย ในเมื่อแค่ทำงานใช้หนี้ไม่ใช่เหรอ” ณิชาเอ่ยถามทันทีที่หายจากอาการตกใจ ไม่คาดคิดว่าเธอจะต้องไปอยู่กับเขา
“ที่พูดๆ มานี่ไม่เข้าใจเลยเหรอ เธอต้องทำทุกอย่างที่ฉันสั่ง นั่นหมายถึงเธอต้องไปอยู่บ้านฉัน ทำงานบ้าน หุงข้าว ล้างจาน สารพัดอย่างที่ฉันอยากให้ทำ”
รัฐกฤตญ์เฉลยออกมายาวเหยียด งานที่เขาร่ายมาทั้งหมดเหนือความคาดหมายของณิชาทั้งสิ้น เธอคิดว่าเขาจะให้ไปทำงานในบริษัทของเขาในระยะเวลาสามปีตามที่ได้ตกลงกันไว้ ในเมื่อเขาสั่งมีหรือที่เธอจะไม่ตกลง เพราะตอนนี้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบจะสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำ
“งั้นก็ได้” ณิชาพูดตัดความรำคาญ ลำพังงานแค่นั้นสบายมากไม่เหนือบ่ากว่าแรงเลยสักนิดเดียว อีกอย่างตอนนี้สิ่งเดียวที่เธอคิดและต้องทำให้ได้ก็คือให้บิดา น้องสาวและเรียวปลอดภัย เรื่องอื่นเอาไว้คิดทีหลัง
“งั้นก็ไปส่งคนพวกนี้ได้แล้ว วันนี้ฉันเหนื่อยเต็มทนอยากกลับคอนโดไปแช่น้ำอุ่นเต็มที”
รัฐกฤตญ์พูดไปด้วยมองหน้าสวยหวานของณิชาไปด้วย คนที่ถูกมองหลบหลีกสายตาร้อนผ่าวแทบไม่ทัน ในใจของเขานั้นกำลังคิดและทำอะไรมากกว่าคำพูดที่ได้เอ่ยไป เธอเปรียบเสมือนเหยื่อชิ้นใหม่ของเขา เป็นเหยื่อที่หอมหวานแถมเผ็ดร้อน มันคงเป็นรสชาติใหม่ที่น่าลิ้มลองและอร่อยลิ้นน่าดูในภายภาคหน้ารัฐกฤตญ์ไม่รู้หรอกว่า เหยื่อที่เขานึกคิดขณะนี้จะทำให้หัวใจเจ็บเจียนตาย คลุ้มคลั่งดั่งพายุต้องเจอกับรักสามเส้าที่รอวันแตกหัก รักที่ต้องเลือกต้องเจอกับแรงริษยาที่ถาโถมเข้ามา กว่าจะผ่านพ้นไปได้ต่างบอบช้ำทั้งคู่ กว่าจะรู้หัวใจตัวเองก็เกือบจะสายเสียแล้ว
.....
ณิชานั่งทำเสียงฮึดฮัดอยู่ที่เบาะด้านหลังของรถลีมูซีนแบบสามตอน หลังจากที่ไปส่งบิดาน้องสาวและเรียวที่บ้านเรียบร้อยแล้ว ไม่ทันที่จะได้อำลากันกันแม้แต่คำเดียว เจ้านายคนใหม่ของเธอก็วางอำนาจใส่ สั่งแกมขมขู่ให้ณิชาเก็บข้าวของส่วนตัวโดยให้เวลาเพียงสิบนาที ไม่เช่นนั้นจะพาตัวบิดาและน้องสาวรวมทั้งเรียวไปทรมานอีกครั้ง ทำให้คนที่เสียเปรียบรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมากทำตามคำสั่งอย่างไม่เต็มใจ