“คุณอัคคี หนูขอโทษค่ะที่พูดจาไม่ดีออกไป หนูพายสำนึกผิดแล้วค่ะ”
ผมยังคงนิ่งมองไปด้านหน้า สำนึกผิดจริงๆเหรอยังไม่เชื่ออ่ะ การพูดการจาต้องให้ส้มซ่าสอนใหม่แบบนี้ไม่ได้ ถ้าเจอแม่ผมนะโดนแน่ๆ
“คุณอัคคีหนูพายสำนึกผิดแล้วค่ะ”
“รู้ไหมทำไมฉันถึงให้เธอมาอยู่กับฉัน 1.ฉันเห็นแก่เธอที่โดนจับโยนมาให้รับผิดชอบแทนพี่สาว 2.เธอเป็นเด็กที่เรียนดี มีความสามารถเพราะฉันสืบประวัติเธอมาหมดแล้ว 3.เธอยังเด็กเกินไป เด็กเกินที่จะตกไปอยู่กับคนที่หวังผลประโยชน์”
“แต่คุณก็หวังที่จะเคลมหนูไม่ใช่เหรอคะ”
“ก็ถ้าเธอไม่ยอมฉันจะทำอะไรได้ ข่มขืนฉันก็ทำได้นะแต่นั่นไม่ใช่สันดาน ที่พามาหาไอ้หมอเธอเห็นแล้วใช่ไหม ภายนอกมันดูเป็นคนเรียบร้อย เป็นที่รักของหลายๆคน แต่ด้านมืดของมันเธอเห็นหรือยัง”
“เห็นแล้วค่ะ”
“กลับไปก็ไม่คิดทบทวนตัวเองให้ดีแล้วอยากทำอะไรต่อไปก็มาบอกฉัน คืนนี้ฉันคงทำงานทั้งคืนคิดได้ก็มาบอก”
“ค่ะ”
ถึงบ้านผมก็มองนังหนูพายที่รีบวิ่งขึ้นห้องไป ผมควรจะดูแก้มของเธอหรือเปล่าที่โดนตบมา แต่ปล่อยไปก่อนดีกว่าเดี๋ยวจะหาว่าผมให้ความสำคัญ
23.00น.
ผมนั่งเคลียร์เอกสารตัวแดงของร้านเหล้าที่เจอคู่แข่งที่มาเปิดได้ไม่นาน ผมห่างหายไปครึ่งปีเกือบเจ๊ง!
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
ผมหันไปมองก็เห็นหนูพายยืนอยู่หน้าห้องผมเลยกวักมือให้เธอเข้ามา คิดได้แล้วเหรอว่าจะเอายังไงต่อ
“ถ้าเป็นเรื่องไร้สาระไม่ฟังนะ งานฉันยุ่งเห็นไหม”
“หนูพายคิดได้แล้วค่ะ” ฉันจิกมือเพราะว่ากลัว กลัวว่าสิ่งที่ขอไปมันจะดูมากเกินไป
“ว่ามาสิ”
“หนูอยากเรียนต่อ ถ้าเกิดหนูเรียนจบหนูจะกลับมาช่วยงานคุณอัคคีเพื่อตอบแทนบุญคุณได้ไหมคะ”
น่าสนใจดีนี่แต่ว่าผมไม่เคยเห็นเด็กในบ้านคนไหนเรียนเลยนะ ญาญ่ามาตอนอายุ17 ก็ไม่ได้สนใจที่จะเรียน แต่ความคิดของหนูพายดีอยู่นะ
“ทำไมถึงอยากเรียนบอกเหตุผลมาหน่อยสิ เรียนต่อปริญญาใช้เงินเยอะนะ เท่ากับว่าฉันต้องลงทุนให้เธอโดยที่ไม่รู้เลยว่าผลที่ออกมามันจะเป็นยังไง”
“หนูจะช่วยงานทุกอย่างเลยค่ะ จะไม่ทำให้คุณอัคคีต้องเสียเงินเปล่าๆเลย”
“ไว้ฉันจะพิจารณาอีกที” ผมยังคงมองเธอที่ดูประหม่าเวลาเข้ามาหาผม ไม่รู้ว่าไอ้หมอไปพูดอะไรถึงได้กลายเป็นเด็กดีแบบนี้ ส่งเด็กไปให้มันเสียวที่โรงพยาบาลเลยดีกว่า
“ถ้างั้นหนูขอตัวขึ้นนอนก่อนนะคะ”
“อืม ไปเถอะ” ผมมองเด็กพะพายจนพ้นสายตา เฮ้อเด็กหนอเด็ก เธอยังต้องเรียนรู้อีกเยอะสังคมบนเกาะกับสัมคมบนฝั่งมันไม่เหมือนกันนะจะบอกให้
วันต่อมา
ฉันตื่นลงมาด้านล่างก็ได้ยินเสียงโวยวายเลยต้องรีบลงมาดูถึงได้เห็นคุณอคินกำลังเถียงกับคุณอัคคีอยู่กลางบ้าน
“เฮียจะบ้าหรือไง ส่งผู้หญิงไปรุมโทรมผมกลางโรงพยาบาล รู้ถึงไหนอายถึงนั่น”
“ไม่ชอบหรือไง”
“นั่นมันโรงพยาบาล ช่วยเหลือภาพพจน์ดีๆให้ผมบ้างเถอะ แล้วนี่หนูพายของผมไปไหน ผมซื้อน้ำเต้าหู้มาฝากเธอ”
“ยังไม่ตื่น!”
“มาแล้วค่ะ” ฉันวิ่งลงมาหาคุณอคิน คุณอคินเลยหันมาสนใจฉันจนคุณอัคคีมองหน้า
“น้ำเต้าหู่ค่ะ ไม่รู้เธอชอบไหมแต่มันมีประโยชน์มาก”
“ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ดีใจจังมีคนห่วงใย”
“งั้นวันนี้ผมทานข้าวด้วยนะ”
“ไม่ได้!! ข้าวบ้านมึงไม่มีแดกหรือไง ออกไปได้แล้วไป”
“ทำไมล่ะคะ คุณอคินก็เป็นน้องคุณนี่”
“ไอ้ภูส่งแขก!!”
คุณอคินโดนลากออกไปโยนข้างนอกจากนั้นทุกคนก็เตรียมมานั่งทานข้าว วันนี้มีโจ๊กหมูใส่เห็ดงั้นเหรอ ดีจังอาหารเบาๆ สาวๆทั้งหลายต่างช่วยกันปรนนิบัติเพื่อแย่งความเป็นที่หนึ่งแต่สายตาของอัคคีกลับมองมาที่พระพาย เธอนั่งอยู่ท้ายสุดแถมยังนั่งทานเงียบๆไม่คุยกับใคร
“คุณอัคคีนี่เอกสารมหาวิทยาลัยในเครือของคุณท่านครับ” อัคคคีหันไปมองหน้าลูกน้องจนภูต้องรีบก้มหน้าและเดินถอยออกไป แต่คนที่ยิ้มหน้าบานก็คงเป็นพระพาย
“กินข้าวเสร็จแล้วไปหาฉันที่ห้องทำงานนะหนูพาย”
“ค่ะ”
หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จฉันก็ถูกพี่ส้มซ่าพามาส่งที่ห้องทำงาน แถมยังต้องเอาชาอู่หลงไปเสิร์ฟให้คุณอัคคีอีก
“เรื่องที่เธอขอ ฉันโอเคนะ อนุญาตให้เรียนต่อได้ แต่ที่เกาะข้างๆจะเป็นมหาลัยนานาชาติ เธอมั่นใจไหมว่าจะสอบเข้าได้”
“หนูไม่มั่นใจแต่หนูจะพยายามค่ะ”
“ถ้างั้นก็ไปเตรียมอ่านหนังสือเถอะ ฉันให้ไอ้ภูมันเปิดห้องหนังสือให้แล้ว โปรดรักษาความสะอาดและเก็บหนังสือให้เป็นระเบียบตามหมวดหมู่”
“ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
ฉันเดินตามคุณภูมาที่ห้องหนังสือด้านบนมันเชื่อมต่อกับห้องอะไรเหรอ ฉันเดินไปใกล้ๆคุณภูก็รีบร้องห้ามทันที
“อย่าเข้าไปนะครับ ในนั้นมีปีศาจร้าย”
“ปีศาจ?” ฉันรีบถอยออกมาจากประตูแต่คุณภูกับหัวเราะ
“นั่นห้องของคุณอัคคีครับ คุณอัคคีชอบอ่านหนังสือเป็นการฝึกสมาธิ” ว๊าวตาบ้ากามมีมุมนี้กับเขาด้วยหรือเนี่ย